• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี 24_1

    หน้าที่แล้ว1 of 5

    บทที่ 1 ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์น้องเล็ก

    คำพูดง่ายๆ สองประโยคทำให้หนิงเชวียแน่ใจถึงความจริงที่สำคัญสองข้อ… ข้อแรก หลวงจีนชราที่ด่านฌานล้ำลึกจนยากจะหยั่งถึงรูปนี้คือเจ้าคณะฝ่ายเทศนาแห่งวัดเสวียนคงจริงๆ และข้อสอง หลวงจีนชรารูปนี้กำลังจะสังหารตนและซังซัง

    เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์คับขันเช่นนี้มันไม่มีเวลามาสนใจว่าด่านฌานของตนกับของเจ้าคณะฝ่ายเทศนาแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ที่จริงแล้วมันถึงกับไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ มีแต่ต้องใช้ความกล้าและความแน่วแน่ที่เหลืออยู่ไม่มาก ชิงลงมือ!

    ลมปราณสุดไพศาลในกายมันพรั่งพรูออกมา ขาขวาเหยียบพื้นแข็งๆ จนเป็นหลุม ร่างกายเปลี่ยนเป็นเงาสายหนึ่งโถมทะยานไปถึงเบื้องหน้าเจ้าคณะในชั่วพริบตา สองมือเงื้อดาบที่ผนึกแสงเจิดจรัสของเฮ่าเทียนที่โชติช่วงชัชวาลราวกับจะเผาผลาญเมฆดำบนท้องฟ้าให้สิ้นซากฟันไปที่ศีรษะของเจ้าคณะ

    ดาบที่หนักและแข็งแรงฟันลงบนงอบของเจ้าคณะอย่างหนักหน่วง เสียงแก๊งดังขึ้นคราหนึ่ง เหมือนฟันโดนระฆังโบราณใบหนึ่งจนเกิดเสียงดังกังวาน

    ในพริบตา งอบแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วกระจายออกไปรอบทิศ เผยให้เห็นศีรษะล้านเลี่ยนที่มีรอยตราศีลของเจ้าคณะฝ่ายเทศนา ทว่าสีหน้าของหลวงจีนชราไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่ขนคิ้วสักเส้นก็ไม่สั่นไหว

    สองมือที่จับด้ามดาบของหนิงเชวียต่างหากที่สั่นสะเทือน แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่หยุดชะงัก ท่ามกลางเสียงตวาดก้อง ดาบผนึกแสงเจิดจรัสของเฮ่าเทียนฟันลงอีกครั้งราวกับพายุฝนเทกระหน่ำ ในชั่วอึดใจฟันใส่ร่างของเจ้าคณะไปสิบเจ็ดดาบ ตำแหน่งที่ฟันลงของแต่ละดาบล้วนแตกต่างกัน แต่หนักหน่วงรุนแรงในทุกดาบ

    ดาบแรกที่เงื้อขึ้นผลาญฟ้าฟันลงทลายภูผาเป็นดาบที่ทรงอานุภาพที่สุดในชีวิตนี้ของหนิงเชวีย เทียบกับดาบที่ฟันหลิ่วอี้ชิงจนตาบอดที่ประตูข้างของสถานศึกษาก็ทรงพลังกว่าไม่รู้ว่ากี่เท่าต่อกี่เท่า

    และสิบเจ็ดดาบต่อเนื่องที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบในตอนนี้ก็เป็นเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่มันเคยทำได้ หากไม่เป็นเพราะถูกบีบคั้นด้วยความกลัวที่มหาศาล เดิมทีด่านฌานของมันในตอนนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ

    แต่ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งดาบที่ทรงอานุภาพที่สุด หรือเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ล้วนไม่มีความหมายใดต่อร่างกายของหลวงจีนชราที่สีหน้านิ่งเฉยสงบเงียบไม่พูดจารูปนี้

    ขนคิ้วสักเส้นก็ยังไม่ร่วง แล้วจะทำให้คนบาดเจ็บได้อย่างไร

    เมื่อสภาวะดาบสิ้นสุด งอบของเจ้าคณะฝ่ายเทศนายังคงกระจาย ส่วนจีวรถูกคมดาบตัดเป็นชิ้นๆ แต่ยังไม่ร่วงหล่น

    หนิงเชวียถอยออกมาหลายสิบจั้ง ถอยกลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้ง หน้าซีดเผือด

    สายลมอ่อนๆ พัดมาจากทะเลสาบ จีวรของเจ้าคณะฝ่ายเทศนาปลิวไปช้าๆ ราวกับผีเสื้อโบยบิน เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่า จากนั้นก็มีลูกศิษย์นำจีวรใหม่มาเปลี่ยนให้

    สาธุชนหลายหมื่นคนในวัดกำลังคุกเข่าหมอบกราบอยู่อย่างศรัทธาจึงไม่มีใครเห็นภาพนี้

    แต่หนิงเชวียเห็นอย่างชัดเจน บนร่างของเจ้าคณะฝ่ายเทศนาอย่าว่าแต่รอยดาบเลย แม้แต่รอยแผลเป็นสักรอยก็ไม่มี มันจึงอดหนาวสะท้านไปทั้งกายใจมิได้ พลันนึกถึงคำพูดของชีเหมยที่หน้าบ้านร้าง

    ‘พุทธวิถีมีหมื่นพัน แต่ไม่พ้นจากต้นกำเนิดการบำเพ็ญเพียรก็เพื่อให้ฌานจิตเข้าสู่ความเป็นพุทธะ กายเนื้อเป็นพุทธะ ไม่ว่ากายหรือใจล้วนเป็นวัชระที่ไม่แตกทำลาย และอาตมาบำเพ็ญเพียรจนกายเนื้อเป็นพุทธะแล้ว’

    การต่อสู้ที่บ้านร้างทำให้หนิงเชวียรู้ว่าร่างกายของชีเหมยแข็งแกร่งและมีความสามารถในการฟื้นฟูที่น่ากลัวขนาดไหน แต่ชีเหมยเป็นเพียงศิษย์ของเจ้าคณะฝ่ายเทศนาจึงบำเพ็ญถึงเพียงกายเนื้อคือพุทธะ

    ส่วนเจ้าคณะฝ่ายเทศนานั้น ปฐมธนูสิบสามดอกยิงไม่เข้า ดาบที่ผนึกแสงเจิดจรัสของเฮ่าเทียนก็ไม่อาจสร้างริ้วรอย เห็นได้ชัดว่าบำเพ็ญถึงขั้นกายใจคืออมตวัชระซึ่งเป็นด่านฌานสูงสุดของนิกายพุทธ!

    หน้าที่แล้ว1 of 5

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook