อะไรที่เรียกว่าอมตวัชระ
ก็คือจะทำลายอย่างไรก็ทำลายไม่ได้
แล้วแบบนี้จะสู้อย่างไร
หนิงเชวียแต่ไรมาคล้ายไม่รู้ว่า‘สิ้นหวัง’เขียนอย่างไร แต่วันนี้มันคล้ายจะรู้วิธีเขียนแล้ว
เจ้าคณะฝ่ายเทศนาเปลี่ยนจีวรชุดใหม่แล้วเงยหน้าขึ้น สีหน้าสงบนิ่งมองหนิงเชวียที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง ลดไม้เท้าในมือลงช้าๆ
ก่อนหน้านี้ไม้เท้าในมือของเจ้าคณะกำลังลดต่ำลง แต่การเคลื่อนไหวของหนิงเชวียนั้นเร็วมาก ส่วนการเคลื่อนไหวของเจ้าคณะนั้นช้ามาก หลังจากหนิงเชวียฟันไปถึงสิบแปดดาบ ไม้เท้าก็ยังลงไม่ถึงพื้น
กระทั่งตอนนี้ในที่สุดปลายไม้เท้าก็สัมผัสพื้น
หัวไม้เท้าส่งเสียงดังสดใสเหมือนกระดิ่ง
ปลายไม้เท้าปักลงพื้นไปอย่างง่ายดายโดยไร้สุ้มเสียง
ไม่มีเสียงสะท้านสะเทือนแก้วหู และไม่มีสภาวะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ชาวแคว้นเยวี่ยหลุนหลายหมื่นคนที่ก้มหน้าอยู่กับพื้นไม่สามารถสัมผัสอะไรได้
เสียงนั้นก้องดังสุดขีด ดังนั้นจึงเงียบราวไร้เสียง
การสั่นสะเทือนนั้นรุนแรงสุดขีด ดังนั้นจึงไม่อาจสัมผัสได้
มีเพียงหนิงเชวียคนเดียวที่สัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือน
การสั่นสะเทือนของผืนปฐพี!
สองเท้าของหนิงเชวียเริ่มสั่น รองเท้าขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
การสั่นสะเทือนถ่ายทอดมายังขาของมัน ทำให้กางเกงขาดไปในพริบตา
จากนั้นร่างของมันก็สั่น ต่อมาซังซังที่อยู่บนหลังของมันก็สั่น
หนิงเชวียกระอักเลือดคำหนึ่งลงพื้น
ซังซังกระอักเลือดคำหนึ่งลงไหล่หนิงเชวีย
เจ้าคณะฝ่ายเทศนายกไม้เท้าขึ้นอีกคราแล้วเดินช้าๆ เข้าหาหนิงเชวีย
หนิงเชวียใจสะท้านสุดขีด ความคิดเดียวที่มีคือแบกซังซังกระโดดลงทะเลสาบ แต่ตอนนี้มันรู้สึกว่ากระดูกทุกชิ้นในร่างกายแหลกสลายไปแล้ว จะเอาแรงที่ไหนมาวิ่ง
เจ้าคณะฝ่ายเทศนาเดินช้ามาก แต่ละก้าวล้วนต้องใช้ไม้เท้ายันพื้นแล้วหยุดพักครู่หนึ่ง
ทุกครั้งที่ไม้เท้าปักลงพื้น หัวไม้เท้าจะส่งเสียงดังสดใส และหนิงเชวียที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบจั้งก็จะถูกโจมตีอย่างรุนแรง ไม้เท้าอันนั้นคล้ายปักลงที่หัวใจมัน
เจ้าคณะฝ่ายเทศนาเดินเข้าหาหนิงเชวียทีละก้าวๆ
หนิงเชวียกับซังซังกระอักเลือดไม่หยุด มองฝ่ายตรงข้ามเดินเข้ามาหาตน ตอนนี้มันปรารถนาให้เจ้าคณะฝ่ายเทศนาเดินเร็วขึ้นเพราะยิ่งฝ่ายตรงข้ามเดินช้า มันกับซังซังก็ยิ่งเจ็บปวด
หลวงจีนมากกว่าหนึ่งร้อยรูปคุมพื้นที่อยู่รอบวัด พลธนูหลายร้อยนายหายจากอาการตื่นตระหนกแล้ว ง้างสายแล้วพาดลูกธนูเล็งไปที่หนิงเชวีย
ไม่รู้ด้วยเหตุใดมีเพียงชีเหมยต้าซือเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่รอบนอกของฝูงชน
หนิงเชวียลองง้างสายธนูเหล็ก แต่พบว่าต่อหน้าพุทธานุภาพของเจ้าคณะฝ่ายเทศนา ภายในอาณาเขตของเสียงไม้เท้า ตนเองไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้เลย
เจ้าคณะฝ่ายเทศนาเดินมาช้าๆ มองมันแล้วถามอย่างเย็นชาว่า
“กระดานหมากของปฐมพุทธะอยู่ไหน”
หนิงเชวียฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวด ทั้งปากถูกแรงสั่นสะเทือนจนมีเลือดไหลออกมาตามไรฟัน มันกล่าวว่า
“อยู่ในสมองส่วนลึกของข้า ท่านสามารถฆ่าข้า แล้วดูว่ามันซ่อนอยู่ตรงส่วนไหน”
เจ้าคณะฝ่ายเทศนาถอนหายใจคราหนึ่ง มองไปที่ใบหน้าขาวซีดของซังซัง กล่าวด้วยความเวทนาว่า
“เด็กน้อยที่น่าสงสารมาที่โลกมนุษย์อย่างสูญเปล่าหลายปีมานี้เจ้าได้รับความทุกข์มากมาย จงหลุดพ้นไปในวันนี้เถอะ”
หนิงเชวียไอเป็นเลือดสองครั้ง พยายามแสดงท่าทีเย้ยหยัน กล่าวว่า
“ปฐมพุทธะพูดว่าจะฉุดช่วยเวไนยสัตว์อย่างกว้างขวาง ที่แท้ก็ใช้วิธีการแบบนี้ ทำไมท่านจึงไม่ทำให้ตัวเองหลุดพ้นก่อนเล่า”
สถานการณ์ในตอนนี้คับขันและสิ้นหวัง มันยังมีกะใจมาเย้ยหยันฝ่ายตรงข้าม นี่เป็นเพราะมันคิดว่าก่อนตายสามารถเย้ยหยันบุคคลระดับเจ้าคณะฝ่ายเทศนาได้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว และอันที่จริงมันยังไม่ได้สิ้นหวังเสียทีเดียว
ที่ไม่สิ้นหวังเพราะมันยังมีความหวังสุดท้าย
ความหวังนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวมันเอง แต่อยู่ที่คนคนนั้นที่มันรอคอย
ตอนอยู่วัดลั่นเคอมันรอคนคนนั้นนานมาก
หลังออกจากวัดลั่นเคอมันรอคนคนนั้นอยู่ในเมืองเฉาหยางมาหนึ่งเหมันต์เต็มแล้ว
มันรอคนคนนั้นมาตลอดเพราะเชื่อว่าคนคนนั้นจะต้องมาอย่างแน่นอน
วันนั้นที่วัดลั่นเคอคนคนนั้นปรากฏตัว เช่นนั้นวันนี้ก็ควรปรากฏตัวที่วัดไป๋ถ่า
มันสามารถคาดหวังได้หรือไม่กันนะ