• Connect with us

    Enter Books

    โลกนักฆ่า

    ทดลองอ่านนิยายโลกนักฆ่า 1 : Anti Killer บทนำและบทที่ 1

    บทนำ

    (1)

    กฎกติกานักฆ่า

    ‘นักฆ่าจะดูเหมือนนักฆ่าไม่ได้’

    ดูขัดแย้งหรือ?

    ไม่แน่พวกคุณอาจจะดูหนังมากเกินไป ภาพลักษณ์ของนักฆ่าฝังลึกลงในใจของผู้คน แต่ความจริงทุกคนน่ะโดนหลอกกันหมด ผมในอดีตก็ด้วย

    ถ้านักฆ่าดูเหมือนนักฆ่าก็ได้ตายไวกันพอดี

    ไม่เชื่อ? อ่านต่อไปแล้วคุณก็จะเข้าใจ

    ..

    .

    เดิมทีผมเป็นคนงานดัดเหล็ก แล้วต่อมาผมก็กลายเป็นนักฆ่าอาชีพ

    วันนั้นผมเห็นประกาศรับสมัครงานในเว็บไซต์หางานแห่งหนึ่ง ตำแหน่งที่รับคือพนักงานคีย์ข้อมูลของบริษัทไอที ไม่กำหนดคุณสมบัติในการรับเข้าทำงาน ไม่จำกัดอายุ แต่เงินเดือนกลับสูงถึงสองหมื่นห้าพันดอลลาร์ฮ่องกง แม่เจ้าโว้ย ก็อีหรอบเดียวกับพวกประกาศรับสมัครเจ้าหน้าที่ธุรการหญิงที่กำหนดว่าผู้สมัครต้องหน้าตาสวยหวาน รูปร่างอวบอึ๋ม เงินเดือนสามหมื่นเหรียญนั่นแหละครับ…โกหกทั้งเพ

    ตอนนั้นผมคิดว่าหรือจะให้ไปเป็นชายขายบริการ? ประกาศรับสมัครงานของโฮสต์คลับ? หรือให้บริการพวกชายรักร่วมเพศ? พอนึกว่าต้องใช้ปากทำอย่างว่าให้ผู้ชาย ผมก็รู้สึกเย็นเยือกในหัวใจ ความจริงผมยอมรับพวกรักร่วมเพศได้สบายมากเลยนะครับ ถ้าเป็นรักแท้ล่ะก็ไม่มีแบ่งแยกเพศอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเพื่อนสนิทใกล้ตัวผมก็เป็นเกย์เหมือนกัน แค่ว่าผมไม่ได้เป็น

    สุดท้ายผมก็โทรไปที่เบอร์ติดต่อในโฆษณารับสมัครงาน

    ทำไมน่ะหรือ

    สองคำ

    ‘เป็นหนี้’

    ความจนแบ่งเป็นสองชนิด ชนิดแรกคือความเป็นอยู่ลำบากแสนเข็ญ รายได้แต่ละเดือนแค่พอถูไถให้เอาชีวิตรอดได้ คิดจะฆ่าตัวตายก็ไม่มีความกล้าไปทำตาม อีกชนิดคือรายได้ไม่เลว มีเป้าหมายในชีวิต เลี้ยงแขกทีก็มือเติบ มีรสนิยมในการใช้ชีวิต แต่ดัน ‘เป็นหนี้มหาศาล’ ติดหนี้บัตรเครดิตไม่รู้จบ แล้วยังมีหนี้บริษัทไฟแนนซ์และอื่นๆ คนจนชนิดที่สองนี่แหละที่ ‘จน’ ของแท้ และผมก็เป็นคนชนิดหลัง

    ทำงานเป็นคนงานดัดเหล็กก็รายได้ไม่เลว น่าเสียดายที่ไม่ได้มีงานเข้ามาบ่อยๆ แล้วผมก็ชอบพนัน เงินที่หมดไปบนโต๊ะพนันเยอะกว่าเงินที่ตรากตรำหามาได้มากมายนัก

    คุณอาจจะอยากถามผมว่าเป็นคนงานดัดเหล็ก แล้วจะไปสมัครเป็นคนคีย์ข้อมูลในบริษัทไอทีเนี่ยนะ สมองผมมีปัญหาหรือเปล่า

    แม่งเอ๊ย คนที่สมองมีปัญหาอาจจะเป็นคุณนั่นแหละ คุณรู้ไหมว่ามีคนขับแท็กซี่ตั้งกี่คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแถมยังเคยเขียนหนังสือด้านการเงินด้วย แล้วมีอาแปะแก่ๆ ที่นั่งเล่นหมากรุกอย่างเบื่อๆ อยู่ในสวนสาธารณะตั้งกี่คนที่ความจริงเป็นนักจิตวิทยาเกษียณอายุ

    ดูคนอย่าดูกันที่ภายนอกสิครับ

    ผมน่ะมั่นใจสุดๆ ว่าตัวเองพิมพ์เร็วมากทั้งภาษาจีนและอังกฤษ เมื่อก่อนผมเรียนด้านคอมพิวเตอร์ เขียนโปรแกรมก็ได้ ทำเว็บไซต์ก็เป็น งานดัดเหล็กเป็นแค่งานที่ทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือก็คือเพื่อให้อยู่รอดเท่านั้นเอง สมัยนี้มีคนในเมืองตั้งเยอะแยะที่ทำงานที่ไม่ชอบเพื่อหาเลี้ยงชีพจนเหมือนว่าชาวเมืองจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไปแล้ว หนำซ้ำยังมีคำว่า ‘เพื่อหาเลี้ยงตัวน่ะ’ เป็นคำพูดติดปากที่ใช้เป็นข้ออ้างปลอบใจตัวเองด้วย

    วันนั้นผมไปที่ห้องหนึ่งในอาคารอุตสาหกรรมกู้นถ่ง เพื่อพบกับชายวัยกลางคนที่แต่งตัวมอซอ หนวดเคราเต็มหน้า ในเวลาต่อมาเขากลายเป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวของผม

    กวาดตามองไปทั่วห้องก็เหมือนที่พักทั่วไป มีห้องรับแขก ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว สิ่งที่ต่างออกไปก็คือในห้องรับแขกมีจอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างอยู่สิบกว่าจอ ต่อมาผมถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้ก้าวออกจากห้องนี้มาสามอาทิตย์แล้ว

    เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานขึ้นสนิมตัวหนึ่งแล้วเชิญให้ผมนั่ง ผมมองสีหน้าเขา แววตาซึมกะทือ ตอนนั้นผมคิดในใจว่าหมอนี่ติดยาสินะ

    “หลิวเจ๋อเทียน ลูกคนเดียว คนงานดัดเหล็ก สูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นต์ น้ำหนักเจ็ดสิบแปดกิโล เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนมัธยมฉงเต๋อ พอจบก็สมัครเข้าด้านคณะคอมพิวเตอร์ เคยมีแฟนอยู่สามครั้งโดนนอกใจทั้งสามครั้ง ติดหนี้บริษัทบราเธอร์สไฟแนนซ์อยู่สามแสนสองหมื่นสองพันสี่ร้อยห้าสิบสองเหรียญ ในบัญชีส่วนตัวมีเงินอยู่ห้าพันสามร้อยหกสิบสี่จุดแปด…”

    “เดี๊ยววว…” ผมถามอย่างหนาวจับขั้วหัวใจ “นายรู้ข้อมูลของฉันเยอะขนาดนี้ได้ไงเนี่ย”

    เขายักไหล่แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แค่มีเบอร์โทร ฉันก็รู้ชีวิตทั้งหมดของนายได้”

    ตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออกพลางแอบคิดในใจว่านี่มันบริษัทไอทีอะไรกัน แต่ขณะที่ยังไม่หายตกใจเขาก็ถามคำถามที่ผมคาดไม่ถึงแม้แต่นิดเดียวออกมา

    “นายเคยฆ่าคนมั้ย”

    ไอ้ประสาทเอ๊ย! เขากำลังพูดอะไรอยู่

    “คืนนี้สามทุ่มครึ่งที่จิมซาจุ่ย ฆ่าคนคนนึงแล้วหนี้สามแสนสองหมื่นสองพันสี่ร้อยห้าสิบสองเหรียญที่มีกับบราเธอร์สไฟแนนซ์จะกลายเป็นศูนย์” เขาอ้าปากหาว

    เหงื่อเย็นๆ ของผมไหลลงมาตามขมับ ผมกะแล้วเชียวว่าต้องไม่ใช่รับสมัครพนักงานคีย์ข้อมูลอะไรนั่นแหงๆ แต่นี่มันน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าการเป็นชายขายบริการที่คิดไว้เสียอีก

    “วางใจเถอะ ปลอดภัยแน่นอน ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว ไม่มีอันตรายอะไรเลย พาร์ตเนอร์คนก่อนของฉันตายไปแล้วเลยจะหาคนใหม่มาแทน” เขาเอ่ยต่ออย่างไม่อินังขังขอบว่า “ร่วมงานกับฉันเถอะ วันหน้านายจะรักงานนี้”

    ผมเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยออกมาสองคำว่า “ทำยังไง”

    คุณอาจจะรู้สึกว่าผมบ้าไปแล้ว ตอนนี้กลับมาหวนคิดดูผมก็รู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองบ้าไปแล้วเหมือนกันครับ ในใจคิดแค่ว่าค่าแรงสามแสนสองช่างเย้ายวนเหลือเกิน

    “เจสิบแปด”

    “เจสิบแปด?”

    เขาชี้ไปยังจอที่ใหญ่ที่สุดด้านหลัง เป็นแผนผังขายตั๋วที่นั่งของเว็บไซต์โรงภาพยนตร์ จากนั้นก็หยิบปืนติดที่เก็บเสียงกระบอกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วก็ยังมีตั๋วหนังที่พับจนดูเหมือนเศษกระดาษอีกใบ

    ผมหยิบตั๋วหนังมาดู

    ยูเอ ไอสแควร์ ไอแมกซ์ ที่นั่งเจสิบเจ็ด

    ภาพยนตร์เรื่อง…ยอดปรมาจารย์ยิปมัน

    ‘อย่าดูแคลนคนแต่งตัวซอมซ่อ

    ยิ่งกว่านั้นอย่าดูแคลนคนที่บาดแผลทั่วร่าง

    เพราะสิ่งที่พวกเขาประสบมาเจิดจรัสกว่าใครๆ

    (2)

    “เคยใช้ปืนหรือเปล่า”

    “ฉันจะไปเคยใช้ปืนได้ยังไงเล่า!”

    “ฉันจะสอนให้ ไม่ยากหรอก ปลดเซฟ จากนั้นก็เหนี่ยวไก” เขาใช้นิ้วของตัวเองต่างปืนจ่อไว้ใต้คาง “จำไว้นะ ยิงจากใต้คางขึ้นบนเหมือนท่าของฉันตอนนี้ ปัง! กระสุนทะลุจากใต้ขากรรไกรล่างที่ไม่มีกระดูกกั้นผ่านกะโหลกไปฝังอยู่ในเพดาน แบบนี้จะได้ไม่ถูกค้นพบ ฉันหมายถึงไม่โดนพบทันทีน่ะนะ นั่นถึงจะเป็นประเด็นสำคัญ”

    เขาสาธยายต่อไปว่าปืนใช้แรงดันกี่ปอนด์ กฎการเคลื่อนที่ทั้งสามข้อของนิวตัน สูตรฟิสิกส์อะไรทำนองแรงโน้มถ่วงเท่ากับมวลคูณความเร่งเทือกๆ นั้น ต้องการให้ผมเข้าใจให้ได้ว่ากระสุนจะฝังเข้าเพดาน ทั้งยังบอกว่ารอจนหนังถึงกลางๆ เรื่องแล้วค่อยลงมือจะดีที่สุด บอกว่าฉากที่อาจารย์กงเอ้อร์ประลองกับยิปมันเสียงค่อนข้างกระหึ่ม เสียงปืนจะถูกกลบ

    นอกจากนี้เนื่องจากหนังใกล้ลาโรงแล้ว ผู้ชมจะไม่เยอะเท่าไร เขาซื้อที่นั่งแถวเจและเคซึ่งอยู่ข้างหลัง* ไว้หมดแล้วทั้งแถวเท่ากับว่าบริเวณรอบที่นั่งเจสิบแปดไม่มีคนอื่น มีแค่ผมที่มีตั๋วเจสิบเจ็ดอยู่ในมือ และต่อให้กระสุนไม่ฝังเข้าเพดานร่วงลงมาก็ไม่มีใครสังเกตเห็น

    เขายังบอกว่าเลือดที่สาดกระเซ็นสี่ทิศก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นเช่นกัน

    เขาบอกว่าฆ่าคนไม่ใช่เหยียบมดตาย ต้องเตรียมการให้พร้อม

    ผมถามว่าเขารู้ได้ยังไงว่าเจสิบแปดคือคนที่ต้องฆ่า เขายิ้มเจื่อนๆ ก่อนเอ่ยว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าเตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว”

    ก่อนลงมือฆ่าคน เขาจะตามสืบร่องรอยและข้อมูลทั้งหมด รวมถึงความชอบและความเคยชินของเป้าหมาย วางแผนการฆ่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ได้ง่ายๆ เหมือนในหนังที่ ‘นึกจะฆ่าก็ฆ่า’ หรอกนะครับ ซึ่งประจวบเหมาะที่เป้าหมายในครั้งนี้เป็นคอหนัง แถมยังชอบไปดูหนังคนเดียวด้วย

    หลังจากสังหารเป้าหมายเสร็จผมก็ไปได้เลย แล้วเขาจะติดต่อผมเองในเวลาอันสั้น ซ้ำยังพูดติดตลกว่าถ้าหนังสนุก ดูจนจบแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย

    ผมสับสนงุนงงไปหมด มีข้อสงสัยหลายอย่างที่บรรยายไม่ถูก และไม่รู้ว่าคืออะไร สุดท้ายผมก็ถามสิ่งที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องเลยออกมา “เขาเพิ่งดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเหรอ”

    เขามองผมอย่างงงๆ “ใช่ ข้อมูลบอกว่าเป็นครั้งแรก”

    ผมพยักหน้าแล้วหยิบปืนพกขึ้นมา เบามาก เบากว่าที่ผมนึกภาพไว้เยอะเลย

    “คุณหลิวเจ๋อเทียน กู๊ดลัค”

     

    เวลาสามทุ่มยี่สิบนาที

    ณ โรงภาพยนตร์ยูเอ ไอสแควร์ ไอแมกซ์ ย่านจิมซาจุ่ย

    ผมนั่งรอเข้าโรงอยู่ด้านนอก ไม่เคยมาดูหนังแล้วตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเล้ย ผมเหลียวซ้ายแลขวาลองมองหา ‘เป้าหมาย’ น่าเสียดายที่ผมไม่รู้เลยว่าใครจะมานั่งตำแหน่งเจสิบแปด

    สามทุ่มครึ่งผู้ชมเข้าโรง คนไม่มาก ผมล้วงตั๋วหนังจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง มือสั่นเล็กน้อย คนเก็บตั๋วเหลือบมองผมแวบหนึ่ง แน่นอนว่าผู้ที่เขาเห็นคือผมในสภาพสวมแว่นตากรอบดำ ติดหนวดเคราและสวมหมวกแก๊ป

    ใช่ครับ ชายกลางคนหนวดเคราเฟิ้มนั่นเป็นคนเตรียมพร็อพประกอบให้ผม

    หลังจากเข้ามาในโรงผมก็ไม่กล้ามองซ้ายมองขวา ร้อนตัวเฝ้าแต่กลัวว่าความจะแตกอยู่ตลอดเวลา ผมรีบไปนั่งที่เก้าอี้เจสิบเจ็ด ส่วนเก้าอี้เจสิบแปดยังว่างอยู่

    เขายังไม่เข้ามาในโรงหรือ

     

    ขณะที่รอหนังเริ่มผมก็นึกทบทวนถึงบทสนทนาระหว่างผมกับชายคนนั้น ความจริงก่อนหน้านี้ตอนถามว่า ‘เขาเพิ่งดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเหรอ’ เป็นคำถามที่สำคัญมากสำหรับผม

    ทำไมน่ะหรือ

    ครับ ถ้าเขาเป็น ‘คอหนัง’ ไหงถึงได้รอจนหนังจะลาโรงอยู่แล้วเพิ่งมาดู ‘ยอดปรมาจารย์ยิปมัน’

    ภายหลังผมก็รู้คำตอบในที่สุด

    ไตเติ้ลหนังเริ่มขึ้นแล้ว แต่ผมไม่มีอารมณ์ไปชื่นชมเลยสักนิด คนที่ดูหนังในโรงไม่มาก แอร์ก็หนาวสุดๆ ทว่าผมกลับตื่นเต้นจนเหงื่อท่วมหลัง

    หนังเริ่มฉาย น่าเสียดายที่เก้าอี้เจสิบแปดยังคงว่างเปล่า

    อะไรวะเนี่ย! ไม่มาหรือ แบบนี้ผมก็ไม่ต้องฆ่าคนแล้ว แต่ค่าแรงสามแสนสองก็หายวับไปกับตาด้วยน่ะสิ!

    เขาติดธุระมาไม่ได้? หรือว่าล้มป่วยเลยมาไม่ได้?

    ขณะที่ผมกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่เขาไม่ปรากฏตัว ทันใดนั้น…

    “ขอทางหน่อยครับ” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น

    ผมสะดุ้งโหยงก่อนจะเงยขึ้นมอง แสงไฟมืดเกินไปทำให้มองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัด เห็นแค่ว่าเขาสวมหมวกปากเป็ด หนำซ้ำยังมีผ้าปิดปากอันเบ้อเริ่ม

    “ขอบคุณ”

    หลังจากผมขยับให้เขาผ่าน เขาก็นั่งลง ร่างของผมแข็งทื่อ หัวสมองว่างเปล่า คิดออกแค่ว่าเขากำลังจะกลายเป็นคนที่โดนผมฆ่าตาย

    ภาพยนตร์หาได้หยุดฉายเพราะผู้ชมเข้าโรงช้า มันยังคงฉายต่อไปเรื่อยๆ เหลียงเฉาเหว่ยเท่แค่ไหน วรยุทธ์แข็งแกร่งล้ำเลิศแค่ไหน ผมก็ดูแล้วไม่เข้าหัวเลย เอาแต่คิดว่าเมื่อไรจะได้จังหวะฆ่าเขาเสียที พอฆ่าเสร็จแล้วผมไปทันทีเลยดีไหม

    เวลานี้เองความคิดหนึ่งก็ก้องขึ้นในสมองของผม

    ผมจะฆ่าเขาจริงๆ หรือ เขาก็มีครอบครัว มีเพื่อน ถ้าเขาตายไปคนเหล่านั้นจะร้องไห้เจ็บปวดเพื่อเขาหรือเปล่า ฆ่าเขาเสียดื้อๆ แบบนี้ผมจะโดนจับได้ไหม แล้วจะโดนตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตหรือเปล่า

    ผมเหงื่อแตกเต็มหน้า หัวใจเต้นแรง ไม่มีกะจิตกะใจเสพหนังของหว่องกาไวเลย

    สามแสนสอง…สามแสนสอง…แม่งสามแสนสองนะเว้ย! ผมสะกดจิตตัวเองไม่หยุด

    ลองมานึกๆ ดู ที่จริงทุกคนต่างก็มีราคาของตัวเองทั้งนั้น

    ขณะที่ผมมัวละล้าละลังไม่เลิก ภาพยนตร์ก็ดำเนินมาถึงฉากที่ยิปมันประลองกับกงเอ้อร์ ดนตรีประกอบและเสียงหมัดเสียงเท้าปะทะกันเริ่มดังขึ้น ผมรู้…ได้เวลาแล้ว

    ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเตรียมชักปืนออกมา มันเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งแผ่กลิ่นอายแห่งความตายออกมา

    จะฆ่าเขาไหม

    หรือช่างมันไปดีกว่า?

    ฆ่าเขาตายได้สามแสนสอง…

    ฆ่าเขาตายอาจโดนข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน…

    ฆ่าเขาดีไหม

    หรือช่างมันเถอะ?

    ผมยังคงลังเลและต่อสู้กับจิตใจตัวเองไม่เลิก ฆ่าคนไม่เหมือนเหยียบแมลงชนิดไหนๆ จริงๆ ด้วย สิ่งที่ต้องใช้คือความกล้าอย่างใหญ่หลวง

    ในตอนสุดท้ายที่เหลียงเฉาเหว่ยร่วงลงมาจากที่สูงนั่นเอง…เซฟปืนพกก็ปลดออก ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าหยิบปืนขึ้นมา เหนี่ยวไกใส่ใต้คางของผู้ชมบนที่นั่งเจสิบแปด!

    ชายคนนั้นไม่ตระหนักเลยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ไม่แน่เขาอาจตายไปทั้งอย่างนี้แหละ!

    ‘ปัง!’

    ..

    .

    “ฮี่ๆๆ…”

    ..

    .

    ทันใดนั้นเสียงหัวเราะน่ารังเกียจของตัวตลกก็ดังมาจากปืนพก

    เวรเอ๊ย! เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!

    จู่ๆ ผู้ชมบนที่นั่งเจสิบแปดนั่นก็คว้ามือผมไว้แน่น! ผมตั้งตัวไม่ทัน สะดุ้งจนเกือบฉี่ราด!

    เขากระซิบข้างหูผมอย่างแผ่วเบาประโยคหนึ่งว่า…

    “หลิวเจ๋อเทียน นายน่ะ…ถูกรับเข้าทำงานแล้ว!”

    ..

    .

    คำพูดประโยคหนึ่งแวบขึ้นในหัวผม

    ‘เขาเพิ่งดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเหรอ ถ้าเขาเป็น ‘คอหนัง’ ไหงถึงได้รอจนหนังจะลาโรงอยู่แล้วเพิ่งมาดู ‘ยอดปรมาจารย์ยิปมัน’ ’

    บางทีผมอาจจะช่างสังเกตไม่ใช่ย่อย แต่สุดท้ายก็ยังหลงกลจนได้ ที่แท้ทุกอย่างก็เป็นการ ‘จัดฉาก’ ทุกอย่างเป็นแค่ ‘การทดสอบเพื่อรับเข้าทำงาน’ เท่านั้น เป็นแค่การทดสอบเพื่อให้ผมกลายเป็นนักฆ่าที่แท้จริง

    คุณโดนหลอกเข้าแล้วหรือครับ ใช่ ขณะเดียวกันผมก็โดนหลอกด้วย

    ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า…

    ‘นักฆ่าจะดูเหมือนนักฆ่าไม่ได้’

    นี่ก็คือการเริ่มต้นของผม

    ‘นายนึกว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างไว้?

    นายก็เป็นแค่ ‘เบี้ย’ ที่ควบคุมทุกอย่างไว้เท่านั้นแหละ’

    บทที่ 1

    สงครามจัดอันดับนักฆ่า

    Ranking

    (1)

    นักฆ่า ‘ขึ้นทะเบียน’ ในฮ่องกงมีทั้งสิ้นสองร้อยหกสิบเจ็ดคน ประชากรฮ่องกงอยู่ที่ราวๆ เจ็ดล้านคน แปลว่าในทุกสองหมื่นหกพันสองร้อยสิบเจ็ดคนก็จะมีหนึ่งคนที่เป็น…นักฆ่า

    ตามกฎข้อที่ว่า ‘นักฆ่าจะดูเหมือนนักฆ่าไม่ได้’ จึงไม่มีนักฆ่าคนใดเปิดเผยฐานะของตัวเอง พูดง่ายๆ ก็คือเพื่อนของคุณ สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน คนขับแท็กซี่ ตัวแทนขายประกัน อาแปะกวาดพื้น ฯลฯ ต่างก็มีโอกาสเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของผมทั้งนั้น ใช่ครับ สถานที่ซึ่งมีพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนน่ะนอกจากอยู่ในโลกกำลังภายในก็ยังมีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย

    ขณะเดียวกันก็หมายความว่า ‘ป้องกันท่าไหนก็ไม่รอด’

    จนถึงตอนนี้ผมก็เพิ่งฆ่าคนไปแค่คนเดียว ฆ่าคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ไม่เหมือนในละครบางเรื่องหรอกนะครับ เราต้องมีแผนงานที่ละเอียดรอบด้าน แน่นอนว่างานส่วนนี้เป็นหน้าที่ซึ่งชายกลางคนหนวดเคราเต็มหน้าที่รับผมเข้าทำงานต้องไปเตรียมการ

    ครับ เขาชื่อหูฝูหรง งานหลักคือเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผม นับนิ้วดูแล้วนอกจากวันที่เจอกันในโรงหนัง เขาก็ไม่ได้ออกจากห้องนี้มาเดือนกว่าแล้ว ในชีวิตของเขานอกจากนางเอกหนังเอวีในอินเทอร์เน็ตก็คือนางเอกหนังเอวีอยู่ดี

    ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้เขาเจอหน้ามนุษย์แค่สามคนเท่านั้น คือผม ลุงเฉินที่เป็นคนส่งอาหารเที่ยง และอีกคนคือเสี่ยวเยี่ยนที่มาส่งอาหารเย็น

    นอกจากการวางแผน สิ่งที่สำคัญที่สุดของนักฆ่าก็คือสภาพจิตใจ ถึงแม้เมื่อก่อนผมจะเป็นคนงานดัดเหล็ก เป็นงานที่เคี่ยวกรำให้ผมมีได้ก็ไม่มีทางกลายเป็นนักฆ่ามืออาชีพได้เป็นอันขาด

    ผมฝันร้ายทุกคืน แต่ละคืนก็จะฝันเห็นคนที่ถูกผมฆ่าเป็นฝ่ายมาฆ่าผมแทน ผมมักจะตกใจจนสะดุ้งตื่น เหงื่อเย็นๆ ชุ่มไปทั้งตัว ถึงอย่างนั้นในฐานะชาวฮ่องกงผมก็ยังมีลักษณะเฉพาะตามแบบชาวฮ่องกงอยู่ เพื่อเอาชีวิตรอดแล้วล่ะก็ให้ผมแม่งไปฆ่าผู้ว่าการผมก็เอ๊า! ผมจำได้ว่าครั้งแรกหลังจากฆ่าคนเสร็จ ตอนเอาเงินสามแสนสองที่ได้ไปใช้หนี้บริษัทไฟแนนซ์ตูมเดียวหมดในใจผมบังเกิดความคิดเพียงสุขภาพและรูปร่างแข็งแรงกำยำ แต่ผมคงกลัวผีขึ้นสมอง หากไม่อาจรับมือกับมารร้ายในใจของตัวเองได้

    อาชีพนี้แม่งเจ๋งโคตร!

    หือ? ผมลืมบอกไป ถึงเมื่อก่อนผมจะเป็นคนงานดัดเหล็ก แต่ตั้งแต่เล็กจนโตผมก็รักสวยรักงามมาก บางครั้งบางคราวก็ยังไปมาสก์หน้าและบำรุงผิวกับเพื่อนผมคนที่เป็นเกย์ เวลาที่ทำงานจนทั้งตัวมีแต่เหงื่อเหม็นๆ ก็จะรีบกลับบ้านอาบน้ำทันทีที่ทำได้! ผมจะไม่ยอมให้ใครเอาคำว่า ‘ผู้ชายตัวเหม็น’ มานิยามคนงานดัดเหล็ก…นักฆ่าอย่างผมได้หรอกนะ

    ทำไมครับ

    บางทีผมอาจทำลายภาพลักษณ์ ‘นักฆ่า’ ในใจของคุณไปแล้ว? ฮุๆ

    ดาราเป็นคน ข้าราชการเป็นคน นักฆ่าก็เป็นคนเหมือนกัน นอกจากชั่วขณะที่ฆ่าคน ผมก็ไม่มีตรงไหนผิดจากคนทั่วไปแม้แต่นิดเดียว! และนี่ก็คือวิถีแห่งการเอาชีวิตรอดของผม ทำนองเดียวกับจิ้งจกเปลี่ยนสีนั่นแหละครับ

    ยิ่งไม่เหมือนนักฆ่าเท่าไรก็ยิ่งง่ายที่จะฆ่าคน!

    ..

    .

    ณ อาคารอุตสาหกรรมกู้นถ่ง ห้อง 1104

    “เวรเอ๊ย ตารางจัดอันดับของเดือนนี้ออกแล้ว ตอนนี้อยู่ลำดับที่สองร้อยหกสิบหกเอง!” ผมพ่นควันบุหรี่เป็นวง “อาหรง เราต้องคิดวิธีหาลูกค้าใหม่ๆ หน่อยแล้วล่ะ”

    “โธ่เว้ย นายกินขี้เป็นอาหารหรือไง จะหายังไงวะ ลูกค้าเป็นฝ่ายติดต่อเราเสมอ เราเป็นฝ่ายรอเว้ย!” หูฝูหรงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับอ่านการ์ตูนไปด้วย

    “ฉันว่าต้องเปลี่ยนฉายาของฉันดู ตอนนี้ชื่อ ‘ซาโส่วจือหวัง (ราชันแห่งนักฆ่า)’ ไม่ค่อยดึงดูดเลย” ผมมองชื่อแรกๆ บนตารางจัดอันดับในจอคอมพิวเตอร์

    “ไอ้โง่! ไม่เคยมีนักฆ่าที่ไหนเขาเปลี่ยนฉายากันหรอก!” หูฝูหรงตวาด “ฉายาคือช่องทางเดียวที่ลูกค้าและตัวกลางใช้ติดต่อพวกเรานะเว้ย!”

    “กลัวอะไร้ อยู่ตั้งลำดับสองร้อยหกสิบหกแล้ว” ผมเอ่ยพลางกรอกอักษรจีนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ “เพิ่งจะฆ่าไปคนเดียว ฉันไม่ได้ติดท็อปเท็นซะหน่อย เปลี่ยนทิ้งไปก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

    ทันใดนั้นคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ ลำดับสองร้อยหกสิบเจ็ดที่อุตส่าห์อยู่ต่ำกว่าผมอีก เป็นนักฆ่าแบบไหนกันนะ เขาโหลยโท่ยกว่าผมอีกหรือนี่

    ผมจิ้มปุ่มเอ็นเทอร์อย่างว่องไว

     

    ‘การใส่ข้อมูลสำเร็จ เปลี่ยนฉายาเรียบร้อยแล้ว

    ฉายาใหม่ที่คุณเปลี่ยนคือ…

    เฟิงอวี่ต้วนฉางเหริน!’

     

    ‘คลังข้อมูลโลกนักฆ่า’

    ชื่อ-สกุล : หลิวเจ๋อเทียน

    ฉายา : เฟิงอวี่ต้วนฉางเหริน (กลางลมฝนคนอาดูร*)

    อันดับปัจจุบัน : 266

    อาชีพเดิม : คนงานดัดเหล็ก

    ส่วนสูง : 180 เซนติเมตร

    ข้อมูลโดยสังเขป : รูปร่างแข็งแรงกำยำ ผิวสีแทน รักสวยรักงาม เจ้าสำอาง มีความสามารถในการสังเกตที่เหนือคนทั่วไป

     

    ‘สามคำว่าฉันรักเธอ ช่างเขียนยากเย็น

    ตอนนี้จะให้ฉันละทิ้งไป ยิ่งยากจะตัดใจ

     

    (2)

    การจัดอันดับนักฆ่า

    อันดับนักฆ่าจะประกาศทุกเดือนแบบเดียวกับอันดับหนังสือขายดีในร้านหนังสือนั่นแหละครับ พวกอันดับต้นๆ ต่างก็เป็นนักฆ่าชื่อดัง แถมบางคนยังรั้งตำแหน่งท็อปเท็นตลอดศก ส่วนมือใหม่อย่างผมมีช่องทางเข้าถึงลูกค้าน้อย ประสบการณ์หรือก็ไม่มี จะให้ฝ่าเข้าไปถึงร้อยอันดับแรกก็หินมากแล้ว

    ได้ยินหูฝูหรงเล่าว่าอันดับสูงสุดที่พาร์ตเนอร์คนก่อนของเขาเคยทำได้ก็ยังแค่อันดับที่เก้าสิบเก้า ถูกครับ สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับพาร์ตเนอร์คนก่อนของเขาก็มีแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาหูฝูหรงไม่เคยเล่าเรื่องราวระหว่างพวกเขาให้ผมรู้ ไม่เอ่ยสักคำว่าทำไมถึงต้องหาพาร์ตเนอร์ใหม่มาแทน

    จากข้อมูลที่หูฝูหรงให้ผมไว้ตอนแรกสุด คนที่ตายเนื่องจากถูก ‘ลอบสังหาร’ มีปีละหนึ่งพันถึงหนึ่งพันห้าร้อยคน อัตราน้อยกว่าตายเพราะโรคภัยหรือการบาดเจ็บทั้งหลายเป็นกอง ในข้อมูลเอ่ยถึงสถิติของ ‘คณะกรรมการสุขภาพและป้องกันการสูบบุหรี่แห่งฮ่องกง’ ในช่วงห้าปีมานี้มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุทั้งหมดรวมกันเฉลี่ยสี่หมื่นสองพันคนต่อปี จำนวนผู้ที่ถูกนักฆ่าสังหารก็แค่สูสีกับคนที่ตายเพราะไตอักเสบคิดเป็นศูนย์จุดสองแปดเปอร์เซ็นต์ของอัตราการเสียชีวิตในฮ่องกง ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากโรคระบบทางเดินหายใจชนิดเรื้อรังนั้นสูงกว่าโดนนักฆ่าลอบสังหารมากมายก่ายกองนัก แม่งเอ๊ย

    คนที่หมอช่วยไว้ไม่ได้มีเยอะกว่าคนที่โดนนักฆ่าเก็บตั้งไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นผมถึงได้บอกว่าอาชีพนักฆ่าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษตรงไหนอย่างไรล่ะครับ

    แต่มีเรื่องหนึ่งนะครับที่น่าสังเกต อันดับใน ‘ตารางจัดอันดับนักฆ่า’ ไม่ได้เรียงโดยอิงจากจำนวนคนที่ฆ่า วิธีให้คะแนนของตารางแม่งโคตรพิเศษ นอกจากดูว่านักฆ่าใช้อาวุธอะไร ใช้วิธีอะไร ดูสิ่งแวดล้อมและสถานที่ฆ่าแล้วก็ยังมี ‘สุนทรียภาพ’ และ ‘องค์ประกอบศิลป์’ ฯลฯ แน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยให้คะแนนที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘การหนี’ พูดง่ายๆ คือ ‘ไม่โดนจับได้ในที่เกิดเหตุ’ ฉะนั้นเมื่อหูฝูหรงรับ ‘งาน’ ชิ้นใหม่ก็จะต้องทำรายงานอย่างละเอียดขึ้นมาฉบับหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยนำไปให้ตัวกลางส่งต่อให้ลูกค้าพิจารณาแล้วถึงจะทำ ‘สัญญาว่าจ้างฆ่า’ อย่างเป็นทางการ

    แม่ง! ใช่ครับ ขั้นตอนการฆ่าคนของจริงไม่ง่ายเลยสักนิด ถ้าไม่มีแผนการที่ละเอียดรอบด้าน ล้มเหลวขึ้นมา โดนจับเมื่อไรจะเกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัว

    ผลลัพธ์อะไรน่ะหรือ ง่ายมาก องค์กรไม่มีวันปล่อยใครก็ตามที่ ‘มีความเป็นไปได้’ ที่จะซัดทอดองค์กรนักฆ่าให้ลอยนวลไปได้ก่อนที่คุณจะเข้าคุก ดีไม่ดีก็อาจ ‘โดนทำให้’ ตายเพราะอุบัติเหตุไปก่อนแล้ว

    หา? คุณไม่สงสัยหรือไง ปีหนึ่งฆ่าไปพันกว่าคน ทำไมถึงไม่เคยเป็นข่าวครึกโครมในสื่อที่ชอบทำกราฟิกจำลองเหตุการณ์หรือตามสื่อกระแสหลักทั้งหลายเลย

    เพียงเพราะเบื้องหลัง ‘องค์กรนักฆ่า’ มีเครือข่ายระดับโลกที่ใหญ่กว่าคอยหนุนหลังอยู่ พวกเขาสามารถอำพราง ‘อุบัติเหตุ’ ทั้งหมดได้ รวมทั้งซื้อสื่อต่างๆ ด้วย ไม่มีอย่างอื่นหรอกครับ เพียงเพราะคำคำเดียว…

    ‘เงิน’

    ขอแค่ไม่โดนสื่อนำมาตีเป็นข่าวใหญ่โต เหตุฆ่าคนทั้งหมดก็กลายเป็นแค่ประกาศหาคนหายเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ ไม่มีใครไปเหลียวแลอยู่แล้ว

    นอกจากสื่อใหญ่ๆ แต่ละเจ้าแล้ว แน่นอนว่าในกรมตำรวจก็มีคนขององค์กรเข้าไปแฝงตัวอยู่ด้วย ทั้งตำรวจลาดตระเวน หน่วยตำรวจอาชญากรรม เจ้าหน้าที่ชันสูตร หรือกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง

    บางทีคุณอาจรู้สึกว่านี่มัน ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ เกินไปแล้ว ทว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าใช้ทฤษฎีสมคบคิดห่อหุ้มเรื่องบางอย่างไว้ เพราะยิ่งเหมือนทฤษฎีสมคบคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า ‘ปลอม’

    ผมก็เคยถามหูฝูหรงเกี่ยวกับคนกลางและเครือข่ายระดับโลกนี้ น่าเสียดายที่แม้แต่เขาก็บอกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่อยากพูด แต่เพราะเขาเองก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน งานของเราคือรับออเดอร์ จากนั้นก็ฆ่าคน!

    ส่วนเรื่องที่ว่าหลังจากเสร็จงานแล้ว พวกเราได้รับค่าจ้างวิธีไหนนั้น

    พูดจากใจจริงเลยนะ ผมว่าพวกเขาคิดได้รอบคอบมาก ตอนดูละครมีแต่อะไรทำนองเปิดบริษัทบังหน้าหรือเปิดบัญชีปลอม ที่จริงแบบนั้นน่ะอันตรายสุดๆ เลยครับ ตำรวจสามารถตามรอยจากเบาะแสนี้ไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเราได้ง่ายมาก ฉะนั้นในความเป็นจริงจะ ‘เคลียร์บิล’ แบบนั้นไม่ได้ งั้นเราใช้วิธีอะไรกันล่ะ มีวิธีการไหนที่จะเก็บเงินมาได้โดยไม่ถูกตรวจเจอหรือฟังแล้วสมเหตุสมผล

    แม่ง ตอนแรกผมก็คิดไม่ถึงหรอก ตอนนี้หวนนึกดูมันก็เป็นวิธีเก็บเงินที่ ‘ฟังสมเหตุสมผล’ ที่สุดจริงๆ

    วิธีการก็คือ…

    ..

    .

    กาสิโน

    ‘ชั่วนิรันดร์ที่เคยเอ่ย

    ได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำ…ตราบชั่วนิรันดร์

     

    (3)

    กาสิโน เป็นสถานที่ฟอกเงินที่ยอดเยี่ยมที่สุด เงินที่ชนะได้บนโต๊ะพนัน ใครล่ะจะพูดว่าผิดกฎหมาย ใครจะเดาได้ว่ากาสิโนจะช่วยให้ผมชนะได้เงินก้อนโต

    คนที่เข้ามาในกาสิโนไม่มีวันรู้ว่า ‘ผล’ ทั้งหมดอยู่ใต้การควบคุมของกาสิโน คนที่ชนะได้เงินก้อนโตก็แค่มีโชคที่พวกเขา ‘มอบให้’ เท่านั้น ไม่ใช่เพราะมีโชคจริงๆ

    วิธีรับเงินของเรามีสองแบบ

    หนึ่งไปกาสิโนที่มาเก๊า เล่นพนันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชนะได้เงินเท่าค่าจ้างที่กำหนดไว้ จากนั้นก็ออกมาอย่างเบิกบาน

    สองสมัครเป็นสมาชิกวีไอพี ‘นายหน้ากาสิโน’* จะให้ยืมเงินจำนวนที่กำหนด จากนั้นก็เอาเงินไปได้เลย ‘นายหน้ากาสิโน’ จะเป็นฝ่ายคืนเงินที่พวกเรายืมไป ซึ่งที่จริงพวกเราไม่ได้ ‘คืนเงิน’

    แน่ล่ะครับ กาสิโนกับนายหน้าถูกควบคุมโดยเครือข่ายที่อยู่หลังฉากนี่เช่นกัน

    แนะนำโครงสร้างทั้งหมดขององค์กรนักฆ่าอย่างคร่าวๆ ไปแล้วนะครับ แต่ความจริงยังมีกฎลับอีกไม่น้อย แม้แต่ผมเองก็ยังคลำทางอยู่ เหมือนพนักงานขายที่เพิ่งเข้าทำงาน แรกๆ ยังไม่เข้าใจเคล็ดลับการขาย นานวันเข้าก็จะจับเทคนิคการขายได้มากขึ้น นานวันเข้า…ก็จะจับเทคนิคการฆ่าได้มากขึ้น

    “เจ๋อเทียน มาดูนี่!” หูฝูหรงชี้คอมพิวเตอร์อีกเครื่อง

    ผมเอียงคอแล้วเดินไปหา “มีอะไรน่าดูเหรอ”

    “แม่ง…เนี่ย!” นิ้วเขาจิ้มอยู่ที่หน้าจอ

    อันดับที่เก้า ฉายา ‘โม่ซางเปย’

    ‘อย่าเศร้าใจ’*? แม่เจ้า ตั้งชื่อได้น่าสนใจไม่เบา

    “นายรู้มั้ยว่าเขาเข้าวงการพร้อมนายเลย แป๊บเดียวก็ขึ้นเป็นอันดับเก้าแล้ว ฮ่าๆ แม่ง! ร้ายกาจโคตร!” หูฝูหรงเอ่ยพร้อมกับลูบพุงกะทิของเขา “ไอ้เวร ถ้าตอนนั้นคนที่ฉันค้นพบคือหมอนี่ ป่านนี้รวยไม่รู้เรื่องแล้ว!”

    “นายหมายความว่าไง” ผมเอ่ยอย่างไม่ปลื้ม “แม่ง! นายนั่นแหละเมื่อก่อนไม่รู้จัก ‘รักษาลูกค้า’ ให้ดี ตอนนี้ถึงไม่มีออเดอร์เลย!”

    “ไอ้เลว! แกมันคนเนรคุณ! ถ้าไม่มีฉันแกจะเข้าวงการได้ไง!”

    “ถ้าไม่ใช่นาย ดีไม่ดีฉันหางานที่ดีกว่านี้ได้ไปแล้วเว้ย! แม่ง!”

    “จะวางมวยว่างั้น”

    “หา? วางมวย? มาเด้! ฉันจะดูว่าน้ำหน้าอย่างนายจะรับฉันได้กี่หมัด” ผมตั้งท่าเตรียมบุกเต็มที่

    “ไปตายซะ!” เขาเหวี่ยงหมัดใส่ผม

    จังหวะนี้เอง

    ‘ติ๊ง…ติ๊ง…’

    พวกเราหยุดมือทันใด พร้อมใจกันมองไปทางหน้าจอยี่สิบเจ็ดนิ้วของเครื่องแม็กที่วางอยู่กลางห้อง

    “แม่ง! มีงานแล้ว!” ผมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    “แม่งเอ๊ย นายเปลี่ยนฉายาแล้วเวิร์กจริงเหรอเนี่ย” หูฝูหรงก็ยิ้มออกเช่นกัน

    “แหงอยู่แล้ว! เฟิงอวี่ต้วนฉางเหรินออกจะหรูหราอลังการ!”

    เขาคลิกเปิดดูข้อมูลทันที…

     

    ‘FR ตัวกลาง หม่าเฟย

    TO เฟิงอวี่ต้วนฉางเหริน

    งานใหม่

    ข้าราชการระดับสูง จางเจ้าปอ อายุสี่สิบห้าปี เพศชาย

    ค่าจ้างห้าแสน

    ลูกค้าระบุให้ใช้ปืนเป็นอาวุธ

    รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาอ่านเนื้อหาด้านใน

    Good Luck’

     

    “ข้าราชการ? ใช้ปืน?” ผมขมวดคิ้ว

    “ข้าราชการแล้วไง ก็มนุษย์คนนึงนั่นแหละ! จิ๊ๆ…” หูฝูหรงยิ้มเจ้าเล่ห์ “เนื้อหาข้างในเขียนว่าเจาะจงให้ใช้ปืนกล็อกไนน์ทีน”

    เขาเปิดเนื้อหาอ่านในทันใด เริ่มลงมือเตรียมการและวางแผนของเขา

    ปืนกล็อกไนน์ทีน? ทำไมถึงเจาะจงให้ใช้ปืนนี่ให้ได้

    แต่ก็ช่างเหอะ! คราวนี้แหละ ผมจะจัดแบบเรี่ยมเร้เรไรไปเล้ย!

     

    ณ สถานีตำรวจมงก๊ก

    ฝ่ายสืบสวนคดีทั่วไป ชื่อย่อ MESU* เป็นหนึ่งในห้าฝ่ายของสถานีตำรวจ มีหน้าที่รับแจ้งคดีมโนสาเร่ทั่วไปของชาวเมือง ไม่ใช่งานด้านอาญาอย่างพวกสืบคดีที่มีคนตาย

    น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในฝ่าย MESU นี้ยังมีหน่วยเฉพาะกิจอยู่อีกหน่วยหนึ่ง…หน่วยพิเศษสืบสวนคดีทั่วไป ชื่อย่อ MESUS** แม้แต่ตำรวจคนเก่าคนแก่ที่ทำงานมาหลายปีก็ยังไม่รู้ว่ามีหน่วยงานนี้อยู่

    เดิมทีหน่วยงานนี้บริหารโดยรัฐบาลฮ่องกงในอาณัติอังกฤษ ต่อมาเนื่องจากฮ่องกงคืนสู่จีน หน่วยงานพิเศษของตำรวจนี้จึงถูกยุบทิ้งอย่างเป็นทางการ

    ทว่านี่เป็นเพียงม่านหมอกพรางตา แท้ที่จริงแล้วหน่วยพิเศษสืบสวนคดีทั่วไปยังคงดำเนินการอยู่อย่างลับๆ ทั้งสำนักงานตำรวจมีเพียงผู้กุมอำนาจตัดสินใจสูงสุดไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของหน่วยพิเศษนี้ ลักษณะงานของพวกเขาแตกต่างจากตำรวจทั่วไป พวกเขาไม่มีหลักฐานแสดงฐานะตำรวจและไม่ต้องกลับไปรายงานตัวที่สถานี แต่ทำงานในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง

    และงานของพวกเขาก็คือ…สืบสวนองค์กรนักฆ่าของฮ่องกง

    ‘สาเหตุที่ความสุขไม่ค่อยมาหาคุณ

    เพราะคุณวาดหวังทุกอย่างไว้สุขสมเกินไป

    (4)

    เป้าหมายลอบสังหาร : ข้าราชการระดับสูง จางเจ้าปอ อายุสี่สิบห้า เพศชาย

    ความชอบ : มีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงที่ยังเป็นผู้เยาว์

    พูดให้ชัดๆ ก็คือชอบเที่ยวหญิงบริการระบายความใคร่เฮงซวยนั่นของเขา

    “สัปดาห์ละห้าวัน?” ผมหยิบเอกสารในมือหูฝูหรงขึ้นมาอ่าน “หมอนี่เที่ยวซ่องได้ถี่ดีแท้!”

    “ฮ่าๆ ใช่! แต่นี่ก็เป็นจุดอ่อนที่ถึงชีวิตของเขา!” หูฝูหรงยื่นคีย์การ์ดที่ใช้กับประตูล็อกไฟฟ้าให้ผม “พรุ่งนี้สองทุ่ม โรงแรมตงตู ย่านมงก๊ก ห้องสองหนึ่งสอง”

    “นายเตรียมการเสร็จแล้วเหรอ” ผมถาม

    “แน่นอน ฉันแฝงตัวเข้าเว็บไซต์ค้าบริการเถื่อนที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว เขาต้องเป็นแขกวีไอพีอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ การจองล่วงหน้าและร่องรอยการเข้าออกของเขา ฉันก็รู้ดีประหนึ่งรู้จักฝ่ามือตัวเองเลยล่ะ” หูฝูหรงงึมงำว่า “แม่ง ที่แท้มีการให้วีไอพีจองล่วงหน้าได้ด้วย”

    “นายว่าไงนะ”

    “ปละ…เปล๊า” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเซ่อว่า “เจ้าสิ่งที่เรียกว่าโรงแรมนี่มีแค่สองชั้น ชั้นล่างเป็นบาร์ ชั้นสองเป็นห้องพักของโรงแรม มีพนักงานต้อนรับแค่คนเดียว หล่อนมักจะสวมเสื้อคอเว้าต่ำโชว์ร่องอกออกมาครึ่งนึง จิ๊ๆ”

    “ทำไมนายรู้ละเอียดจัง หึๆ หรือว่า…”

    “ฉันเป็นผู้จัดการนักฆ่ามืออาชีพเว้ย!” สายตาของเขาหลุกหลิกค้านกับน้ำเสียงยืนยันหนักแน่น “ฉันไม่เคยไปสถานที่พรรค์นั้นซะหน่อย!”

    “รู้แล้ว!” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเปลี่ยนหัวข้อ “จริงสิ ยังมีการเตรียมการอย่างอื่นอีกมั้ย”

    เขาเริ่มต้นสาธยายแผนการทั้งหมด ตั้งแต่ตำแหน่งของกล้องวงจรปิด หาเส้นทางที่จะไม่โดนจับภาพ นอกจากนี้ห้องโถงใต้ดินไม่มียามเฝ้า มีแค่ลิฟต์ตัวเดียว แต่เขาบอกว่าห้ามใช้ลิฟต์ ไปแค่ชั้นสองขึ้นบันไดเอาก็พอ จะได้หลบกล้องในลิฟต์ ‘การเดต’ นัดเวลาล่วงหน้าไว้ตอนสองทุ่ม มีจางเจ้าปอมาแค่คนเดียว ฉะนั้นบนทางเดินก็จะไม่มีคนอื่น สามทุ่มครึ่งถึงจะมีคนมาทำความสะอาดห้อง แบบนี้ก็จะไม่มีคนมา ‘รบกวน’ ตามทางเดิน

    จากนั้นหูฝูหรงก็ล้วงปืนกล็อกไนน์ทีนซึ่งก็คือปืนที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้เราใช้ออกมา ผมบรรจุแม็กกาซีน น่าประหลาดที่ผมชอบเสียงนี้มาก เสียงซึ่งต่อไปจะคุ้นหูเป็นอย่างดี

    “จางเจ้าปอมีนิสัยประหลาดอยู่อย่าง เขาชอบมีเซ็กซ์โดยไม่อาบน้ำก่อนเป็นที่สุด!” หูฝูหรงว่า

    “หมายความว่ายังไง”

    “จิ๊ๆ นายไม่เคยไปเที่ยวผู้หญิงเลยจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”

    “ก็เออดิ!”

    ต่อมาเขาก็อธิบายความหมายของเขาให้ผมฟัง…หึ ผมเข้าใจแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อม พรุ่งนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ผมจะฆ่าคนเป็นครั้งที่สอง!

    หึ ข้าราชการระดับสูงอะไรกัน ก็ขาประจำซ่องคนหนึ่งล่ะว้า แถมยังจะเอาเด็กผู้หญิงที่ยังเป็นผู้เยาว์อีกต่างหาก

    ตายก็ยังไม่พอชดใช้ความผิด!

     

    หนึ่งทุ่มห้าสิบนาที

    ณ โรงแรมตงตู ย่านมงก๊ก

    ผมยืนอยู่ข้างถนน รอเหยื่อปรากฏตัวพร้อมกับยืนกิน ‘สามสหายหน้าปลา’* ไปด้วย ห้านาทีที่แล้วมีตำรวจสวมเครื่องแบบหน่วยรบสองนายเดินผ่านไป แน่นอนว่าพลเมืองดีอย่างผมไม่โดนตรวจบัตรประชาชนแต่อย่างใด ขนาดตำรวจลาดตระเวนกันตอนกี่โมงหูฝูหรงก็คำนวณไว้หมดแล้ว ตำรวจจะลาดตระเวนละแวกนี้เสร็จพอดีในช่วงเวลาที่ผมลงมือ

    ตอนนี้เองที่หญิงสาวผมยาวแต่งหน้าจัดสวมกระโปรงสั้นเดินเฉียดผ่านข้างผมไป เธอเหลือบมองผมแวบหนึ่งก่อนจะก้าวเข้าโรงแรม กลิ่นน้ำหอมบนร่างเธอพิเศษมาก เหมือนกับ…ส้ม? ใช่ เป็นกลิ่นหอมๆ ของส้ม

    เธอเป็นหญิงขายบริการ? ดูจากท่าทางสวยหวานของเธอแล้วผมก็เข้าใจได้ในพลันว่าทำไมผู้ชายถึงได้มาใช้บริการ

    ผ่านไปอีกเจ็ดนาที ในที่สุดเป้าหมายของผมก็ปรากฏตัว!

    จางเจ้าปอ! คล้ายๆ กับในรูปถ่าย รูปลักษณ์ภายนอกสุภาพเรียบร้อยมองไม่ออกเลยว่าเป็น ‘เฒ่าตัณหากลับ’!

    หลังจากผมก้าวเข้าไปในโรงแรมแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ผมมองเห็นผู้หญิงสวมเสื้อคอเว้าต่ำที่หูฝูหรงบอกผ่านทางกระจกหน้าต่างบนประตูหนีไฟ พอมองนาฬิกา…เวลาพอดีเป๊ะ!

    “โทรศัพท์ดัง” ผมพึมพำ

    หนึ่งวินาทีต่อมาโทรศัพท์ของผู้หญิงเสื้อคอลึกก็ดังขึ้น

    “ฮัลโหล? ใครคะ” เธอเริ่มสนทนา “หา? คุณรู้ชื่อเต็มฉันได้ยังไง คุณเป็นใคร…คุณรู้ได้ยังไงคะว่าใกล้วันเกิดฉันแล้ว…ให้ฉันลงไปข้างล่าง? มีของขวัญให้ฉันเหรอคะ”

    ปลายสายอีกฟากคือหูฝูหรง เขาสืบข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ ใช้ความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ควบคุมได้ยากที่สุดล่อให้เธอลงไปที่โถงชั้นล่าง

    “ฮึ คุณเป็นเพื่อนของเจี๋ยไจ่ใช่มั้ยล่ะ ก็ได้ ฉันจะลงไปดูของขวัญ”

    เธอติดเบ็ดแล้ว! เธอก้าวออกจากเคาน์เตอร์แล้วเดินเข้าลิฟต์ ตามแผนที่เราวางไว้ล่วงหน้า มีเวลาลงมือแค่หนึ่งนาทีสามสิบวินาที!

    ผมเดินออกจากประตูหนีไฟไปที่ห้อง 212

    หูฝูหรงบอกผมว่าจางเจ้าปอมีนิสัยประหลาดอย่างหนึ่งก็คือชอบมีเซ็กซ์เลยโดยไม่อาบน้ำก่อน ซึ่งมันกลายเป็นจุดตายของเขาพอดี! ผู้หญิงขายบริการคนนั้นน่าจะกำลังอาบน้ำ ไม่แน่จางเจ้าปออาจจะกำลังนั่งล่อนจ้อนอยู่บนเตียงเพื่อรอทำ ‘ศึกดุเดือด’ อยู่ก็ได้!

    นี่ก็แปลว่าในห้องมีแค่เขาคนเดียว

    ‘ติ๊ด!’

    ผมเสียบคีย์การ์ดอเนกประสงค์ ประตูเปิดออก

    การเคลื่อนไหวอย่างแรกของผมคือยกปืนพกขึ้น

    การเคลื่อนไหวอย่างที่สองของผมคือทำหน้าบิดเบี้ยว

    ..

    .

    “แม่งเอ๊ย อะไรวะเนี่ย”

    ‘ถามตัวเองก่อนว่าคู่ควรหรือเปล่า

    แล้วค่อยถามตัวเองว่าตัดใจได้หรือเปล่า

     

    (5)

    นักฆ่าจะดูเหมือนนักฆ่าไม่ได้

    ..

    .

    ‘เป้าหมาย’ ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผม ตามเหตุผลผมควรจะยิงเขาทิ้งในโป้งเดียว ปัญหาคือหน้าผากเขา…โดนยิงโป้งจนถึงฆาตไปแล้ว นอนแผ่อยู่บนเตียงในสภาพเลือดสดๆ เต็มหน้า!

    “แม่งเอ๊ย อะไรวะเนี่ย”

    ฝีมือใคร

    ปฏิกิริยาแรกของผมคือมองไปที่ประตูห้องน้ำ…ไม่ได้ปิด! ผมพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ…ไม่มีใครเลย!

    “อยู่ไหนวะ หญิงขายบริการคนนั้นล่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ แผ่นหลังผมรู้สึกถึงไอเย็นจากลมที่พัดมา เมื่อหันไปมองก็พบว่าหน้าต่างกระจกของห้องเปิดอ้าอยู่

    “แม่ง! เข้าใจแล้ว!” ผมรำพึงอยู่ในใจ

    นักฆ่าจะดูเหมือนนักฆ่าไม่ได้

    เธอ…ก็เป็นนักฆ่า!

    ส่วนผมตอนนี้กลายเป็นแพะรับบาปเรียบร้อยแล้ว! ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไปถึงเจาะจงให้ผมใช้ปืนรุ่นนี้!

    นาทีนั้นผมตัดสินใจเผ่นทันที ทว่าพร้อมกันนั้นผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้า

    “คุณจาง มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมเปิดประตูไว้ล่ะคะ”

    เสียงผู้หญิงเสื้อคอเว้าต่ำคนนั้น! ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงพุ่งไปที่หน้าต่างกระจกแล้วปีนหนีออกมาทางนั้นอย่างรวดเร็ว

    “แม่ง! สูงงี้เลย?” ผมอดเหงื่อตกไม่ได้ “ตายเป็นตายวะ!”

    ขณะที่ผมกำลังจะกระโดดอยู่นั่นเอง ผมก็เหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่บนวงกบหน้าต่างจึงดึงออกมาดู บนนั้นเขียนไว้ว่า

     

    ‘เฟิงอวี่ต้วนฉางเหริน แล้วพบกันใหม่ จากแอนติคิลเลอร์ อวี้หานเอ้อ’

     

    บ้าเอ๊ย! อวี้หานเอ้อเป็นใครวะ

    “คุณจาง? คุณจางคะ?”

    เสียงใกล้เข้ามาทุกที ผมไม่คิดอะไรอีกแล้วรีบกระโดดลงจากชั้นสอง! โชคดีที่ชั้นล่างมีกันสาด ผมจึงกระโดดอีกรอบจากกันสาดลงพื้นท่าเดียวกับในหนังเฉินหลงเลยครับ แค่ว่าสภาพผมทุลักทุเลกว่าเฉินหลงเป็นกอง!

    จากนั้นผมก็วิ่งหน้าตั้งต่อไปทางย่านปรินซ์เอ็ดเวิร์ด! วิ่งไปเรื่อยๆ…เรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิ่งมาไกลแค่ไหนก่อนที่จะมาหยุดลงที่ก้นซอยแห่งหนึ่งในที่สุด

    “แฮก…แฮก…” ผมหายใจแบบสุนัขหอบรับประทาน “แม่ง…เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ!”

    โทรศัพท์ดังขึ้น

    “เจ๋อเทียน เรียบร้อยหรือยัง” เป็นหูฝูหรง

    “แม่ง! เรียบร้อยบ้าอะไรล่ะ! เป้าหมายโดนฆ่าไปแล้ว!” ผมตอบอย่างเดือดดาล

    “เป็นไปได้ไงวะ ใครฆ่า”

    “อวี้หานเอ้อ!”

    “อวี้หานเอ้อ?” เขาสงสัย “เจ๋อเทียน กลับมาก่อนค่อยว่ากัน”

    “ได้ แล้วเจอกัน!”

    ผมทรุดตัวลงนั่งพัก คลายฝ่ามือที่กำแน่นมาตลอดออกแล้วมองกระดาษโน้ตแผ่นนั้นในมืออีกครั้ง

    อวี้หานเอ้อ…แอนติคิลเลอร์…เป็นใครกันแน่

     

    ในห้องวีไอพีของบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่ง

    “บอสที่รัก ฉันกลับมาแล้ว!” หญิงสาวคลอเคลียอยู่แถวๆ หลังคอของชายคนหนึ่ง

    “เรียบร้อยแล้วเหรอ” เขากำลังดื่มไวน์แดง

    “เรียบร้อยแล้ว ของหมูๆ!” เธอคลี่ยิ้มน่าเอ็นดู ทรวงอกอวบอิ่มเบียดลงกับแผ่นหลังเขา “ฉันยังทำตามที่คุณว่า แปะกระดาษแผ่นนั้นไว้ให้เจ้าเฟิงอวี่ต้วนฉางเหรินอะไรนั่นดูด้วย!”

    “อืม ดีมาก ว่าง่ายจริงๆ” เขาทาบจุมพิตลงบนริมฝีปากเธอ

    เวลานี้ประตูของบาร์ก็เปิดออก ชายสีหน้าไร้อารมณ์คนหนึ่งก้าวเข้ามา เสื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างยังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่

    “พี่โม่ซางเปย!” หญิงสาวเอ่ยอย่างยินดี “พี่ก็เสร็จงานเร็วเหมือนกันเหรอ”

    “อื้ม”

    “โม่ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน?” ชายคนแรกมองเขาด้วยรอยยิ้ม

    “ใช่”

    “ฮ่าๆๆ! โม่ นายพูดน้อยเสมอเลยนะ” ชายคนแรกลุกขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ “แต่ว่าฉันชอบว่ะ”

    “บอส โม่ซางเปยเลื่อนขึ้นอีกหนึ่งอันดับแล้ว ตอนนี้อยู่ที่อันดับแปด!” หญิงสาวอกสะบึมอีกคนเอ่ย “แซงหน้าหลงจือเฉวี่ยนแล้ว”

    “ฉันนี่ตาแหลมจริงๆ ที่หาผู้ช่วยมือดีอย่างนายได้ ฮ่าๆ!” เขาหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่ง

    “ที่รัก ขั้นต่อไปต้องทำยังไงเหรอคะ” หญิงสาวถาม

    “ก็ต้องดำเนินการตามแผนของเราต่อน่ะสิ” มือข้างหนึ่งของเขากุมหน้าอกหญิงสาว

    “อ๊า คนบ้า!”

    “ฉันต้องการให้ทั้ง ‘โลกนักฆ่า’ หวาดกลัวพวกเรา…แอนติคิลเลอร์!”

     

    ‘คลังข้อมูลโลกนักฆ่า’

    ชื่อ-สกุล : ไม่แน่ชัด

    ฉายา : โม่ซางเปย (แผ่นศิลาโม่ซาง)

    อันดับปัจจุบัน : 8

    อาชีพเดิม : ไม่แน่ชัด

    ส่วนสูง : 185 เซนติเมตร

    ข้อมูลโดยสังเขป : สีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ชอบพูด วิธีฆ่าโหดเหี้ยม เพิ่งเข้าร่วมองค์กรนักฆ่าไม่นาน เลื่อนอันดับด้วยความเร็วติดจรวด

     

    ชื่อ-สกุล : ไม่แน่ชัด

    ฉายา : อวี้หานเอ้อ

    อันดับปัจจุบัน : 139

    อาชีพเดิม : ขายบริการ

    ส่วนสูง : 164 เซนติเมตร

    ข้อมูลโดยสังเขป : เด็กสาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ น่ารักขบเผาะ ชอบแต่งหน้าจัด โปรดปรานน้ำหอมกลิ่นส้มที่สุด มีความสามารถในการทำให้ผู้ชายลดความระวังตัวลง จากนั้นค่อยลงมือฆ่า

    อย่าถอดหน้ากากของคุณออก

    ต้องใส่ไว้

    ใส่ไว้ทั้งชาติ

    (6)

    อาคารอุตสาหกรรมกู้นถ่ง

    ผมกับหูฝูหรงกำลังจ้องตารางจัดอันดับนักฆ่า

    “เจอแล้ว! อวี้หานเอ้อ อันดับหนึ่งร้อยสามสิบเก้า” หูฝูหรงเลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ชื่อของเธอ “ผู้จัดการของเธอชื่อหม่าเฮ่าหรัน บอส หือ? หม่าเฮ่าหรัน? ก็ผู้จัดการของเด็กใหม่ตัวท็อปโม่ซางเปยนั่นไม่ใช่เหรอ”

    “ฝูหรง เกิดอะไรขึ้นกันแน่!” ผมตบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด “รีบรายงานองค์กร ยัยอวี้หานเอ้อนั่นคิดจะให้ฉันกลายเป็นแพะรับบาป!”

    “ไม่มีประโยชน์หรอก” เขาจ้องผมอย่างจริงจัง “หมู่นี้เหตุ ‘ป้ายสี’ ทำนองนี้เกิดซ้ำไม่เลิก ต่อให้เรารู้ว่าเป็นฝีมือของยัยสาวขายบริการนั่น เราก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี”

    “แม่งเอ๊ย! พวกเขาเจาะจงให้ฉันใช้ปืนนั่น วางแผนล่วงหน้าไว้แล้วชัดๆ!”

    “ใช่…คนจ้างอาจเป็นคนของพวกเขา” หูฝูหรงขมวดคิ้ว

    “นายเล่าให้ชัดๆ หน่อยได้มั้ย ตกลงเกิดเรื่องอะไรในองค์กรนักฆ่ากันแน่ ทำไมถึงได้มั่วแบบนี้”

    “นักฆ่าที่ร่วมมือกับฉันก่อนหน้านาย หรือก็คือพาร์ตเนอร์ของฉัน…เขาก็โดนใส่ร้ายจนตายเหมือนกัน” หูฝูหรงจุดบุหรี่

    เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ผมก็อดชะงักไม่ได้

    “ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนหน้านี้”

    “ไอ้เวร ถ้าฉันบอกแต่แรกนายจะยอมมาเป็นนักฆ่าเรอะ จะให้ฉันบอกนายว่าศิษย์พี่นายโดนฆ่าว่ะ แถมตายอนาถมากด้วยงี้เหรอ” แววตาเขาเจือความโศกเศร้า

    “ฝูหรง เล่ามาเร็วว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น”

    “ครึ่งปีก่อนองค์กรนักฆ่าเราเกิดความเห็นไม่ตรงกัน ในจำนวนนั้นมีนักฆ่ากลุ่มนึงร่วมมือกันเล่นงานเพื่อนร่วมอาชีพ ชื่อของพวกเขาก็คือแอนติคิลเลอร์!” หูฝูหรงเริ่มอธิบาย “พาร์ตเนอร์ฉันชื่อเฉินเจี๋ย ร่วมงานกับฉันมาหลายปีแล้ว มีอยู่วันนึงประมาณสามเดือนก่อน เขาโดนนักฆ่าอีกคนในองค์กรฆ่าทิ้ง”

    “ใครเป็นคนฆ่า”

    “เรื่องนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือคนที่ฆ่าเขา…ก็โดนฆ่าทิ้งเหมือนกัน”

    ผมฟังแล้วก็อึ้งไป “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”

    “แม่ง! ใครจะไปรู้วะ! ตอนนั้นนอกจากเฉินเจี๋ย นักฆ่าหลายคนก็ถูกฆ่าในช่วงนั้นเหมือนกัน เกิดเรื่อง ‘ป้ายสี’ กับอะไรต่อมิอะไรอีกหลายเรื่องแบบเดียวกับที่นายเจอมาวันนี้นั่นแหละ หมอนั่นทิ้งโน้ตไว้โบ้ยความผิดฐานฆ่าคนให้นักฆ่าที่มีชื่อเขียนอยู่ ต่อให้เป็นแบบนายคือเห็นกับตาว่าใครลงมือก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี อีกอย่างนักฆ่าบางคนก็โดนใส่ร้ายอีกที สรุปว่ามั่วเละเทะไปหมด”

    “เวร! เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีใครในองค์กรสนใจเลยเหรอ”

    “ไม่ใช่ไม่มีใครสนใจ แต่ไม่รู้จะลงมือจากตรงไหน ว่ากันตามตรงนะ ในบรรดานักฆ่าสองร้อยหกสิบเจ็ดคนมีแอนติคิลเลอร์อยู่กี่คนก็ไม่รู้ มิหนำซ้ำ…” เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง “คนระดับสูงในองค์กรอาจจะคิดว่าพวกเขาไม่เสียหายตรงไหนซะหน่อย คนที่ผู้ว่าจ้างจะฆ่าก็ตายหมด ก็แค่มีนักฆ่าตายเพิ่มอีกคน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ถึงยังไงก็มีนักฆ่าเลือดใหม่ที่อยากได้เงินเหมือนนายพร้อมจะเข้าร่วมอยู่แล้ว”

    “ไม่สิ! ถ้าเป็นแบบฉันแล้วเกิดโดนตำรวจจับขึ้นมา องค์กรนักฆ่าก็ถูกเปิดโปงกันพอดี! ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”

    “อย่าใสซื่อไปหน่อยเล้ย! นายคิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้นายทำงั้นเหรอ อีกอย่างก็มีคนขององค์กรแฝงตัวอยู่ในฝั่งตำรวจเหมือนกัน”

    จริงครับ หูฝูหรงเคยบอกแล้วว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็มีหนทางตามไปเก็บนักฆ่าที่โดนจับได้อยู่ดี

    “งั้นเราทำอะไรได้บ้าง โดนใส่ร้ายไปแบบนี้โดยไม่ตอบโต้เหรอ ไม่สะใจเลย!” ผมจุดบุหรี่

    “พวกเขารู้จัก ‘วางแผน’ ฉันก็เป็น ต้องดูกันไปว่าใครจะเหนือชั้นกว่ากัน!” หูฝูหรงไม่กล้ามองผมตรงๆ “เจ๋อเทียน ขอโทษนะที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้นายรู้”

    แม่ง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าหูฝูหรงจะขอโทษผม บางทีนี่คงจะเป็นมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายล่ะมั้ง

    “โว้ย! เลิกพิรี้พิไรได้แล้ว! วันหลังอย่าทำงี้อีกนะเว้ย พวกเราเป็นพาร์ตเนอร์กันต้องอยู่ด้วยกันแบบซื่อสัตย์!”

    “ฉันพิรี้พิไรที่ไหน! ไปตายซะแกน่ะ!” เขาพูดยิ้มๆ

    “ว่าแต่มีอยู่จุดนึงฉันยังไม่ค่อยเข้าใจ” ผมมองฉายาในตารางจัดอันดับ “ทำไมพวกแอนติคิลเลอร์ต้องทำแบบนี้ด้วย”

    “อาจจะอยากไต่อันดับในตารางจัดอันดับนักฆ่ามั้ง ไม่แน่เหตุผลแม่งอาจมีแค่สองคำ…สนุกดี!”

    ได้ยินเขาพูดแบบนี้ผมก็เย็นเยือกในใจ ไม่ได้ฆ่าคนเพราะเงินทอง แต่เพราะ ‘สนุกดี’?

    ไม่เรียบง่ายขนาดนั้นมั้ง ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็ต้องมีเป้าหมายทั้งนั้นแหละ! ผมคิดอยู่เงียบๆ อวี้หานเอ้อนั่นทิ้งโน้ตไว้เห็นได้ชัดว่าต้องการ ‘ประกาศสงคราม’ กับผม!

    แม่ง ไม่แน่พายุคลั่งของสงครามจัดอันดับนักฆ่านี้…

    กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

    ‘ต้องรู้จักความทุกข์ทรมานเสียก่อน

    ถึงจะเข้าใจความสุข

    (หมายเหตุ*** เนื้อหานิยายที่นำมาให้ทดลองอ่านยังไม่ผ่านกระบวนการไฟนอล)

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in โลกนักฆ่า

    นิยายยอดนิยม

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ยอดสถาปนิกผู้พิทักษ์อาณาจักร เล่ม 1 ครั้งที่ 1

      บทที่ 1 กลายเป็นเศษสวะในนิยาย     เหตุการณ์ที่เหมือนนิยายกำลังเกิดขึ้นกับผม เมื่อลืมตาก็พบว่าตัวเองหลุดมาอยู...

    Facebook