• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย ล่า ตอนถ้ำนาคาลำน้ำโขง บทที่ 1

    สมัยก่อนผมเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ ข่าวเขียนเอาไว้ว่าในบางพื้นที่มีการพบเห็นเด็กหมาป่า เด็กพวกนั้นคลานสี่ขา กินเนื้อดิบ มีขนสีดำปกคลุมตามร่างกาย ไม่ต่างอะไรกับหมาป่า

    ทว่าผมก็ยังเชื่อไม่ลง ก็ผมมีตัวอย่างให้เห็นชัดๆ อยู่คนหนึ่งไม่ใช่หรือไงกัน ซานเซียวเติบโตมากับฝูงหมาป่า แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากคนทั่วไป ขนสีดำอะไรก็ไม่เห็นจะมีสักเส้น

    แน่นอน ยังมีความเป็นไปได้อีกข้อก็คือเธอต้องการบอกว่าช่างจีกลายเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งหมาป่าเหมือนเฒ่าเจวี๋ยฮู่ไปแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นไปได้มากโขอยู่

    หลังกินข้าวดื่มน้ำเสร็จ จีเสี่ยวเหมี่ยนก็เริ่มกลับมาสงบนิ่ง ผมเอ่ยปากถามเธออย่างระมัดระวังอีกครั้งว่าตกลงในตอนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แล้วสุดท้ายมันเกิดอะไรขึ้นที่เมืองหมาป่า

    แต่ไม่ว่าจะถามยังไง เธอก็ยังคงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อลอยเหมือนมองทะลุผ่านผมไปไกล คล้ายไม่เข้าใจว่าผมกำลังถามอะไรอยู่

    หรือว่าเธอจะเสียสติไปแล้วจริงๆ

    ผมตัดสินใจพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ไม่แน่ว่าบางทีสมองเธออาจถูกกระทบกระเทือนจากแรงระเบิด แม้จีเสี่ยวเหมี่ยนจะแสดงท่าทีตกประหวั่นต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว แสดงอาการหวาดกลัวต่อทุกสิ่งอย่างชัดแจ้ง แต่อย่างน้อยเธอก็ยังคงวางใจผม คอยซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนไม่ห่าง

    เพราะไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนติดมาด้วย ดังนั้นเมื่อถึงโรงพยาบาลกว่าผมจะพาเธอไปลงทะเบียน ตรวจร่างกายโดยละเอียดได้ก็ต้องไหว้วานให้คนรู้จักช่วย หมอบอกว่านอกจากจิตใจที่ถูกกระทบกระเทือนแล้ว อย่างอื่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงจัดยากล่อมประสาทมาให้ชุดหนึ่งและให้ผมพาเธอกลับบ้านมาพักผ่อน

    ตอนออกจากโรงพยาบาล คงเพราะเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย จีเสี่ยวเหมี่ยนเลยหมอบหลับอยู่ในรถ ระหว่างทางกลับบ้าน ผมรู้สึกลังเลเล็กๆ ว่ากันตามตรง ผมกับจีเสี่ยวเหมี่ยนก็แค่เพื่อนที่บังเอิญได้พบหน้าค่าตากันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น การพาเธอไปพักค้างที่ร้านเหมือนไม่เหมาะไม่ควรสักเท่าไหร่

    เธอไม่มีสัมภาระติดตัวมา ในกระเป๋าเสื้อก็มีแต่ความว่างเปล่า จะมีก็แต่ก้อนโคลนดำๆ ที่ไม่รู้ว่าคืออะไรจำนวนหนึ่ง ผมตัดสินใจปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้น

    หลังจากคิดอยู่นาน ในที่สุดผมก็โทรหาบอดใหญ่จ้าว ตั้งใจว่าจะให้เธอไปพักอาศัยอยู่ที่ทุ่งล่าสัตว์ก่อนชั่วคราว แต่บอดใหญ่จ้าวกลับด่าเปิง “เอ็งคิดว่าทุ่งล่าสัตว์เป็นวัดหรือไง ระวังตัวให้ดี ยังไงข้าก็ไม่ไว้ใจหล่อน! บัดซบจริง เอ็งต้องไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงอะไรมาแน่ๆ ใช่หรือเปล่า หล่อนถึงได้ตามมาถึงที่แบบนี้! เวร แทนที่จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ดันไปเลียนแบบเฉินซื่อเหม่ย*เจาะไข่แดงชาวบ้านแล้วชิ่งซะงั้น! เฮอะ สมน้ำหน้า!”

    ช่วยไม่ได้ สุดท้ายผมจึงได้แต่พาจีเสี่ยวเหมี่ยนมาพักอยู่ที่ร้าน

    โชคดีที่จีเสี่ยวเหมี่ยนไม่เอะอะโวยวาย เธอเพียงนั่งนิ่งไม่ต่างอะไรกับหุ่นโชว์ ไม่ร่ำไห้ ไม่ส่งเสียงโหวกเหวก แบบนี้ก็ดี ถือเสียว่าเธอเป็นพนักงานร้านที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้คนหนึ่งก็แล้วกัน

    หม่าซานกลับมาทำงานด้วยสีหน้าแจ่มใส แต่พอเห็นจีเสี่ยวเหมี่ยนเขาก็สะดุ้งโหยง หมอนั่นมองดูจีเสี่ยวเหมี่ยนที แล้วหันมาพิจารณาดูผมโดยละเอียดอีกที ก่อนจะพึมพำออกมา “ดอกไม้งามทำไมถึงมาปักอยู่บนกองขี้ควายได้”

    ผมโมโห แต่ขณะกำลังจะด่าก็นึกขึ้นได้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ขืนด่าออกไปก็เท่ากับว่ายอมรับว่าตัวเองเป็นขี้ควายสิ

    ดังนั้นผมจึงได้แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยกชาขึ้นดื่ม แต่ลืมนึกไปว่าชาถ้วยนั้นเพิ่งรินน้ำเดือดลงไปหมาดๆ ปากลิ้นจึงถูกลวกพอง ปวดแสบปวดร้อนจนน้ำตาไหลพราก

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook