• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย ล่า ตอนถ้ำนาคาลำน้ำโขง บทที่ 2

    ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ ผมตัดสินใจโทรหาเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ที่พอจะสนิทกันอยู่บ้าง แต่พวกเขากลับบอกว่าตั้งแต่เรียนจบ ไอ้ลูกหมาข่งก็ไม่เคยติดต่อพวกเขาอีกเลย พวกเขายังนึกว่าไอ้ลูกหมาข่งหายสาบสูญไปแล้วเสียอีก!

    หลังวางสาย ผมก็ยิ่งรู้สึกสงสัย พอคิดๆ ดู เป็นไปได้หรือเปล่าที่ไอ้ลูกหมาข่งจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเมืองหมาป่าเหมือนกัน

    อีกอย่างพรานป่าที่ตายลงอย่างลึกลับที่ต้าซิงอันหลิ่งเป็นคนแรกก็เป็นคนที่เขาแนะนำมา

    หากไม่ใช่เพราะพรานป่าคนนั้นเขียนชื่อผมทิ้งเอาไว้ก่อนตาย เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้น!

    น้าเล็กบอกว่าพรานป่าที่ไปตายอนาถอยู่ที่ต้าซิงอันหลิ่งไม่ใช่คนของเขา และไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องเขียนชื่อผมเอาไว้ ส่วนคนที่เขาส่งไปที่ต้าซิงอันหลิ่งในภายหลัง ทั้งหมดล้วนเป็นแผนซ้อนแผน

    ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสับสน ตกลงไอ้ลูกหมาข่งแกล้งโง่ หรือกำลังแสดงบทหมูกินช้างอยู่กันแน่

    ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันก็ออกจะบังเอิญเกินไปอยู่สักหน่อย!

    นึกถึงข้อความที่เขาส่งมา‘ยังไงก็ต้องเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้!’ผมก็ยิ่งรู้สึกขวัญผวา หรือเขาเชื่อว่าผมต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่ต้าซิงอันหลิ่งแน่!

    ยิ่งย้อนนึกกลับไปถึงภาพการตายชวนสังเวชของเสี่ยวซานจื่อ ภาพทหารสมัยก่อนที่หมายเอาชีวิตผม ภาพตอนน้าเล็กที่สุดท้ายก็ผลักผมลงหน้าผา ผมก็ยิ่งวิตกกังวล รีบโทรหาบอดใหญ่จ้าวเรียกเขาให้มานั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน

    บอดใหญ่จ้าวที่ยังเคืองผมอยู่ด่าผ่านสายว่าเป็นเฉินซื่อเหม่ย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมา พอมาถึงและเห็นจีเสี่ยวเหมี่ยนในสภาพแบบนั้น เขาก็ถอนหายใจ ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ

    ผมปิดร้าน ไล่หม่าซานกลับบ้าน หันไปกางโต๊ะตั้งไว้ในลาน สั่งออเดิร์ฟเย็นและกับข้าวอีกสองสามอย่าง เหล้ากับเบียร์วุ้นอีกสองขวดจากร้านอาหารใกล้ๆ มาดื่มกินกับบอดใหญ่จ้าว

    เดือนเก้าอากาศร้อนจัด พวกเราสองคนดื่มกินกันอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งดื่มก็ยิ่งร้อน ผมตัดสินใจปูเสื่อ พวกเราสองคนถอดเสื้อแล้วก้มหน้าก้มตากินเหล้าเบียร์อยู่บนพื้น

    เบียร์หมดไปอย่างรวดเร็ว เหล้าก็เผ็ดร้อนจนผมแยกเขี้ยวยิงฟัน อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงได้แต่ก้มหน้าครุ่นคิด

    ที่ทำให้ผมรู้สึกวุ่นวายใจที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเรื่องที่จู่ๆ นายห้างก็กลายมาเป็นน้าเล็กของผม

    ในความทรงจำของผม นายห้างสุขุมเยือกเย็นจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพวกไร้ความรู้สึก การที่จู่ๆ เขาก็เปิดเผยฐานะบอกว่าตัวเองเป็นน้าของผมแบบนี้ ไหนเลยจะทำใจยอมรับได้ง่ายๆ

    บางครั้งพอคิดๆ ดู ผมก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าตกใจเป็นบ้า

    การเป็นคนที่หายสาบสูญไปเกือบสามสิบปี หนำซ้ำยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าหลานชายเพียงหนึ่งเดียวทำงานอยู่ในร้านของตนเองมาตลอดห้าปี ไม่แม้แต่จะแพร่งพรายให้ผู้เฒ่ากวนตงที่คอยตีวัวกระทบคราดอยู่ข้างๆ ได้รับรู้ คนที่จะทำแบบนี้ได้ต้องมีจิตใจแข็งแกร่งขนาดไหนกัน!

    อีกอย่างที่เขาบอกว่า ‘เสี่ยวชี จำไว้ ชีวิตคนกับล่าสัตว์ก็เหมือนกัน คนเล่นงานนายหนักมากเท่าใด เขาก็ยิ่งจริงใจกับนายมากเท่านั้น’ หมายความว่ายังไงกันแน่

    ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ถึงได้รู้สึกว่าหลังนายห้างกลายเป็นน้าเล็กของผม ผมกลับรู้สึกว่าเขามีแต่จะยิ่งลึกลับเกิดคาดเดามากขึ้นทุกที

    บางครั้งผมถึงกับสงสัยว่าเขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ความจริงเขาอาจไม่ใช่น้าเล็กผม แต่กำลังหลอกใช้ผมอยู่

    ทว่าความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวผมก็แค่แวบเดียวเท่านั้น ผมไม่กล้าและไม่อยากคิดต่อ

    ขณะเดียวกันผมก็พบว่าน้าเล็กมีเรื่องปิดบังผมมากมาย เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่เขาพูด

    ในตอนนั้นผมบอกเขาว่าบอดใหญ่จ้าวเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้เฒ่าเจวี๋ยฮู่ เขาก็แสดงอาการไม่เห็นด้วยออกมาชัดแจ้ง อีกทั้งยังบอกว่าคนคนนั้นบางทีอาจเป็นผู้เฒ่ากวนตง หรือไม่ก็บอดใหญ่จ้าวกำลังพูดโกหก

    ผมรู้จักบอดใหญ่จ้าวดี หมอนี่อาจคุยโวโอ้อวดอยู่บ้าง พูดจาเหลวไหลไร้สาระอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางพูดโกหก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้สภาพแวดล้อมอย่างในเวลานั้น เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหก

    คนพูดโกหกล้วนมีเป้าหมาย ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายของเขาคืออะไร ทำไมต้องหลอกให้ผมตกใจด้วย

    เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook