• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านสยบฟ้า 23_1

    หน้าที่แล้ว1 of 7

    บทที่ 1รถลงทุ่งร้างมุ่งสู่เนินดิน

    ฤดูกาลทั้งสี่ของโลกมนุษย์ล้วนมีบุปผา แม้ในช่วงเหมันต์ที่หนาวเหน็บก็มีดอกล่าเหมยให้ชื่นชม ฤดูสารทย่อมมีบุปผาเช่นกัน ฤดูสารทที่วัดลั่นเคอ บุปผาที่ขึ้นชื่อที่สุดคือกุ้ยฮวา หนิงเชวียกำลังอุ้มซังซังที่ร่างอ่อนปวกเปียก ช่วงเวลาใกล้ตายนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดมันจึงคิดถึงพวกกุ้ยฮวาริมสุสานโดดเดี่ยวในป่าสถูป

    ตอนนี้กระบี่ที่ลอยมาจากฟ้าไกลอยู่ห่างจากรถม้าสีดำไม่มากแล้ว วินาทีถัดไปน่าจะแทงถูกร่างซังซังและตัวมัน อันที่จริงมันไม่ได้มองเห็นกระบี่บินเล่มนั้น แต่ว่าสัมผัสได้ ทั้งแน่ใจด้วยว่ากระบี่เล่มนั้นมาจากเทพกระบี่หลิ่วไป๋ ดังนั้นจึงรู้ดีว่าอีกชั่วอึดใจตนเองและซังซังต้องตายอย่างแน่นอน จึงไม่ทำอะไรอีกแล้ว นอกจากโอบกอดซังซังในอ้อมอกไว้แน่นกว่าเดิม แล้วรออย่างสงบ

    ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาอยู่เหนือจินตนาการและการคาดคะเนของหนิงเชวียโดยสิ้นเชิง กระบี่ทะลวงเมฆที่มาจากฟ้าไกลที่ตามหลักแล้วต้องสังหารพวกมันอย่างแน่นอนกลับเสียดสีกับรถม้าแล้วแฉลบออกไปอย่างรวดเร็ว

    แสงพุทธะที่สงบร่มเย็นดับวูบไปหลังรถม้า ภาพความเสื่อมโทรมของวิหารหลังวัดลั่นเคอและฝนฤดูสารทพวกนั้นล้วนถูกตัดขาด แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย รอบด้านเหลือเพียงความเงียบ

    หนิงเชวียรู้ว่ารถม้าได้เข้าสู่โลกในกระดานหมากโดยสมบูรณ์แล้ว ความตึงเครียดสุดขีดพลันผ่อนคลาย เหงื่อไหลทะลักออกมาดุจห่าฝน ทำให้ทั้งร่างเปียกโชกในพริบตา

    เจ้าดำก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโดยรอบ จึงร้องฮี้ๆ อย่างลิงโลดใจ แล้ววิ่งตะลุยไปบนถนนที่เงียบสงัด แต่วิ่งไปได้ไม่กี่จั้ง ถนนที่ดูเหมือนจะทอดยาวไปไม่สิ้นสุดกลับแยกออกอย่างกะทันหัน!

    เดิมถนนสายนี้อยู่บนภูเขาสูงในโลกแห่งกระดานหมาก เมื่อถนนด้านหน้าแยกออกอย่างกะทันหัน ย่อมกลายเป็นหน้าผา

    เพิ่งรอดพ้นจากสถานการณ์เฉียดตายมาได้ ไหนเลยจะคิดว่าไม่ทันไรก็ต้องเจอกับอันตรายเช่นนี้อีก เจ้าดำหยุดเท้าไม่ทัน อารมณ์เดือดดาลจึงระเบิดขึ้นมาในยามสิ้นหวัง ร้องฮี้อย่างบ้าคลั่งแล้วพุ่งลงไป!

    เสียงกระแทกอย่างแรงดังโครม รถม้าสีดำตกลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วง ล้อรถบดแอ่งน้ำที่กำลังจับตัวเป็นน้ำแข็งจนแหลก แล้วแล่นต่อไปบนพื้นดินเย็นเฉียบที่ค่อนข้างแข็ง มุ่งไปทางดวงตะวันเย็นยะเยือกที่อยู่ห่างไกลดวงนั้น

    การกระแทกอย่างรุนแรงทำให้หนิงเชวียที่อยู่ในรถกระเด้งกระดอน ศีรษะกระแทกประทุนรถอย่างแรง จากเดิมที่มึนงงอยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่รับมือไม่ทันก็พลันได้สติขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด มันมองออกไปนอกหน้าต่างตามสัญชาตญาณ พื้นที่ในขอบเขตทัศนวิสัยมีแต่ความรกร้าง เป็นที่ราบซึ่งมืดและเงียบสงัด คล้ายมีต้นไม้เหี่ยวเฉาอยู่ไม่กี่ต้น

    ที่นี่ไม่ใช่วัดลั่นเคอ แต่ก็ไม่ใช่โลกในกระดานหมากเช่นกัน หญ้าสีขาวราวเกล็ดน้ำแข็งพวกนั้นตายไปนานแล้ว ปลาตัวเล็กในแอ่งน้ำก็คงกลายเป็นน้ำแข็งไปนานแล้วเช่นกัน กาลเวลายังคงเป็นช่วงฤดูสารทอันหนาวเหน็บ ทัศนียภาพพวกนี้มันดูแล้วออกจะคุ้นตาอยู่ แต่น่าจะไม่เคยมา ที่นี่คือที่ไหนกันแน่

    หรือว่าที่นี่คือทุ่งร้าง แต่เมื่อครู่เห็นๆ อยู่ว่ารถม้ายังอยู่หน้าวิหารหลังวัดลั่นเคอ แล้วเหตุใดพริบตาต่อมาจึงมาโผล่ที่ทุ่งร้างได้ วัดลั่นเคออยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แถบทะเลฉุยหลิ่ง ห่างจากทุ่งร้างอย่างต่ำสุดก็หลายพันลี้ ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจึงมาโผล่ที่นี่ได้

    หนิงเชวียมองทัศนียภาพของทุ่งร้างนอกรถ ตกใจจนพูดไม่ออก พอได้สติก็รีบมองดูซังซังที่อยู่ในอ้อมอก เห็นซังซังแม้ยังอ่อนแออยู่มาก แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต จึงอดถอนหายใจอย่างโล่งอกมิได้

    หน้าที่แล้ว1 of 7

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook