• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง 5 ตอนที่ 1

    หน้าที่แล้ว1 of 3

    1

    รสชาติแห่งสุขภาพ

    “แอนเดอร์สัน เคยได้ยินมั้ยว่าเวลาที่ทุกอย่างถูกทำนายเอาไว้แล้ว ยิ่งเราพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากคำทำนายนั่นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดิ้นไม่หลุดและทำให้เราต้องมีชีวิตในแบบที่ถูกกำหนดไว้มากเท่านั้น”

    “พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจเลย”

    “เราออกกำลังกายก็เพราะอยากให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่มันอาจทำให้สุขภาพของเราแย่ลงก็ได้ การออกกำลังกายหนักทำให้มีเวลานอนน้อยลง ร่างกายเลยอ่อนเพลียมากขึ้นเพราะไม่มีเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนฟื้นฟู งานก็ยังต้องทำ ร่างกายต้องแย่ลงอยู่แล้ว…”

    “พูดอะไรเยอะแยะ เงียบไปเลย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแค่เท่านั้นจะไปทำงานในครัวได้ยังไง อย่าสำออยไปหน่อยเลย และอย่าบอกนะว่าจะคาร์ดิโอแบบเหยาะแหยะอีก”

    น้ำเสียงต่อว่าของแอนเดอร์สันทำให้มินจุนยกบาร์เบลต่อโดยไม่ตอบอะไร ขมับมีเส้นเลือดขึ้น ขาก็สั่นพั่บๆ แอนเดอร์สันมองมินจุนแล้วถอนหายใจ

    “ก็บอบบางแบบนี้ไงล่ะถึงได้มีอาการเวียนหัว ถ้านายเป็นอะไรไปมันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่ไหนรู้มั้ย ฉันไม่ได้เป็นห่วงหรอกนะ แต่โมโหมากกว่า”

    “รู้แล้วน่า นายน่ากลัวขนาดนี้ ฉันไม่กล้าเป็นอะไรหรอก”

    “อย่าลืมสิว่าการล้มลงในครัวมันมีความหมายยังไงกับอาจารย์ นายจะต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้มากกว่านี้”

    มินจุนทำหน้าบูดบึ้งราวกับไม่พอใจแล้วยกบาร์เบลต่อ แอนเดอร์สันเห็นดังนั้นจึงพูดให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “เวลายกน้ำหนักคนเรามักคิดล่วงหน้าว่าทำไม่ได้ พอลงมือทำจริงก็เลยยกน้ำหนักได้น้อยกว่าที่ตัวเองสามารถยกได้ นายต้องเชื่อในตัวเอง ร่างกายนายไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดจะยกน้ำหนักแค่นี้ไม่ไหวหรอก”

    มินจุนร้องฮึบแล้วกางเข่าออก ถึงแม้จะบ่นไม่หยุดแต่มินจุนก็ยอมทำแต่โดยดี เพราะมินจุนไม่ใช่คนชอบบ่น แค่ไม่ถนัดการออกกำลังกายแบบเวตเทรนนิ่งเท่านั้น แต่แอนเดอร์สันจะปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเรเชลบอกว่าช่วงนี้มินจุนดูเหนื่อยและขอร้องแอนเดอร์สันให้ช่วยดูแลเท่านั้น แต่เพราะมินจุนเป็นเพื่อนที่มีความสำคัญต่อแอนเดอร์สัน แม้จะรู้จักกันมาแค่ประมาณหนึ่งปี แต่ในช่วงหนึ่งปีนี้พวกเขาพูดคุยกันหลายเรื่องมาก ล้มลุกคลุกคลานด้วยกันมาก็หลายครั้ง ช่วยเหลือกันมาก็หลายหน มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่น่าอึดอัดใจผสมปนเปกัน

    “อย่าป่วยไปล่ะ คนรอบตัวจะเดือดร้อน”

    “ไม่ป่วยหรอกน่า อย่าห่วงเลย”

    “ไม่ใช่ว่าพอหันมาเห็นอีกทีก็อาการหนักแล้วล่ะ”

    “เอาเป็นว่าต่อไปนี้ฉันจะหักโหมให้น้อยลงก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงนะ”

    “ไอ้คำว่า ‘น้อยลง’ของนายน่ะไว้ใจไม่ได้จริงๆ”

    แอนเดอร์สันขมวดคิ้ว เพราะในคำพูดนั้นสุดท้ายแล้วก็หมายความว่ามินจุนจะหักโหมต่อไป แต่แอนเดอร์สันก็พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะมินจุนไม่ได้โกหก คืนวันนั้นมินจุนอาบน้ำแล้วเข้านอนเลยทั้งที่ปกติแล้วเวลานั้นเป็นเวลาที่มินจุนมักนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวเพื่อคิดสูตรอาหาร นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคาย่า เพราะเธอเองก็เป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน

    “เป็นไปได้ยังไงเนี่ย อาบน้ำแล้วมานอนบนเตียงเลยแบบนี้”

    “ฉันคิดได้น่ะว่าถ้าใจร้อนเกินไปอาจทำให้พลาดสิ่งที่สำคัญจริงๆ ไปก็ได้ และฉันไม่อยากทำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงด้วย”

    “ก็ดีที่รู้ตัว ทั้งโชเร็กจาโน่ ทั้งคาสซูเลต์มันไม่สำคัญเลย แค่นายแข็งแรงก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”

    “เธอก็เป็นห่วงฉันเหมือนกันเหรอ”

    “จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ ก็นายมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทำอาหารทุกวันแบบนั้น ฉันรู้ดีว่าการไม่หยุดพักเลยมันเป็นยังไงและลำบากแค่ไหน เพราะฉันเองก็เคยทำงานจนไม่มีเวลาพักเหมือนกัน”

    มินจุนใช้นิ้วกดลงไปที่หางตาของคาย่า คนที่เคยเห็นในทีวี คนที่อยู่บนที่สูงจนไม่คิดว่าจะเอื้อมถึง คนที่กำลังสยายปีกอย่างสง่างามแบบเธอกำลังอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ และยังเป็นแฟนของเขาอีกด้วย พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทุกอย่างได้ถูกลบออกไป

    “ทำไมยิ้มแบบนั้น”

    “เปล่า”

    “คำว่าเปล่าเนี่ย พวกผู้ชายเขาเอาไว้ใช้ตอนที่ไม่อยากอธิบายอะไรไม่ใช่เหรอ”

    “เหรอ ฉันไม่เห็นรู้เลย”

    “อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย นับวันจะยิ่งเจ้าเล่ห์ขึ้นนะ”

    “แล้วไม่ชอบเหรอ”

    “ไม่ชอบ เมื่อก่อนนายเป็นคนซื่อจะตาย”

    “ฉันเนี่ยนะซื่อ”

    มินจุนหัวเราะราวกับไม่อยากจะเชื่อ คาย่าจึงใช้นิ้วกดมุมปากของมินจุนให้ลงมา

    “อย่าหัวเราะ นายเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ”

    “ฉันเป็นแบบนั้นตอนไหน”

    “ก็เวลาอยู่ต่อหน้าฉันนายมักจะตื่นเต้นนี่”

    มินจุนไม่เข้าใจคำพูดของคาย่า เขาเคยตื่นเต้นแบบนั้นจริงเหรอ

    “ผู้หญิงน่ะรู้สึกได้หมดนั่นแหละ ต่อหน้าผู้หญิงผู้ชายมักจะพูดเยอะกว่าปกติ ทำน้ำเสียงขรึมๆ ชอบเป็นห่วงอะไรไม่เป็นเรื่อง มีสัญญาณบ่งบอกตั้งหลายอย่าง แล้วฉันจะไม่รู้ได้ไงว่านายชอบฉัน”

    “ฉันเนี่ยนะเป็นแบบนั้น”

    “นายถึงได้หลงรักฉันก่อนไง ถ้ารู้แล้วก็ทำตัวดีๆ อย่าเอาแต่แกล้งฉันแบบนั้น”

    พอพูดจบคาย่าก็ปิดโคมไฟที่หัวเตียง เมื่อความมืดมาเยือนมือของคาย่าก็ขยับมาลูบไล้ใบหน้าของมินจุน คาย่ายิ้มแล้วพูดว่า

    “หล่อจริงๆ เลย แฟนฉัน”

    “เป็นอะไรของเธอเนี่ย”

    “ขอบคุณนะ ถ้าต้องพูดแบบเห็นหน้าฉันคงพูดไม่ออก ดังนั้นขอพูดแบบนี้ก็แล้วกัน ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างฉันตลอด ขอบคุณที่นึกถึงฉันตลอด ขอบคุณที่คอยสนับสนุน ช่วยอยู่เคียงข้างฉันแบบนี้ไปตลอดนะ ไม่ว่าจะเป็นยามสุขหรือยามทุกข์”

    เสียงเปิดไฟดังขึ้นแทนเสียงตอบรับของมินจุน คาย่าจึงตกใจเพราะอาย

    “อะไรเนี่ย เปิดไฟทำไม”

    “อยากเห็นสีหน้าของเธอในเวลาแบบนี้”

    “น่าอายน่า รีบปิดไฟเดี๋ยวนี้นะ”

    “ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ”

    มินจุนลูบผมของคาย่าเบาๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอต่อไป อย่าห่วงไปเลยนะ ฉันไม่ไปไหนหรอก”

    “…ฉันจะเชื่อนาย”

    คาย่าจูบหน้าผากของมินจุนแล้วดับไฟอีกครั้ง มินจุนจึงจ้องมองความมืดอย่างเหม่อลอยพลางคิดว่า

    ก็เพราะแบบนี้ไงถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดไม่ได้

    แม้จะรู้สึกหนักใจ แต่ก็เป็นความหนักใจที่ทำให้รู้สึกดี

    หน้าที่แล้ว1 of 3

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook