• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน วาสนาจักรพรรดิมังกร ครั้งที่2

    เจาหยวนเอาหัวหลบอยู่ในผ้าห่มลึกลงไป หลับตาทั้งสองแน่น

    คำพูดหลายประโยคที่เล่อเยวี่ยเอ่ยถามเมื่อครู่ล้วนทิ่มแทงหัวใจของมัน ทรมานรอยแผลเก่าแห่งความอัปยศของเทพมังกรผู้พิทักษ์ตลอดหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา

    ในปีนั้น ผู้ที่พ่ายแพ้ให้หงส์และสูญเสียตำแหน่งเทพผู้พิทักษ์ไปคือท่านพ่อของมัน

    ยามยังเด็ก เจาหยวนสับสนตนเองอย่างมากว่ามันพึงนับเป็นมังกรประเภทใดกันแน่

    ตั้งแต่มันเกิดมาก็อาศัยอยู่ในแก่งธารที่ทั้งแคบทั้งเล็กกับทั้งครอบครัวแล้ว ท่านพ่อท่านแม่พี่ชายพี่สาวน้องชายน้องสาวมังกรเจ็ดตัวพักอาศัยอยู่ด้วยกัน แออัดยัดเยียดยิ่งนัก

    แก่งธารสายนี้ เอ๋าก่วงราชามังกรแห่งทะเลตะวันออก ผู้เป็นพี่ชายของท่านยายของมันเห็นใจที่ครอบครัวมันไร้ที่ไปจึงยกให้ อ้อมไปทางขวาสองสามโค้งของแก่งธารสายน้อยก็กลายเป็นน่านน้ำอันกว้างขวางทางหนึ่งที่บรรจบกับทะเลตะวันออก นั่นคืออาณาเขตที่ตระกูลของท่านตาเอ๋าก่วงปกครองดูแล ยิ่งใหญ่เกรียงไกร กว้างไกลไร้ขอบเขต วังมังกรแก้วผลึกที่ท่านตาพำนักอยู่วิจิตรงดงามอร่ามเรืองยิ่งยวด ไม่ว่าห้องใดล้วนใหญ่เท่าสถานที่ที่ทั้งครอบครัวของพวกมันอาศัยอยู่

    ท่านตาจามอยู่บนฟากฟ้าแค่ครั้งเดียว โลกมนุษย์ก็มืดฟ้ามัวฝนฟ้าแลบฟ้าร้อง ท่านตาอยู่บนก้อนเมฆถ่มน้ำลาย โลกมนุษย์ก็ฝนตกกระหน่ำทั้งวันทั้งคืนไม่มีหยุดพัก หากท่านตาปรากฏร่างพลิกกายในทะเล น่านน้ำของทะเลตะวันออกก็จะเกิดคลื่นโถมซัดทุกสิ่ง

    ต้องเหมือนดั่งเช่นท่านตาเอ๋าก่วงจึงจะเป็นเทพมังกร มังกรระดับสูงที่สุด

    เจาหยวนพบว่าตนดูเหมือนจะไม่ใช่ทั้งมังกรวารีและมังกรเมฆา มังกรเมฆามังกรวารีล้วนอาศัยอยู่ในทะเลแม่น้ำอันกว้างใหญ่ อิสระไร้ข้อผูกมัดใด และยังเหินเวหาเสกเมฆฝนได้ เกล็ดของพวกมันมีทั้งสีครามสีขาวและสีแดง ไม่มีเพียงสีเหลืองทอง

    สำหรับภูตมังกรระดับต่ำที่สุดนั้น…

    ยามที่เจาหยวนเพิ่งรู้ความยังเคยถามท่านพ่ออยู่หนหนึ่ง ‘พวกข้าคือภูตมังกรใช่หรือไม่’

    ท่านพ่อหรี่ดวงตาอย่างอึมครึมทันที หนวดเคราขยับขึ้น ‘หากเอาพวกเราไปเกลือกกลั้วกับของชั้นต่ำเช่นนั้นอีกครา เจ้าจงรีบไสหัวออกไปและอย่าเรียกข้าว่าท่านพ่ออีก!’

    บรรดาพี่น้องทุกตัวอยู่ในซอกมุมนั่งมองมันอย่างเห็นใจ เจาหยวนเดินคอตกจากไปอย่างเงียบๆ นับแต่นั้นมาไม่กล้าพูดถึงคำว่า ‘ภูตมังกร’ อีกเลย

    ถ้าหากว่ามิใช่ทั้งสามระดับ เช่นนั้นจะเป็นอันใดได้ มันเคลือบแคลงยิ่งนัก ซ้ำยังมิกล้าเอ่ยถาม

    ท่านพ่อมักกล่าวว่า ‘พวกเราแท้จริงแล้วเป็นเทพมังกร อีกทั้งเป็นเทพมังกรที่อวี้หวงต้าตี้แต่งตั้งด้วยตนเอง เป็นมังกรที่ทรงเกียรติมากที่สุด’ ยามท่านพ่อพูดเช่นนั้น มักหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งพลางเหยียดกายเอนนอนอยู่ในดินเลนอันอ่อนนุ่มของแก่งธาร ใช้กรงเล็บลูบหนวดเครา ก่อนทอดสายตามองออกไปอย่างเงียบเชียบ

    ในเวลาเช่นนี้ สิ่งที่มิอาจถามท่านพ่อได้มากที่สุดคือ ‘เหตุใดพวกเราถึงอยู่ที่เช่นนี้ ไม่เหมือนท่านตา’

    หากเอ่ยปากถามออกไปท่านพ่อก็จะทำคล้ายโรคเก่ากำเริบ ม้วนตัวส่งเสียงคำรามอยู่ในแก่งธาร ‘ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…’ ส่งเสียงคำรามไป ออกแรงทึ้งหัวไป ใช้กรงเล็บมังกรขุดเอาดินเลนของแก่งธารไป ท้ายที่สุดใช้ดินเลนฝังตนเอง

    เจาหยวนมีพี่น้องห้าตัว มันเป็นตัวกลางพอดิบพอดี พี่ชายหนึ่งตัวพี่สาวหนึ่งตัว ถัดไปน้องชายหนึ่งตัวน้องสาวหนึ่งตัว พี่ชายและพี่สาวอาวุโสกว่ามันมาก น้องชายและน้องสาวซ้ำยังอายุน้อยกว่ามันมาก ล้วนเล่นด้วยกันมิได้ บางครามันออกจากแก่งธารไปเที่ยวหากุ้งหอยปูปลามาเล่นด้วย ทว่ามักถูกทอดทิ้งอยู่เสมอ บรรดากุ้งหอยปูปลายังรวมตัวกันทำท่าทำทางใส่

    เจาหยวนไม่รู้ว่าพวกมันกำลังวิพากษ์วิจารณ์อันใดอยู่กันแน่

    ครั้งแรกที่เจาหยวนมายังบ้านของท่านตาเอ๋าก่วงนั่นคือตอนที่มันอายุได้ห้าสิบปี ท่านลุงหมัวถิงบุตรชายของท่านตาแต่งงาน ท่านแม่จึงพาพวกมันห้าพี่น้องไปมอบของขวัญและดื่มสุรามงคล*

    ราชามังกรแห่งท้องทะเลทิศตะวันตกทิศเหนือทิศใต้ทั้งสามเองก็นำของขวัญและครอบครัวมาร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน ท่านพี่เจ๋อถานหลานสาวของท่านตาเอ๋าก่วงทั้งอ่อนโยนทั้งงดงาม ทำให้เจาหยวนอดที่จะอยากไปใกล้ชิดมิได้

    ทว่ามังกรน้อยตัวอื่นรวมหัวกันกลั่นแกล้งมัน ไม่ปล่อยให้มันได้เข้าใกล้ท่านพี่เจ๋อถาน

    เจ๋อรุ่ยกับเจ๋อซือหลานของท่านตาเอ๋าชินจากทะเลใต้และเจ๋อหูหลานสาวของท่านตาเอ๋ารุ่นจากทะเลตะวันตกท่าทียโสโอหังยิ่งยวด เจาหยวนกำลังจะผ่านระเบียงเคลื่อนตัวไปทางท่านพี่เจ๋อถาน ก็ถูกเจ๋อรุ่ยและเจ๋อซือร่วมกันขวางทาง เจ๋อหูเอื้อมมือไปผลักมันเสียจนโงนเงน ‘ที่นี่เป็นสถานที่ที่ลูกหลานของราชามังกรเท่านั้นจึงจะมาได้ เจ้าปลาหนีชิว** น้อยอย่าได้เข้ามายุ่มย่าม ยังไม่รีบออกไปอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะให้ทหารกุ้งขุนพลปูมาไล่เจ้าออกไป!’

    เจาหยวนเชิดหน้าชี้แจง ‘ข้ามิใช่ปลาหนีชิวน้อย ข้าเองก็เป็นมังกร ท่านพ่อของข้าเองก็เป็นราชามังกรเช่นกัน!’

    เจ๋อรุ่ยเจ๋อซือเจ๋อหูต่างพากันหัวเราะลั่น เจ๋อซือตะโกนเสียงดัง ‘พ่อของเจ้าเป็นราชามังกรรึ เฮอะ! ราชามังกรอันใด ราชามังกรในแก่งธารรึ ฮ่าๆ’

    เจาหยวนพลันหน้าแดง เจ๋อหูเอ่ย ‘ทั้งเผ่าล้วนรู้ว่าพ่อของเจ้าเป็นเดนมังกร มังกรที่ไร้ประโยชน์ที่สุด! พ่ายแพ้แก่หงส์ตัวหนึ่ง ขายหน้าพวกเราเผ่ามังกรยิ่งนัก! บัดนี้บนโลกมนุษย์เซ่นไหว้พวกเราน้อยลงอย่างมาก ถึงขนาดว่ามนุษย์ให้หงส์ปีนป่ายมาบนหัวของพวกเราได้ มังกรระดับขั้นต่ำยังถูกสังหารเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉานทั่วไป ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อเจ้า! พ่อเจ้ายังถือตนเป็นราชารึ ราชาอันใด ราชาขายขี้หน้าน่ะสิ!’

    เจาหยวนโมโหเสียจนทั้งร่างสั่นสะท้าน ก่อนตะโกนเสียงดัง ‘เจ้าพูดจาเหลวไหล!’

    เจ๋อหูเชิดคางขึ้น ‘เหลวไหลอันใดกัน ไม่เชื่อเจ้าก็ไปถามพ่อกับแม่ของเจ้าสิ ลองถามดูว่าพ่อเจ้าเป็นเดนมังกร ใช่ราชาขายขี้หน้าหรือไม่!’

    เจ๋อรุ่ยดึงแขนเสื้อของเจ๋อหู ‘ช่างเถิดๆ น้องหู พวกเรามิต้องไปต่อว่าต่อขานกับมัน ท่านแม่ข้าบอกว่าพ่อของมันเป็นตัวซวย ลูกของตัวซวยก็คือเจ้าหนูตัวซวย พูดคุยกับมันมีแต่จะติดไออัปมงคลมาด้วย ไปกันเถิด พวกเราไปเล่นตรงนั้นกัน’

    เจ๋อหูมองปราดเจาหยวนแวบหนึ่งก่อนเดินตามเจ๋อรุ่ยจากไป เจ๋อซือเดินตามไปได้สองก้าวซ้ำก็หมุนกายกลับมาเอ่ย ‘นี่ เจ้าหนีชิวตัวซวย เจ้าอย่าได้เข้าใกล้ท่านพี่เจ๋อถานล่ะ หากเจ้ากล้าเอาไออัปมงคลมาแปดเปื้อนท่านพี่ล่ะก็ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแน่! ถึงอย่างไรท่านพี่ก็ไม่สนใจปลาหนีชิวชั้นต่ำเยี่ยงเจ้า!’ มันกำกรงเล็บขึ้นตวัดไปมาทำท่าขู่ขวัญก่อนหมุนกายตามหลังเจ๋อรุ่ยและเจ๋อหูไป

    เจาหยวนยืนตระหนกอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนทะยานไล่ตาม ชูกรงเล็บขึ้นเล็งไปยังสันหลังของเจ๋อซือก่อนจะข่วนลงไปอย่างโหดเหี้ยม

    เจ๋อซือร้องคำรามโอ๊ยเสียงหนึ่งและหมุนกายกลับมา บนสันหลังถูกเจาหยวนข่วนเลือดออกหลายรอย เกล็ดเปิดออกเผยให้เห็นเนื้อหนัง เจ๋อซือใช้หางมังกรม้วนเกลียวอากาศขึ้นอย่างดุร้าย ปากพ่นละอองน้ำ กรงเล็บทั้งสองดั่งตะขอข่วนเจาหยวนรัวกระหน่ำ

    เจ๋อหูและเจ๋อรุ่ยเองก็ตื่นตกใจเช่นกันจึงรีบพุ่งเข้ามาช่วยเหลือ มังกรน้อยสี่ตัวต่อสู้กันพัลวัน

    เจาหยวนสู้หนึ่งต่อสาม ย่อมน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสรีบร้อนตามมา หลังแยกพวกมันออกจากกัน เจาหยวนถลอกปอกเปิกทั้งร่าง ตั้งแต่หัวจรดหางแทบจะไม่เหลือเกล็ดมังกรที่สมบูรณ์

    เจ๋อซือนอกจากจะถูกข่วนสันหลังเป็นแผลแล้ว หางยังถูกมันกัดไปหนึ่งคำ จมูกของเจ๋อรุ่ยถูกข่วนไปสองรอย กรงเล็บและสีข้างของเจ๋อหูถูกข่วนจนเป็นแผลเปิดหลายรอย

    เหล่าพี่น้องล้อมรอบเจาหยวนพันปากแผลให้มัน ท่านแม่ค้อมกายก้มหน้า ขออภัยบิดามารดาของเจ๋อรุ่ยเจ๋อซือเจ๋อหูและเหล่าท่านตาไม่หยุด ‘เด็กน้อยดื้อด้าน เป็นข้าที่สั่งสอนลูกไม่ดี หวังว่าท่านลุงท่านพี่และเหล่าพี่สะใภ้เป็นผู้ใหญ่จะไม่ถือสาเด็ก มองว่ามันยังเป็นเด็กคนหนึ่ง อย่าไปต่อว่าต่อขานมัน’

    เจาหยวนเอนกายอยู่บนพืชน้ำอย่างน้อยใจยิ่งนัก เหตุใดท่านแม่ต้องขอโทษ ต้องลดเสียงสงบอารมณ์ประจบประแจงอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของพวกนั้น มันอยากลุกขึ้นแก้ต่างแต่ก็ถูกพี่ชายคนโตใช้กรงเล็บกดกลับลงไปบนพืชน้ำ ‘เจ้าเก็บเรี่ยวแรงไว้เถอะเด็กน้อย ปล่อยให้ท่านแม่จัดการต่อเถิด’ น้องชายใช้กรงเล็บเขี่ยหางมังกรของมัน โน้มน้าวด้วยเสียงอ้อๆ แอ้ๆ เลียปากแผลให้มันแผล็บๆ พี่สาวคนโตถอนใจสายหนึ่ง ‘ผู้ใดปล่อยให้ท่านพ่อของพวกเราตกอับแน่แท้กันล่ะ’

    ท่านแม่ขอโทษเสียครึ่งวัน เมื่อครู่บิดามารดาของเจ๋อรุ่ย เจ๋อซือ และเจ๋อหูได้เผยสีหน้าคล้ายจิตใจกว้างขวาง เอ่ยว่าช่างเถิดอยู่หลายคราราวกับทำคุณ

    มารดาของเจ๋อหูโอบกอดบุตรสาวไว้ก่อนเอ่ยกับท่านแม่ของเจาหยวน ‘น้องถัง ข้าขอพูดมากความกับเจ้าสักหน่อย มนุษย์มีคำกล่าวว่าบุรุษหวั่นเดินผิดทาง สตรีเกรงออกผิดเรือน ลองนึกถึงก่อนหน้าที่เจ้ายังมิได้ออกเรือน สูงศักดิ์งามผุดผ่องเพียงใด ในสามโลกมีมังกรนางใดที่ฐานะเทียบเท่าเจ้าได้ ไฉนเจ้าจึงมิมองการณ์ไกล จะได้มิต้องออกเรือนไปกับเทพมังกรผู้พิทักษ์อันใดนั่น จำได้ว่ายามนั้นข้าเองก็เคยโน้มน้าวเจ้า บอกว่าพวกมันกับเทพมังกรแท้จริงเฉกเช่นพวกเรานั้นแตกต่างกัน อันคำว่าผู้พิทักษ์พูดไปก็มิน่าฟัง ที่แท้แล้วก็คือองครักษ์ที่ต้องยึดถือบัญชาสวรรค์ไปอารักขาคุ้มครองมนุษย์ ผู้ใดจะคาดคิดว่ามังกรที่เจ้าตบแต่งด้วยจะขี้แพ้เป็นเพียงเดนมังกร แม้แต่ตำแหน่งเล็กๆ นั่นก็ถูกหงส์ตัวกระจ้อยแย่งชิงไป กลายเป็นมังกรสิ้นท่าตัวหนึ่ง ทั้งยังทำให้พวกเราทั้งเผ่ามังกรเสื่อมเสียเกียรติ ทว่าทุกคนล้วนจิตใจกว้างขวางไม่ถือสาพวกเจ้า ดูเจ้าตอนนี้สิ ทำได้เพียงอยู่ในแก่งธารสายหนึ่งเท่านั้น กรงเล็บก็หยาบกร้าน เกล็ดเองก็ดำหม่น ยังคงรูปร่างงามเฉิดฉายเหมือนยามนั้นที่ใดกัน บุตรชายกำเนิดมาก็ได้ท่านพ่อมันมาทั้งหมดทั้งสิ้นโดยแท้ ไม่เข้าใจเหตุผล ไร้ประโยชน์ทั้งยังบ้าระห่ำ โธ่เอ๋ย ในสายตาของข้า ล้วนอดเศร้าใจแทนเจ้ามิได้!’

    เจาหยวนจวนโมโหและพยายามปีนป่ายขึ้นมาจากพืชน้ำ กรงเล็บมังกรของพี่ชายคนโตที่กำลังกดมันไว้ล้วนสั่นระริก พี่สาวคนโตขึงตา ‘นี่ ยายเฒ่า ท่านพูดเกินไปแล้วนะ!’ น้องชายค่อยๆ ขยับไปอยู่ข้างกายเจาหยวน ก่อนพ่นฟองน้ำฟู่ๆ ไปยังมารดาของเจ๋อหู ‘ยายเฒ่า…ฟู่ ยายเฒ่า…’

    มารดาของเจ๋อหูปรายตามองพวกมันแวบหนึ่ง ‘ดู ข้าพูดไว้ไม่มีผิด ไม่เพียงแต่บุตรชาย บุตรสาวเองก็เป็นเช่นนี้ คนโตคนเล็กล้วนเหมือนกันหมด เหมือนกับพ่อของพวกมัน’

    ในที่สุดท่านตาเอ๋ารุ่นก็เอ่ยปากออกมาประโยคหนึ่ง ‘เจ้าเองก็หยุดเถิด พูดเกินไปแล้ว’ มารดาของเจ๋อหูจึงหยุดปากอย่างแค้นเคือง

    ท่านแม่เหยียดตัว น้ำเสียงยังคงนอบน้อมยิ่ง ‘ขอบคุณท่านพี่ชิ่นที่กังวลแทนข้า เป็นข้าที่สั่งสอนลูกไม่ดีเอง ครั้งนี้เจาหยวนผิดไปแล้ว ข้ากลับไปจะอบรมสั่งสอนให้ดี ให้เข้าใจเหตุผล รู้จักจารีต เข้าใจว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ข้าไม่เคยเสียใจที่เลือกเฉินซั่งเป็นสามีของข้า ยามที่มันอยู่ในพระราชวังได้รับการเซ่นไหว้รับการคำนับจากคนทั้งปวงในโลกมนุษย์ข้าได้ติดตามมัน มันอยู่ในแก่งธารกลายเป็นมังกรสิ้นท่าท่ามกลางเผ่าเดียวกันข้าก็จะยังคงติดตามมัน’

    ท่านแม่กล่าวอำลาท่านตาเอ๋าก่วง ก่อนพาพวกมันพี่น้องทั้งห้ากลับไปยังแก่งธาร

    ระหว่างทางกลับท่านแม่ยังเอ่ยกำชับพวกมัน ‘อาการบาดเจ็บของเจาหยวนนี้หลังจากกลับไปแล้วหากท่านพ่อของพวกเจ้าเอ่ยถามขึ้น พวกเจ้าก็บอกไปว่ามีโมโหทะเลาะกับมังกรน้อยตัวอื่นเสียจนตีกันเป็นแผล เรื่องที่ท่านพ่อของพวกเจ้าถูกว่ากล่าว คำเดียวก็อย่าเอ่ยถึง เข้าใจหรือไม่’

    มังกรน้อยทั้งห้าผงกศีรษะพร้อมกัน ทว่าเจาหยวนกลับยังคงไม่เข้าใจ

    ไยท่านพ่อถึงถูกว่ากล่าวเป็นมังกรสิ้นท่า เกิดอันใดขึ้นกันแน่ ไยถึงมิอาจพูดต่อหน้าท่านพ่อได้ ไยท่านพ่อจึงคลุ้มคลั่งอยู่บ่อยครั้ง

    กระทั่งอาการบาดเจ็บของมันใกล้จะหายดีแล้ว วันหนึ่งท่านพ่อเกิดคลุ้มคลั่งเอาดินเลนฝังตนเอง ท่านแม่พาพวกมันห้าพี่น้องไปยังซอกมุมลับตาคนนอกแก่งธาร ก่อนบอกท่านพ่อให้ปล่อยวางอดีตอันเจ็บปวด

    ท่านแม่บอกว่าเฉินซั่งท่านพ่อพวกมันเดิมทีเป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์ที่จักรพรรดิสวรรค์แต่งตั้งด้วยตนเอง คอยคุ้มครองเจ้าแผ่นดินของโลกมนุษย์และกุมชะตากรรมของบ้านเมืองมาตลอด กระทั่งหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ยามที่ต้องเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่ เฉินซั่งปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนกับเจตจำนงของจักรพรรดิองค์ก่อนเรื่อยมาจึงเลือกองค์ชายองค์โต ทว่าเทพหงส์ที่เป็นเทพผู้พิทักษ์เช่นเดียวกับเฉินซั่งเกิดหลงรักพระชายาที่ตนปกปักรักษา พระชายาผู้นั้นมีพรสวรรค์ติดตัวมาทำให้มองเห็นร่างที่แท้จริงของเทพผู้พิทักษ์ได้ เทพหงส์เปิดเผยบัญชาแห่งสวรรค์แก่พระชายาผู้นั้น ทว่านางเป็นสตรีโลภมากผู้หนึ่งจึงมุ่งหวังอยากให้บุตรชายของตนได้เป็นจักรพรรดิ ก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตจึงวิงวอนเทพหงส์ให้ช่วยเหลือบุตรชายของนางให้ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ

    เมื่อท่านแม่ของเจาหยวนพูดถึงตรงนี้ก็ทอดถอนใจ ‘ท่านพ่อของพวกเจ้ากับเทพหงส์ผู้นั้นเป็นสหายรักกันมานานปี ท่านจึงช่วยปิดบังความรักครั้งนี้ให้ ทว่าท่านพ่อของพวกเจ้าไม่ทันคิดว่าสหายรักจะรับปากความปรารถนาของสตรีผู้นั้นเข้าจริงๆ และยิ่งไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อที่จะเติมเต็มความปรารถนาของสตรีผู้นั้นแล้ว สหายรักของท่านจะฝ่าฝืนแนวทางของสวรรค์ตั้งตนเป็นปรปักษ์’

    ครั้นเมื่อเทพหงส์ที่คอยปกป้องบุตรชายพระชายาผู้นั้นได้ยกพลก่อกบฏ เฉินซั่งถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตนโง่บัดซบเสียแล้ว การรบราครั้งนั้นยาวนานหลายวันหลายคืน บนโลกมนุษย์คือองค์ชายผู้ก่อกบฏนำกองกำลังทหารทำสงครามนองเลือดกับพี่ชายตนเอง บนสวรรค์คือมหาสงครามระหว่างเทพมังกรผู้พิทักษ์และเทพหงส์ผู้พิทักษ์

    ฝั่งเฉินซั่งนี้ปราศจากการเตรียมตัว ฝั่งเทพหงส์นั้นกลับเตรียมการมานานแล้ว หลายพันปีที่ผ่านมาเผ่าหงส์ซึ่งคอยพิทักษ์คุ้มครองพระชายาล้วนอยู่ใต้อำนาจเทพมังกรผู้พิทักษ์ จึงไม่พอใจมาช้านาน มนุษย์ผู้ไม่รู้ความยังใช้มังกรแทนบุรุษ หงส์แทนสตรีอยู่บ่อยครั้ง ทำให้หงส์ตัวผู้มากมายล้วนยากที่จะอดกลั้นและเกลียดชังเทพมังกรไม่มีที่สิ้นสุด การกระทำของเทพหงส์ผู้นี้ได้รับการสนับสนุนจากหงส์ผู้พิทักษ์แทบทั้งสิ้น ทั้งเผ่ารวมพลังรับมือท่านพ่อ เทพหงส์เตรียมการอย่างดีช่วงชิงมุกมังกรของท่านพ่อมาทุบจนแตกละเอียดอย่างเลวทรามต่ำช้า เทพมังกรผู้พิทักษ์มีเพียงหนึ่งเดียว เฉินซั่งน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟและยิ่งสูญเสียพลังของมุกมังกรครั้งใหญ่ ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนความพ่ายแพ้และจากไป

    พี่สาวคนโตของเจาหยวนเอ่ย ‘เทพหงส์ผู้พิทักษ์เลวทรามต่ำช้าเกินไปแล้ว ทุกเผ่าไม่มีสิ่งใดดี! มนุษย์ผู้ไม่รู้ความใช้มังกรแทนบุรุษ หงส์แทนสตรี ไฉนไม่เห็นพวกเราสตรีมังกรไม่พอใจ พวกหงส์ตัวผู้กลับนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง ชิ เศษเดนใจเสาะต่ำช้าไร้ยางอาย!’

    พี่ชายคนโตของเจาหยวนเอ่ยถามต่อ ซึ่งเป็นคำถามเดียวกับที่เล่อเยวี่ยได้ไต่ถามเจาหยวน ‘พวกเราเทพมังกรผู้พิทักษ์เป็นอวี้หวงต้าตี้แต่งตั้งด้วยตนเอง ไฉนท่านพ่อถึงไม่ไปทวงคืนความเป็นธรรมเบื้องหน้าอวี้หวงต้าตี้ เผ่าหงส์ผู้พิทักษ์กระทำการเช่นนี้นับว่าบิดเบือนลิขิตของสวรรค์ ไฉนสวรรค์ไม่ส่งกองทัพไปปราบปรามพวกมัน’

    ท่านแม่ทอดถอนใจอีกครา

    นางบอกว่าท่านพ่อของพวกมันเคยไปสวรรค์ เรียกร้องเบื้องหน้าอวี้หวงต้าตี้มาแล้ว ทว่าเป็นเพราะยามที่เทพหงส์และพระชายาผู้นั้นมีความสัมพันธ์ส่วนตัว เฉินซั่งช่วยพวกเขาปิดบัง จึงก่อให้เกิดหายนะในภายหลัง ดังนั้นอวี้หวงต้าตี้จึงตรัสว่าถึงเทพหงส์ผู้พิทักษ์จะฝ่าฝืนหลักการสวรรค์ มีความผิดใหญ่หลวง แต่เฉินซั่งเองก็ยากที่จะพ้นคำครหาว่าเป็นตัวการเช่นกัน

    อวี้หวงต้าตี้ตรัส ‘ยามนั้นข้าแต่งตั้งเผ่าพวกเจ้าเป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์ด้วยตนเอง เลือกเจ้าแผ่นดินของโลกมนุษย์ ปกป้องชะตากรรมบ้านเมืองของโลกมนุษย์ เป็นผู้นำของบรรดาเผ่าเทพผู้พิทักษ์ บัดนี้กระทั่งหงส์เจ้าเองก็ควบคุมไม่อยู่แล้วจะได้รับการนับถือและรับหน้าที่สำคัญนี้ต่อไปได้อย่างไรกัน’

    พี่สาวคนโตของเจาหยวนเบิกตาโพลงทั้งสองข้าง ‘แล้วสวรรค์ก็ปล่อยให้หงส์อยู่บนโลกมนุษย์ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น กระทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสานต่อไปเช่นนี้หรือ ส่วนท่านพ่อผู้น่าสงสารก็ต้องมาอยู่แก่งธารแห่งนี้อย่างเศร้าหมอง ถูกด่าว่าเป็นมังกรสิ้นท่า ถูกมองด้วยหางตาไม่จบไม่สิ้นกระนั้นหรือ’

    ‘มิใช่เช่นนั้น แต่เมื่อเกิดเรื่องอย่างการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์หรือมีการช่วงชิงล้มล้างอำนาจ โลกมนุษย์ย่อมต้องประสบความทุกข์ยากเป็นธรรมดา อวี้หวงต้าตี้มีเมตตาเห็นอกเห็นใจเวไนยสัตว์ หลังจากองค์ชายที่เทพหงส์ช่วยเหลือช่วงชิงบัลลังก์ได้แล้ว หากเกิดความสั่นคลอนขึ้นมาอีก มนุษย์ก็จะเดือดร้อนลำบากอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นอวี้หวงต้าตี้จึงมีราชโองการให้เหล่าเทพเซียนและเหล่าแม่ทัพเทพอย่าได้ก้าวก่ายเรื่องนี้ชั่วคราว ให้มนุษย์ได้มีเวลาปรับฟื้นคืนกำลัง และยังเป็นการประทานโอกาสให้ท่านพ่อของพวกเจ้าทวงคืนเกียรติยศด้วยตัวเองด้วย’

    พี่ชายคนโตแค่นยิ้ม ‘ท่านพ่อบัดนี้กำลังหลับอยู่ในดินเลนอยู่เลย โอกาสอยู่ที่ใดกันล่ะ’

    ท่านแม่ระบายยิ้ม ‘เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน ฟังข้าพูดให้จบเสียก่อน อวี้หวงต้าตี้ตรัสว่าเผ่าหงส์ผู้พิทักษ์ฝ่าฝืนวิถีสวรรค์ ถือวิสาสะแก้ไขบัญชาสวรรค์ ทว่าช่วงหนึ่งถึงสองร้อยปีนี้ชะตาสวรรค์จะมีสิ่งผันแปรอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง ถ้าหากตามหาสิ่งผันแปรนี้พบและถูกจังหวะโอกาส ตำแหน่งของเทพมังกรผู้พิทักษ์ก็จะกลับสู่ฐานะที่แท้จริงได้อีกครา’

    เจาหยวนขยับกรงเล็บหน้าอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ‘ถ้าหากตามหาไม่พบ คว้าโอกาสไว้ไม่ได้ล่ะ’

    พี่ชายคนโตเอ่ยในทันที ‘เช่นนั้นยังต้องถาม กล่าวคือนับแต่นี้ไปครอบครัวพวกเราจะนอนอยู่ในดินเลนของแก่งธารนี้ตลอดไปยังไงล่ะ’

    เจาหยวนเอ่ยถามอีกครา ‘สิ่งผันแปรคือสิ่งใดกันแน่’

    ท่านแม่นิ่งเงียบ พี่ชายคนโตใช้กรงเล็บมังกรทุบศีรษะของมัน ‘โง่ ใช้หางคิดยังรู้ได้เลยว่ายังไม่ปรากฏอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นท่านพ่อยามนี้ยังจะหลับอยู่ในดินเลนอยู่หรือไร’

    เจาหยวนเองก็นิ่งเงียบเช่นกัน

     

    สิ่งผันแปรนั้นคือสิ่งใดกันแน่

    โอกาสจะปรากฏขึ้นจริงหรือไม่

    หลังจากหลายปีผ่านไป ท้ายที่สุดก็มีวันหนึ่ง ท่านพ่อและท่านแม่เรียกพวกมันพี่น้องทั้งห้ามายังใจกลางของแก่งธารและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าสิ่งผันแปรจะปรากฏขึ้นแล้ว

    ท่านพ่อทั้งไม่หวนคิดถึงความคับแค้นใจในอดีตเช่นวันนั้น และไม่มีการคลุ้มคลั่งร้องคำรามปะทะกับหินโสโครกเช่นกัน ทั้งยังมีชีวิตชีวา จิตใจกระปรี้กระเปร่า ตั้งแต่เคราจรดหางล้วนเปล่งแสงอันโชติช่วงเล็กน้อย

    ท่านพ่อบอกพวกมันด้วยจิตใจฮึกเหิมว่าสิ่งผันแปรของโลกมนุษย์ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นแล้ว นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มังกรสัมพันธ์หยาง หงส์สัมพันธ์หยิน หลังจากที่เทพหงส์ผู้พิทักษ์ช่วยเหลือจักรพรรดิเฟิ่งเสียงช่วงชิงตำแหน่งและขึ้นครองราชย์แล้ว อาจเป็นเพราะพลังหยินของหงส์นั้นรุนแรงเกินไป จึงสร้างผลกระทบไปถึงเหล่าจักรพรรดิบางส่วน บุตรสาวยิ่งเกิดยิ่งมาก บุตรชายยิ่งเกิดยิ่งน้อย จนมาถึงยุคสมัยหนึ่ง จากจักรพรรดิไปจนถึงท่านอ๋องทั้งหลายที่กระจัดกระจาย ลูกหลานทั้งหมดคือบุตรสาว บุตรชายสักคนหนึ่งล้วนไม่มี กล่าวอีกนัยหนึ่งคือนิมิตให้เห็นถึงการไร้ผู้สืบสกุล

    อีกทั้งท่านอ๋องทั้งหลายนั้นเมื่อหลายปีก่อนได้ทยอยกันถึงแก่อนิจกรรมแล้ว หนำซ้ำระยะนี้จักรพรรดิยังประชวรหนัก คาดว่าอยู่ได้อีกไม่นานเช่นกัน เช่นนี้ครอบครัวของจักรพรรดิก็จะไร้ผู้สืบสกุลในทันที

    ยามนี้พวกเผ่าหงส์ผู้พิทักษ์กำลังพิจารณาคัดเลือกเจ้าแผ่นดินคนใหม่ เปลี่ยนแปลงราชวงศ์ใหม่ ผู้ที่พวกมันเลือกนั้นคือแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋วคนปัจจุบันที่มีบรรดาศักดิ์อันซุ่นอ๋องสกุลมู่

    เฉินซั่งลูบเครามังกรก่อนยิ้มบางเอ่ย ‘เจ้าพวกนกหัวล้านคงคาดไม่ถึง เมื่อหลายปีก่อนข้าได้วางหมากลับตัวหนึ่งไว้ สกุลเหอแท้จริงแล้วยังมีลูกหลานอยู่’

    เมื่อครั้งจักรพรรดิเฟิ่งเสียงเหอชั่งช่วงชิงตำแหน่งในปีนั้น ได้สังหารองค์รัชทายาทเหอซีและพี่น้องที่เหลือสองสามคนรวมทั้งทายาทผู้สืบทอดของคนเหล่านั้นจนหมดสิ้น แต่เขาไม่รู้เลยว่าเหอซียังมีพี่ชายคนโตอีกคนหนึ่งปะปนอยู่ในหมู่ราษฎร

    ในปีสมัยที่พระอัครมเหสีเฉินมารดาของรัชทายาทเหอซีเข้าวังครั้งแรก นางก็เป็นเพียงนางสนมธรรมดาผู้หนึ่งและอาศัยอุบายเล่ห์เหลี่ยมไต่เต้าสู่อำนาจขึ้นทีละก้าวๆ พระชายาเซียวเฟยมารดาของเหอชั่งก็เคยถูกนางให้ร้าย ดังนั้นในเวลาต่อมาพระชายาเซียวเฟยจึงอ้อนวอนขอให้เทพหงส์ช่วยแก้แค้นแทนนาง และขอให้ช่วยเหอชั่งผู้เป็นบุตรชายแย่งชิงบัลลังก์ขึ้นเป็นจักรพรรดิ

    ย้อนไปเมื่อครั้งที่พระอัครมเหสีเฉินเพิ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพระอัครชายาเป็นเฉินกุ้ยเฟย ก็เริ่มจ้องจะครอบครองตำแหน่งพระอัครมเหสี นางใช้แผนการให้ร้ายพระอัครมเหสีซ่งในยามนั้น บอกว่าพระอัครมเหสีซ่งลอบได้เสียกับองครักษ์ มั่วโลกีย์ในพระราชวัง จักรพรรดิเฉิงหยวนเชื่อตามคำใส่ร้ายจึงถอดนางจากตำแหน่งพระอัครมเหสีและให้นางจบชีวิตตนเอง เมื่อถูกปลดซ่งซื่อ* จึงไม่อาจได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพผู้พิทักษ์ หงส์ผู้พิทักษ์ของนางได้เปลี่ยนไปคุ้มครองผู้อื่นไม่สนใจนางอีก และเฉินกุ้ยเฟยมารดาของเหอซีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครมเหสีขึ้นมาแทน

    พระอัครมเหสีซ่งเป็นสตรีผู้ประเสริฐเพียบพร้อม ปฏิบัติต่อบริวารด้วยความโอบอ้อมอารีมาโดยตลอด เมื่อนางได้รับความไม่เป็นธรรมจึงมีนางข้าหลวงและขันทีที่นางเคยมอบเมตตากรุณายินดีช่วยเหลือให้ชีวิต พวกเขาจุดไฟวางเพลิงในคืนที่พระอัครมเหสีซ่งจะต้องดื่มยาพิษ ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนพานางหลบหนีออกจากพระราชวัง เฉินซั่งและมเหสีมังกรของมันก็เกิดความสงสารเช่นกัน ขณะที่ซ่งซื่อหลบหนีจึงได้ช่วยคุ้มครองอย่างลับๆ จนซ่งซื่อหลบหนีได้สำเร็จและปิดบังชื่อเสียงเรียงนามเข้าสู่ประตูพระธรรม

    ทว่าซ่งซื่อตั้งครรภ์และให้กำเนิดทารกชายในอารามชี ทารกน้อยถูกแม่ชีส่งไปยังครอบครัวร่ำรวยใจบุญที่ไร้บุตรครอบครัวหนึ่งเลี้ยงดู ในความเป็นจริงแล้วเด็กคนนั้นก็คือพระราชโอรสองค์โตของจักรพรรดิเฉิงหยวน

    องค์ชายผู้ถูกชะตาพัดพามาอยู่ในหมู่ราษฎรผู้นี้เติบโตในครอบครัวคนธรรมดา ตบแต่งภรรยาให้กำเนิดบุตรเยี่ยงคนธรรมดาและมั่นคงปลอดภัยตลอดชั่วชีวิต บุตรชายของเขาเองก็เติบโตอย่างสงบสุขเช่นเดียวกับท่านพ่อ ตบแต่งภรรยาให้กำเนิดบุตรจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีใครนึกเลยว่าสายเลือดของราชสกุลเหอจะอยู่ในหมู่ชาวบ้านอย่างเป็นความลับเช่นนี้

    หลังจากที่เฉินซั่งแอบช่วยเหลือพระอัครมเหสีซ่งแล้วก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไว้ด้านหลัง ต่อมาตำแหน่งเทพผู้พิทักษ์ของมันถูกแย่งชิง มุกมังกรแตกละเอียด จึงตกอับต้องมาพึ่งพาอาศัยท่านลุงของภรรยา ทำรังอยู่ในแก่งธารสายนี้ และยิ่งไปกว่านั้นมันได้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

    จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่าสกุลเหอจวนจะไร้ผู้สืบสกุล เผ่าหงส์ผู้พิทักษ์คิดสถาปนาจักรพรรดิองค์ใหม่แทนที่ราชวงศ์ก่อน เฉินซั่งในฐานะที่เป็นอดีตเทพผู้พิทักษ์ของสกุลเหอจึงเศร้าสลดเล็กน้อยพลางทอดถอนใจ

    มันเอนกายอยู่ในดินเลนนึกถึงกลิ่นอายของจักรพรรดิสกุลเหอ ทันใดนั้นมันรับรู้ถึงกลิ่นอายของหนุ่มสาวได้เพียงแผ่วบาง เคลื่อนย้ายอยู่ในบางตำแหน่งบนโลกมนุษย์อย่างคลุมเครือ

    เทพมังกรผู้พิทักษ์อยู่ในช่วงเวลาที่ทุกราชวงศ์ใหม่เริ่มต้น มันใช้เลือดเพื่อทำสัญญากับจักรพรรดิองค์แรก นับจากนั้นไปก็จะคุ้มครองลูกหลานรุ่นหลังของจักรพรรดิได้ จนกระทั่งชะตากรรมของราชวงศ์นี้ใกล้สิ้นสุดลง และก่อตั้งราชวงศ์ใหม่อีกราชวงศ์หนึ่ง

    เทพหงส์ผู้พิทักษ์เองก็ทำพันธสัญญาเลือดกับจักรพรรดิเฟิ่งเสียงแล้ว ทว่าพวกมันทำได้เพียงตอบสนองต่อกลิ่นอายของจักรพรรดิเฟิ่งเสียงและลูกหลานเท่านั้น ด้วยเหตุนี้สายโลหิตของสกุลเหอที่เหลืออยู่จึงยังไม่ถูกพวกมันค้นพบ

    มุกมังกรของเฉินซั่งแตกไปแล้วทำให้มันสูญเสียพลังไปมากกว่าครึ่ง ตอบสนองได้เพียงกลิ่นอายของตำแหน่งที่อยู่นี้อย่างเลือนราง ฐานะที่แท้จริงของลูกหลานสกุลเหอผู้นี้มันตรวจสอบไม่พบ

    ดังนั้นทำได้เพียงเลือกมาผู้หนึ่งก่อน แล้วค่อยตรวจสอบข้อเท็จจริงอื่น

     

    เจาหยวนมุดอยู่ในผ้าห่มของเล่อเยวี่ยพลางใช้กรงเล็บหน้ากุมหัวเอาไว้ มันกลุ้มใจยิ่งนัก

    ลั่วหลิงจือน่าจะเป็นผู้ที่มันต้องการตามหา เพราะท่านพ่อกล่าวว่าคนผู้นั้นอยู่ในสำนักที่มีชื่อว่าชิงเสวียน มันเห็นลั่วหลิงจือแวบแรกก็รู้สึกได้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา

    ทว่าคนของสำนักชิงเสวียน มันเคยเห็นเพียงลั่วหลิงจือผู้เดียวเท่านั้น อาจจะไม่ใช่เขาก็ได้ ถ้าหากมิใช่ ต้องคัดเลือกคนที่สองอย่างไร ในเมื่อสำนักชิงเสวียนแอบแฝงเข้าไปได้ยากเช่นนั้น

    มันโผล่ศีรษะออกมาเอ่ยถามเล่อเยวี่ยเสียงเบา “สำนักชิงเสวียนมีกี่คนกัน”

    เล่อเยวี่ยเกาศีรษะ “ศิษย์ในนามนับไม่ถ้วน ปัจจุบันผู้ที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักมีประมาณสองสามร้อยคนได้กระมัง”

    เจาหยวนนอนคว่ำลงอย่างพะวักพะวนอีกครั้ง

    เล่อเยวี่ยเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว หลังฟ้าสางข้าจักพาเจ้าไปพบกับอาจารย์”

    เจาหยวนผงกศีรษะ

    เล่อเยวี่ยหาวพลางเหยียดกายลงบนเตียง ก่อนยื่นมือไปจิ้มผ้าห่มข้างเจาหยวน “ใช่แล้ว พวกเจ้าเทพมังกรผู้พิทักษ์มีการสืบทอดตำแหน่งเช่นเดียวกับจักรพรรดิหรือไม่”

    เจาหยวนเอ่ย “อืม โดยทั่วไปหนึ่งราชวงศ์หนึ่งมังกร หรือบ้างที่ไม่อยากเป็นก็รายงานต่อสวรรค์ ส่งมอบให้อีกตน ตำแหน่งของเทพมังกรผู้พิทักษ์ล้วนมีเพียงมังกรหนึ่งตนมาโดยตลอด”

    เล่อเยวี่ยเอ่ย “เจ้ามีพี่น้องหรือไม่”

    เจาหยวนตอบตามสัตย์จริง “ข้ามีพี่ชายหนึ่งพี่สาวหนึ่งและน้องชายหนึ่งน้องสาวหนึ่ง”

    เล่อเยวี่ยตกตะลึง “พี่น้องของเจ้าไม่น้อยนี่ ไฉนพี่ชายน้องชายของเจ้าจึงมิได้เป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์ ทว่าเป็นเจ้าล่ะ”

    เจาหยวนคอตกอีกครั้ง นอนหนุนกรงเล็บหน้าทั้งสอง หลับตาลงมิเปล่งเสียงใด

    หรือว่า…กระทั่งสิ่งนี้ก็แทงใจดำของมันกัน…หรือว่าเป็นความลับของสวรรค์มิอาจเปิดเผยได้

    เล่อเยวี่ยมองมัน “อืม เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับความลับของเผ่าพวกเจ้า เป็นข้าที่ถามมากความ เจ้าก็ทำเป็นไม่เคยได้ยินก็แล้วกัน”

    เจาหยวนร้องอือเสียงเบา “…มิใช่ความลับอันใด ข้าเองก็สับสนมึนงงเช่นกัน”

     

    วันนั้น หลังจากที่ท่านพ่อของมันแนะนำต้นสายปลายเหตุของสิ่งผันแปรนี้อย่างละเอียดได้เอ่ยขึ้นว่า ‘ข้าไม่อาจตรวจสอบถึงฐานะที่แท้จริงของลูกหลานสกุลเหอผู้นี้ได้ ต้องให้พวกเจ้าตามหาเขาให้พบ’

    พี่สาวคนโตเอ่ย ‘ไฉนจึงเป็นพวกข้า ท่านพ่อมิได้เป็นคนไปตามหาหรอกหรือ’

    ท่านพ่อถอนใจเอ่ย ‘มุกมังกรแตกไปแล้ว ข้าไม่อาจเป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์ได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้จำต้องเลือกพวกเจ้ามาหนึ่งตัวเพื่อสืบทอดตำแหน่งเทพมังกรผู้พิทักษ์ เร่งตามหาลูกหลานผู้นั้นโดยเร็ว เทพหงส์เฉียบแหลมมาโดยตลอด หูตามีอยู่ทั่วทุกแห่งหนบนโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นพระอัครมเหสีซ่งยังเคยมีหงส์ผู้พิทักษ์ตนหนึ่ง ดังนั้นมิอาจชี้ขาดได้ว่าพวกมันไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด พวกเจ้าจำต้องล่วงหน้าไปตามหาคนผู้นี้ให้จงได้และทำพันธสัญญาเลือดกับเขาใหม่ ทั้งนี้จะได้ไม่ราตรียาวนานความฝันยาวไกล*’

    การทำพันธสัญญาเลือด กล่าวคือการที่จักรพรรดิองค์แรกของทุกราชวงศ์ใช้เลือดของตนละลายเข้าไปในมุกมังกรของเทพมังกรผู้พิทักษ์ นับแต่นั้นไปลมหายใจจะเชื่อมโยงถึงกันและสายโลหิตเส้นนี้ก็จะสัมพันธ์แนบแน่นกับเทพมังกรผู้พิทักษ์

    เฉินซั่งเอ่ย ‘หากพวกเจ้าอยากพิสูจน์ว่าผู้ที่หาพบนั้นใช่ผู้สืบสกุลเหอที่แท้จริงหรือไม่ จงใช้เลือดของเขาป้ายลงบนมุกมังกร ในมุกมังกรของเทพมังกรผู้พิทักษ์มีเลือดของคนสกุลเหอเช่นเดียวกัน มีเพียงสายเลือดราชันที่สวรรค์ลิขิตไว้แล้วเท่านั้นจึงจะแทรกซึมเข้าไปในมุกมังกรได้’

    พี่ชายคนโตของเจาหยวนยิ้มเอ่ย ‘ขณะที่พิสูจน์เลือดยืนยันความจริงข้อนี้ก็เป็นการทำพันธสัญญาเลือดไปในเวลาเดียวกันใช่หรือไม่ ท่านพ่อท่านช่างมากเล่ห์จอมแผนการโดยแท้’

    เฉินซั่งยิ้มบางพลางลูบเคราอย่างแผ่วเบา ‘เผ่ามังกรผู้พิทักษ์จะแก้ตัวได้หรือไม่นั้นเดิมพันกันในครั้งนี้ พวกเจ้าตัวใดตัวหนึ่งจะกลายเป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์แห่งยุค แบกศักดิ์ศรีและเกียรติของเผ่ามังกรทั้งหมดไว้บนโลกมนุษย์ อนาคตอาจถูกบันทึกลงบนตำราและตำนานของสวรรค์ ได้รับเกียรติคุณชั่วนิรันดร์ พวกเจ้าตัวใดยินยอมทำหน้าที่สำคัญนี้ก็เอามุกมังกรวางไว้บนกรงเล็บขวา แล้วก้าวออกมาเถิด!’

    เจาหยวนรู้สึกว่าเลือดที่อยู่ในกายพลุ่งพล่าน กระโดดขึ้นมาอย่างใจเต้นตุบๆ

    คำพูดของเฉินซั่งแม้จะพูดกับบรรดาบุตร ทว่าสายตากลับจดจ่ออยู่บนร่างเจาหลีบุตรชายคนโตของตนมาโดยตลอด

    เจาหลีเอ่ยขึ้นทันควัน ‘อย่างไรเสียข้าก็ไม่ทำ เหล่าน้องชายน้องสาวผู้ใดสนใจก็ผู้นั้นเถิด’

    เฉินซั่งขึงตาทั้งสอง ‘เจ้าเดียรัจฉานน้อยเจาหลี เจ้าว่าอันใดนะ ความรับผิดชอบอันมีเกียรติเยี่ยงนี้ข้าหวังให้พวกเจ้าแก่งแย่งกัน ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะพูดว่าไม่ทำได้อย่างสบายใจ!’

    เจาหลีเอ่ยอย่างมีเหตุผลรองรับ ‘เรื่องนี้หากทำได้ดีนั้นมีทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี แต่หากล้มเหลวไม่เพียงไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี ยังต้องแบกความอัปยศทุกยุคสมัยที่ทำให้ความหวังของเผ่ามังกรที่จะแก้ตัวต้องสูญสิ้นไปด้วย ดูแล้วสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง อีกอย่าง การตามหามนุษย์ผู้นั้นให้พบยังไม่นับว่ายาก แต่หากทำสำเร็จ หลังทำพันธสัญญาเลือดแล้วยังต้องพามนุษย์ผู้นี้ไปแย่งชิงราชบัลลังก์ทีละก้าว หลังจากที่ทำสำเร็จอย่างลำบากตรากตรำยังต้องเฝ้ามองลูกๆ หลานๆ ของเขาไม่รู้กี่ยุคสมัยไม่จบไม่สิ้น สร้างความลำบากโดยแท้ เช่นนั้นให้ผู้อื่นไปมิดีกว่าหรือ มีเกียรติแล้วข้าก็มีส่วนแบ่งด้วย ผิดพลาดขึ้นมาก็มิต้องแบกรับ ดังนั้นข้าไม่ทำ น้องชายน้องสาวผู้ใดอุดมการณ์กว้างไกลใคร่ทำก็ทำเถิด’

    เฉินซั่งโมโหเสียจนเกล็ดมังกรดำคล้ำ หนวดเครากระตุกขึ้น ‘เจ้าเดียรัจฉานน้อย ข้าให้กำเนิดบุตรชายปีศาจที่อกตัญญูเช่นเจ้าได้อย่างไรกัน!’

    เจาหลีเอ่ย ‘ท่านพ่อ ข้าไม่ถึงขั้นท่าน ไม่หาว่าผู้อื่นเป็นปีศาจ แต่เชื่อคำพูดของท่านก็เป็นไอ้โง่แล้ว’

    เฉินซั่งโกรธจนจุกอยู่ในคอ ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยๆ ผละสายตาจากร่างของเจาหลีและกวาดตามองมังกรน้อยสี่ตัวที่เหลือ ‘เจาฉี เจาหยวน เจาซู่ เจาซี พวกเจ้าไม่ต้องฟังคำพูดไร้แก่นสารของเจ้าเดียรัจฉานน้อยเจาหลี เทพมังกรผู้พิทักษ์เป็นตำแหน่งที่อวี้หวงต้าตี้แต่งตั้งด้วยตนเอง สูงส่งและมีเกียรติอย่างสุดซึ้ง พวกเจ้าล้วนเป็นบุตรของข้า ข้าจะหลอกพวกเจ้าได้อย่างไรกัน กล้าที่จะรับผิดชอบงานสำคัญจึงจะเรียกมังกรที่ดี มังกรใจเสาะเช่นเจาหลีมันแย่งทำข้าก็จะไม่ให้มันทำ มา รับผิดชอบงานนี้ เอามุกมังกรวางไว้บนกรงเล็บขวา แล้วมายังข้างกายท่านพ่อมา เด็กดี’

    เลือดของเจาหยวนที่ถูกกระตุ้นจนระอุโดยคำพูดท่านพ่อพลันเยือกเย็นลงมาทีละน้อย มันคิดว่าพี่ชายคนโตสมกับเป็นพี่ชายคนโต มองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ คำพูดของพี่ชายมีเหตุผลมากโดยแท้ มันหดคอไม่ขยับเขยื้อน พี่สาวคนโตและน้องชายน้องสาวเองก็หดศีรษะไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดียวกับมัน

    เจาหยวนนั่งยองลงข้างๆ กอดกรงเล็บมองดู ก่อนพูดอย่างหมดหวัง ‘ท่านพ่อ ฟันน้ำนมของเจาซู่และเจาซียังไม่เปลี่ยน พูดจาล้วนยังไม่ชัดถ้อยชัดคำ เกรงว่ายากที่จะรับผิดชอบหน้าที่ใหญ่หลวงที่ท่านกล่าวถึง’ เจาซู่และเจาซีรุดไปอยู่ข้างมันทันทีพลางใช้ศีรษะถูร่างของเจาหยวน

    เจาหลีเอ่ยต่อ ‘เกรงว่าท่านทำได้เพียงเลือกตัวใดตัวหนึ่งระหว่างเจาฉีและเจาหยวนแล้ว’

    ร่างเจาหยวนพลันหดเล็กลงทันที เจาฉีตวัดสายตามองเจาหลีอย่างอำมหิตแวบหนึ่ง

    เจาหลีแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่แฝงเจตนาร้ายของเจาฉี พลางพูดต่อ ‘ตามที่ข้ามองนั้น เจาฉีเหมาะสมที่สุด ประการแรกนางอาวุโสกว่าเจาหยวน ประการที่สอง เมื่อครั้งพญาหงส์ตัวนั้นแย่งชิงตำแหน่งของท่านพ่อก็เป็นเพราะตกหลุมรักสตรีมนุษย์เข้า มัวเมาหลงเสน่ห์ ฝ่าฝืนแนวทางของสวรรค์ เห็นได้ว่าผลกระทบของเพศเมียที่มีต่อเพศผู้นั้นบางครั้งยิ่งใหญ่กว่าลิขิตสวรรค์ หงส์ผู้พิทักษ์ตัวผู้คุ้มครองจักรพรรดิ ตัวเมียคุ้มครองพระชายา ถ้าหากว่าพวกเขาทราบเรื่องลูกหลานราชสกุลเหอผู้นี้แล้ว ผู้ที่มาแย่งชิงคนจะต้องเป็นหงส์ตัวผู้อย่างแน่นอน หากเจาฉีและมันเผชิญหน้ากัน ยามสุดวิสัยยังใช้แผนโฉมงามได้ เช่นนี้ไม่ยิ่งเพิ่มโอกาสชนะให้พวกเราหนึ่งส่วนหรือ’

    เจาฉีไม่รอให้เจาหลีพูดจบก็กระโดดพรวดขึ้นทันที ‘ท่านพ่อ การส่งต่อตำแหน่งตลอดมานั้นส่งต่อให้แก่บุตรคนโต อีกทั้งพี่ชายคนโตความคิดความอ่านนั้นละเอียดลึกซึ้ง ไตร่ตรองอย่างลึกล้ำ สูงส่งกว่าพวกเรามากโข หากมันมิได้เป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์สวรรค์คงมิอาจทนได้! อย่าได้เชื่อคำบ่ายเบี่ยงอันถ่อมตนของพี่ชายคนโตในยามนี้เด็ดขาด! มันเห็นแก่พี่น้องคิดเอาโอกาสอันดีนี้มอบให้แก่พวกเรา คุณธรรมสูงส่งเช่นนี้ทำให้ข้าและเหล่าน้องชายน้องสาวซาบซึ้งสรรเสริญอย่างแท้จริง เลื่อมใสในความปราดเปรื่อง!’ นางยื่นกรงเล็บออกมาดันเจาหยวนที่หดตัวอยู่ด้านหนึ่ง ‘เจาหยวน เจ้าว่าใช่หรือไม่’

    เจาหยวนผงกศีรษะทันที ‘อา…ใช่ ข้าคิดว่าพี่สาวพูดถูก’

    มังกรน้อยสองสามตัวพลันต่อสู้กันพัลวัน ท่านแม่ของเจาหยวนมองอย่างปวดหัวอยู่ทางด้านหนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ ‘สามี มิเช่นนั้นหรือพวกเราจะเอาอย่างมนุษย์ จับไม้สั้นไม้ยาวล่ะ’

    เฉินซั่งเอ่ย ‘เรื่องใหญ่เช่นนี้จะเอาการละเล่นเด็กๆ อย่างจับไม้สั้นไม้ยาวมาตัดสินได้อย่างไร’ ก่อนใช้กรงเล็บมังกรฟาดท้องน้ำ ‘ทั้งหมดอยู่ในความสงบ ข้ามีวิธี!’

    เจาหยวนและบรรดาพี่น้องของมันแยกจากการต่อสู้พลางนอนคว่ำตามลำดับอย่างเรียบร้อย

    เฉินซั่งยกกรงเล็บขวาด้านหน้าขึ้นและอ้าปากอย่างช้าๆ คายแสงสีทองสายหนึ่งออกมาลงบนกรงเล็บ ‘นี่คือปราณมังกรที่ใช้ปลดและแต่งตั้งเจ้าแผ่นดิน เปลี่ยนราชวงศ์ของโลกมนุษย์รวมทั้งชะตากรรมของแผ่นดิน มีเพียงเทพมังกรผู้พิทักษ์ทุกยุคจึงจะมีในครอบครองได้ บัดนี้พวกเจ้าคายมุกมังกรออกมาวางไว้บนกรงเล็บขวาหน้าแล้วหลับตาทั้งสองข้าง ข้าจะโยนปราณมังกรอย่างไม่เจาะจงไป หากปราณมังกรหล่นเข้าสู่มุกมังกรของผู้ใด ผู้นั้นก็คือเทพมังกรผู้พิทักษ์ตนถัดไป หลังจากปราณมังกรเข้าไปในมุกมังกรแล้ว เว้นเสียแต่มุกมังกรจะถูกทำให้แตก หรือข้าหลวงเทพอัญเชิญตราประทับอาคมของอวี้หวงต้าตี้มาทวงเก็บคืน มิเช่นนั้นก็ไม่อาจเอาออกมาได้ ดังนั้นจึงมิอาจเปลี่ยนแปลง’

    เจาหยวนคายมุกมังกรของตนออกมาอย่างประหม่า ก่อนวางบนกรงเล็บมังกรด้านขวาพลางหลับตาลง มันหวาดกลัวเล็กน้อย มันเป็นพี่สาม นอนคว่ำอยู่ตรงกึ่งกลาง ตำแหน่งนี้ไม่เอื้ออำนวยยิ่งนัก มันลอบภาวนาอยู่ในใจ อย่าเป็นข้า อย่าเป็นข้า…

    เจาหยวนแอบยกเปลือกตาขึ้นเป็นรอยแยกหนึ่ง เห็นเพียงกรงเล็บขวาของท่านพ่อกำลังกรีดวาด ปราณมังกรถูกโยนขึ้น เป็นการโยนทิ้งที่ทิศทางแจ่มชัดยิ่งยวด ลำแสงสีทองสายนั้นกวัดแกว่งไปมา มุ่งไปทางพี่ชายคนโตแล้ว

    เจาหยวนลอบภาวนาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างไร้ความเมตตา ไปหาพี่ชายคนโตเถิด ไปหาพี่ชายคนโตเถิด ไปหาพี่ชายคนโตเถิด

    สมตามประสงค์ของมัน แสงสีทองลอยตรงดิ่งไปทางเจาหลี ทันทีที่ลอยไปได้สักระยะ ทันใดนั้นก็เอนเอียงไปทิศทางของเจาฉี

    เจาหยวนกลัดกลุ้มใจบางส่วนจึงลืมตาเล็กน้อยคอยสอดส่องอย่างระมัดระวัง พบว่าพี่ชายคนโตกำลังพองแก้มเป่าลมไปยังปราณมังกรให้เฉไปอีกทาง

    ปราณมังกรถูกเป่าจนเอนเอียงมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายามที่ใกล้จะลอยกลับไปทางเจาฉีมันก็หยุดอีกครั้ง และลอยกลับไปทางเจาหลี

    เจาหยวนสอดส่องอีกครั้ง พบว่าพี่สาวคนโตสังเกตเห็นถึงพฤติกรรมสับปลับของพี่ชายคนโต จึงใช้ลูกไม้เดียวกันรับมือบ้าง เจาฉีเป่าปราณมังกรกลับไปทางพี่ชายคนโต

    เจาหลีและเจาฉีล้วนลอบเป่าลมอย่างเต็มที่ ปราณมังกรครู่หนึ่งลอยไปทางนี้ ครู่หนึ่งลอยไปทางนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปซ้ายทีขวาทีไม่รุดหน้า

    ท่านพ่อใช้กรงเล็บลูบเครา กระแอมกระไอเสียงหนึ่ง

    เจาหลีและเจาฉีหยุดเป่าพร้อมกันทันที เจาหลีกลับฉวยโอกาสขยับกรงเล็บหน้า ม้วนเอาลมปราณแข็งกล้าสายหนึ่งผลักปราณมังกรลอยไปทางเจาฉีอย่างฉับไว

    ทันใดนั้นเจาฉีกระโดดขึ้นมา ‘ท่านพ่อ มันแอบโกง!’ ก่อนตวัดกรงเล็บครั้งหนึ่ง ผลักปราณมังกรห่างออกไปครึ่งฉื่อ

    เจาหลียิ้มเอ่ย ‘อันใดกัน ข้าหลับตาตลอด ไม่รู้เรื่องเลยนะ’ มันเอ่ยปากอย่างสบายใจ ขณะบนกรงเล็บมังกรลอบรวมลมปราณแข็งกล้าม้วนเอาระลอกคลื่นขึ้นควบคุมปราณมังกร ก่อนซัดตรงไปยังเจาฉี เจาฉีตีคลื่นสร้างม่านน้ำขึ้นกำบัง เจาหลีเพิ่มความรุนแรงของพลังลมปราณอีกเล็กน้อย ระลอกน้ำเหมือนดั่งหอกยาวด้ามหนึ่ง ปลายหอกแทงเข้าปราณมังกร พาทะลุม่านน้ำของเจาฉีตรงไปยังมุกมังกร

    ตาของเจาหยวนมองสถานการณ์ไม่ชัดแจ้ง แต่รู้ว่าตนเองอาจถูกลากไปเกี่ยวพันด้วยได้จึงพามุกมังกรของตนหลบไปอีกด้านอย่างรีบร้อน ทันใดนั้นร่างมันกลับถูกปะทะเข้าอย่างแรง ที่แท้เป็นเจาฉีที่หลบหอกน้ำมากระแทกร่างมันโดยมิได้เจตนา ผสานกับกระแสน้ำที่ตีย้อนกลับ เจาหยวนถูกปะทะจนมึนงงตาลาย มุกมังกรหลุดจากกรงเล็บไป

    รอจนกระทั่งเจาฉีเคลื่อนย้ายออกไปอย่างกระเสือกกระสน เจาหยวนจึงได้ขยี้ตาที่ถูกปะทะจนพร่าเลือนก่อนปีนป่ายขึ้นมา ทันใดนั้นทุกแห่งหนเงียบสงัด ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายพี่สาวน้องชายน้องสาวพลันจ้องมองเจาหยวนด้วยแววตาสับสน

    เจาหยวนมองหามุกมังกรของตนรอบๆ อย่างงุนงง ก่อนเห็นมุกมังกรของมันกำลังนอนอยู่ในดินเลนอย่างสงบห่างไปไม่ไกล

    บนมุกมังกรมีแสงเจ็ดสีที่ไม่เคยพบเห็นล่องลอยอยู่ด้านบน แสงสีทองรูปร่างมังกรสายหนึ่งค่อยๆ ม้วนตัวแหวกว่ายท่ามกลางมุกมังกร…

    แสงสีทองเส้นนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นปราณมังกร

    กรงเล็บมังกรด้านหน้าของท่านพ่อวางไปยังกระหม่อมของมันอย่างเมตตา ‘เจาหยวนบุตรชายข้า นี่คือลิขิตของสวรรค์ เทพมังกรผู้พิทักษ์องค์ใหม่แห่งเผ่ามังกรผู้พิทักษ์นั่นก็คือเจ้า!’

    เจาหยวนรู้สึกว่าแม่น้ำเบื้องหน้านั้นหมุนวน พี่ชายคนโตยื่นกรงเล็บออกมาตบหลังของมัน ‘น้องชาย พยายามเข้า!’

     

    “เช่นนี้เจ้าก็เลยกลายเป็นเทพมังกรผู้พิทักษ์หรือ” หลังฟังมันพูดจบ บรรยากาศได้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเล่อเยวี่ยจะเอ่ยถามขึ้น

    เจาหยวนผงกศีรษะอย่างเงียบสงบ

    เล่อเยวี่ยเงียบไปชั่วขณะอีกครั้ง ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “พี่ใหญ่เจ้ามิใช่มนุษย์จริงๆ ด้วย”

    เจาหยวนหลับตาลงและวางศีรษะลงบนกรงเล็บหน้าพลางเอ่ยเสียงเบา “เจ้าพูดถูกต้อง”

     

     

    * สุรามงคลคือเหล้าที่ใช้เลี้ยงแขกในพิธีแต่งงาน การดื่มสุรามงคลจึงหมายถึงการเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวิวาห์

    ** ปลาหนีชิว เป็นชื่อปลาชนิดหนึ่งตัวกลมปลายหางแบน หลังสีดำท้องสีขาวหรือเทา หัวเล็กแหลมปากมีหนวด มักจะอยู่ในแม่น้ำ หนอง บึง ชอบซ่อนตัวอยู่ในดินเลน เนื้อใช้รับประทานได้

    * ธรรมเนียมการเรียกขานสตรีที่แต่งงานแล้วของจีนจะใช้คำว่าซื่อ (แปลว่านามสกุล) ต่อท้ายนามสกุลเดิมของสตรี บางครั้งอาจเพิ่มนามสกุลของสามีไว้หน้าสุดเพื่อระบุให้ชัดขึ้นก็มี

    * ราตรียาวนานความฝันยาวไกล เป็นสำนวน หมายถึงเมื่อปล่อยให้เวลาล่วงเลยนานเข้า โอกาสที่เรื่องราวจะพลิกผันยิ่งมีมาก

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook