• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน สยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 11 บทที่ 1

     

    เมื่อตระหนักในข้อเท็จจริงนี้แล้ว หนิงเชวียก็เก็บธนู พยักหน้าให้ผู้งมงายยุทธ์ราวกับนางเป็นแค่คนที่พบกันโดยบังเอิญ จากนั้นก็พาโม่ซันซันเดินไปยังจุดที่น้ำเหือดหาย

    ยิ่งทั้งสองเดินเข้าใกล้ใจกลางทะเลสาบมากขึ้น น้ำที่หลงเหลืออยู่ตามทางน้ำใต้พื้นก็ยิ่งน้อยลง ที่เข้มข้นขึ้นกลับเป็นเจตนารมณ์ของค่ายกล ลมหายใจแห่งฟ้าดินเกิดสภาพไหลวนไม่คล่อง อากาศที่ไร้รูปกลับคล้ายบังเกิดเหลี่ยมคมเต็มไปหมด ทำให้ทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกกลายเป็นความทรมานอย่างยิ่ง

    หนิงเชวียนวดใบหน้าที่เริ่มชาเพราะความอึดอัดแน่นหน้าอก มันหันไปกล่าวกับโม่ซันซัน

    “เยี่ยหงอวี๋น่าจะคิดออกได้โดยเร็วว่าต้องไปยังใจกลางทะเลสาบ เจ้าว่านางจะไปได้เร็วกว่าพวกเราหรือไม่”

    โม่ซันซันตอนนี้หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ ขนตาบางงอนที่ทาบอยู่บนแก้มทำให้นางดูอ่อนแอเปราะบาง เสียงตอบเบาหวิว

    “ข้าสามารถค้นหาเส้นทางของค่ายกล แต่นางไม่สามารถ”

    โม่ซันซันกำลังพยายามเค้นสมองคิดคำนวณเส้นทางภายในค่ายกล จึงสูญเสียพลังจิตไปมาก ทว่าน้ำเสียงตอนที่ประกาศว่า ‘แต่นางไม่สามารถ’ กลับมีความเข้มแข็งมั่นใจอยู่หลายส่วน

    ได้ยินเช่นนั้นหนิงเชวียก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที แต่ท่าทีหมดแรงของนางกลับทำให้มันเริ่มรู้สึกกังวล ต้องตรงเข้าไปช่วยพยุง

    เพราะต้องหลบหลีกหินที่วางสกัดไว้ตามตำแหน่งของค่ายกล ทั้งสองจึงเดินอย่างเชื่องช้าเต็มไปด้วยความระมัดระวัง บัดนี้สภาพร่างกายและจิตใจของโม่ซันซันได้ถดถอยลงอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่ต้องฝืนบังคับตัวเองให้มีสติไม่ล้มลง

    หนิงเชวียเห็นเช่นนั้นก็ส่ายหน้า จัดการแบกนางขึ้นหลังโดยไม่ฟังคำทักท้วง กล่าวตัดบทว่า

    “ข้ายังพอทนได้”

    โม่ซันซันจึงเลิกดิ้นรน ร้องอืมเบาๆ ก่อนซบหน้าหลับตาไปกับไหล่ของหนิงเชวีย ปล่อยให้เส้นผมยาวสลวยดุจม่านน้ำตกไหลปรกหน้าอกมัน จะลืมตาขึ้นก็ต่อเมื่อต้องบอกให้หนิงเชวียเปลี่ยนทิศทางเท่านั้น

    เหลี่ยมคมของค่ายกลชุดนี้แทรกอยู่ในทุกๆ ลมหายใจเข้าออก ทำให้ผู้ที่กำลังบุกฝ่ารู้สึกเหมือนปอดและหัวใจถูกมีดกรีดเฉือน เจ็บปวดทรมานสุดจะทน สำมะหาอะไรกับหนิงเชวียที่ตอนนี้ยังต้องแบกโม่ซันซันไว้บนหลัง ปากบอกว่าทนได้ แต่อันที่จริงมันแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว

    แต่มันเคยใช้ความอึดเอาชนะเส้นทางแสนวิบากหมื่นพิสดารบนภูเขาด้านหลังสถานศึกษามาแล้ว อีกทั้งเคยได้รับความเจ็บปวดทรมานเช่นเดียวกันหรืออาจมากกว่ามาจนนับครั้งไม่ถ้วน ที่สำคัญคือครั้งนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่มันใกล้จะทนทานต่อไปไม่ไหว ในสมองมันจะต้องผุดภาพรอยกระบี่บนก้อนหินขึ้นมาทันที ซึ่งก็จะเพิ่มพลังและความฮึกเหิมให้แก่มันทุกคราไป

    เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่คนผู้นั้นถือกระบี่บุกเดี่ยวสำนักพรรคมาร แม้ค่ายกลทรมานจิตยังคงสมบูรณ์ครบถ้วน มีพลังและอานุภาพถึงร้อยส่วน แต่คนผู้นั้นก็ยังบุกฝ่าเข้าไปได้ บัดนี้มันซึ่งเป็นศิษย์ร่วมสำนักจะมารามือเสียแต่กลางคันไม่สืบสานจิตปณิธานอันยิ่งใหญ่ของคนผู้นั้นต่อไปอย่างนั้นหรือ

    เยี่ยหงอวี๋มองเงาร่างทั้งสองลับหายไปในดงหิน อาภรณ์บนร่างนางบัดนี้มีแต่รอยฉีกขาด คราบเลือดบนไหล่ยิ่งเน้นให้เห็นถึงความทุลักทุเลและความน่าสยดสยองเมื่อยืนอยู่บนที่กว้างเวิ้งว้างเพียงลำพัง

    ทั้งๆ ที่เห็นว่าศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่ไม่อาจไล่ตามไปได้ ทำให้นางถึงกับต้องแผดร้องอย่างเดือดดาล คลื่นเสียงแล่นปะทะเข้ากับผนังผาอันสูงชันที่อยู่ห่างออกไปก่อนสะท้อนกลับมา นี่ยิ่งยืนยันถึงความโล่งกว้างของก้นทะเลสาบ และยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวมากขึ้น

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook