• Connect with us

    Enter Books

    หนังสือเอ็นเธอร์

    หยวนหมิงหยวน พระราชวังมอดไหม้

    ถ้าประเทศฝรั่งเศสมีพระราชวังแวร์ซาย จีนก็มีพระราชวังฤดูร้อน หยวนหมิงหยวน (Yuán Míng Yuán) ที่งดงามอลังการ เผลอๆ อาจจะน่าดูชมเสียยิ่งกว่าแวร์ซายด้วยซ้ำ เพราะเป็นการผสมผสานศิลปะทั้งของตะวันตกและจีนเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวไม่ขัดตา หยวนหมิงหยวนสร้างขึ้นในราชวงศ์ชิง สมัยจักรพรรดิคังซี จุดประสงค์เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ จึงสร้างห่างจากพระราชวังต้องห้ามกลางเมืองปักกิ่งไปแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น

    ขอบคุณภาพจาก www.ilishi.com

    สิ่งปลูกสร้างภายในพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้มีทั้งเก๋งตำหนักอย่างจีน สร้างจากไม้และกระเบื้องเคลือบ และหมู่ตึกที่ประกอบขึ้นจากหินตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกสลักเสลาเสาวิหารอาคารอย่างวิจิตร โดยฝีมือการออกแบบของ จูเซปเป กาสติกลีโอนี (Giuseppe Castiglione) บาทหลวงและสถาปนิกชาวอิตาลี เนื่องจากภาพของหยวนหมิงหยวนที่เผยแพร่ กับสิ่งที่นักท่องเที่ยวได้มาเห็นกับตา คือ ซากปรักหักพังของวิหารสไตล์ยุโรป คนส่วนใหญ่จึงเข้าใจผิดว่าทั้งพระราชวังมีลักษณะเช่นนั้นซึ่งความจริงแล้วเป็นเพียงส่วนน้อย แต่เพราะหินทนทานต่อไฟมากกว่าไม้ ทำให้วิหารดังกล่าวยังเหลือสภาพดั้งเดิมให้เห็นบ้าง ในขณะที่เก๋งตำหนักทั้งหลายไม่โชคดีเช่นนั้น

    ขอบคุณภาพจาก People's Daily, China

    ช่วงสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ปี ค.ศ. 1860 ทหารฝรั่งเศสและอังกฤษได้ยึดครองกรุงปักกิ่ง ขณะเดียวกันก็บุกเข้าพระราชวังหยวนหมิงหยวน ปล้นเอาสิ่งของมีค่าต่างๆ เยี่ยงโจร ก่อนที่จะจุดไฟเผาจนเกิดความเสียหาย ด้วยเหตุนี้ทำให้สมบัติในพระราชวังหยวนหมิงหยวนสูญหาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องลายคราม ภาพวาด โบราณวัตถุเก่าแก่ รวมทั้งรูปปั้นหัวนักษัตรสำริดประดับนาฬิกาน้ำพุ เนิ่นนานภายหลังจึงพบว่าสมบัติร่วมหมื่นชิ้นไปตกอยู่ในครอบครองของนักสะสมและมหาเศรษฐีต่างชาติ

    ขอบคุณภาพจาก Pinterest

    อันที่จริงการเผาทำลายครั้งนั้นยังพอกอบกู้ซากอาคารที่ไหม้เสียหายได้บ้าง และมีหลายจุดที่รอดพ้นรัศมีเปลวไฟ แต่หยวนหมิงหยวนก็ถูกมรสุมเพลิงกระหน่ำซ้ำจนพังพินาศราบคาบในปี ค.ศ. 1900 ด้วยฝีมือของกองกำลังพันธมิตร 8 ชาติ จากฟากยุโรปและอเมริกา แนมด้วยญี่ปุ่น ตอบโต้ที่ราชสำนักจีนหนุนหลังกบฏนักมวยเข่นฆ่าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาทหลวงและคนจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งความยิ่งใหญ่ของพระราชวังแห่งนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเผาทำลายถึง 3 วัน

    หนึ่งในสมบัติที่ถูกปล้นชิงไปอย่างน่าละอายนั้น ก็คือ รูปปั้นหัวนักษัตรสำริดซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ จูเซปเป กาสติกลีโอนี คนเดิม ประติมากรรมทั้ง 12 ชิ้นนี้ลำตัวเป็นคน แกะสลักจากหิน มีเพียงส่วนหัวที่หล่อขึ้นจากโลหะชั้นดี นักษัตรแต่ละตัวเป็นตัวแทนของช่วงเวลา 12 ช่วงตามการนับของจีน (ใน 1 วันมี 12 ชั่วยาม) เมื่อถึงช่วงเวลาของนักษัตรตัวใด หัวนั้นก็จะพ่นน้ำออกมา และเมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง หัวนักษัตรทั้ง 12 ก็จะพ่นน้ำพร้อมกัน เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ตระการตา

    ขอบคุณภาพจาก http://www.chinadaily.com.cn

    ปัจจุบันทางการจีนได้หัวนักษัตรสำริดคืนกลับมา 5 หัว ได้แก่ หัวเสือ (ขาล) หัววัว (ฉลู) หัวลิง (วอก) หัวสุกร (กุน) ส่วนหัวม้า (มะเมีย) ประดับอยู่ที่คาสิโนในมาเก๊า ก็อาจกล้อมแกล้มพอได้ว่าอยู่กับจีนแล้ว เส้นทางการกลับสู่บ้านของพวกมันนับว่าลำบากซับซ้อนน่าดู แต่ที่ดราม่าสุดต้องยกให้หัวนักษัตรหนู (ชวด) และกระต่าย (เถาะ) เพราะ ‘เจ้าของ’ ผู้ซึ่งเป็นเซเลบฯ ดังของฝรั่งเศสไม่ยอมส่งมอบคืนง่ายๆ คาราคาซังจนถึงตอนนี้

    ขอบคุณภาพจาก http://www.ecns.cn

    ทั้งรูปปั้นนักษัตรสำริดที่หัวกับตัวแยกจากกัน ทั้งซากปรักหักพังของหยวนหมิงหยวนซึ่งครั้งหนึ่งเคยสง่างามดุจดังเทพธิดา เป็นที่สะทกสะท้อนใจของคนที่ได้พบเห็น หากก็เป็นต้นทุนชั้นดีให้เหล่านักประพันธ์รังสรรค์เรื่องราวที่เกี่ยวพันกันออกมาไม่ว่าจะในรูปแบบของภาพยนตร์ หรือ นวนิยาย อย่าง ‘ซยงหนู ทัณฑ์สวรรค์ อาถรรพ์ต้องสาป’ ของเอ็นเธอร์บุ๊คส์เราก็ใช่ เพราะการผจญภัยของกลุ่มตัวเอกเริ่มต้นจากวัตถุโบราณทรงกลมซึ่งสลักภาพหัวนักษัตรสำริดไว้ด้านหนึ่ง และชื่อ Giuseppe Castiglione ที่อีกด้าน นำพาพวกเขาไปพบกับเรื่องราวสุดเหลือเชื่อ...ถ้าอยากรู้ว่าคือเรื่องอะไร ขอเชิญทุกท่านมาลองอ่านดู!

    หนังสือนิยายเรื่อง 'ซยงหนู ทัณฑ์สวรรค์ อาถรรพ์ต้องสาป'

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in หนังสือเอ็นเธอร์

    นิยายยอดนิยม

    Facebook