• Connect with us

    Enter Books

    มุมชงกาแฟ

    เปิดตำนานสี่สัตว์เทพประจำจตุรทิศ จนกลายเป็นสัตว์เทพที่สำคัญต่อความเชื่อ!

         เชื่อว่านักอ่านที่ชื่นชอบนิยายฝั่งจีนทั้งหลายคงคุ้นเคยกับมังกรกันดี นอกจากเป็นสัตว์เทพตัวนี้จะชอบโผล่มาเป็นลาสบอสของเรื่องแล้ว มังกรยังเป็นหนึ่งในสี่ของสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ (四灵) ผู้พิทักษ์จตุรทิศที่ชาวจีนให้ความนับถือกันอย่างมาก ถึงขั้นยกให้สัตว์เหล่านี้เป็นผู้ปกปักษ์และนำสิริมงคลมาสู่โลกมนุษย์เลยทีเดียว

         ว่ากันว่าคตินี้ถือกำเนิดขึ้นในยุคที่ทฤษฎีธาตุหลักทั้งห้ากำลังเฟื่องฟู ผู้เชี่ยวชาญสมัยนั้นได้นำแนวคิดหยินหยางของเต๋ามาแบ่งท้องฟ้าออกเป็นสี่ส่วน แล้วกำหนดสัตว์เทพขึ้นมาเป็นตัวแทนของกลุ่มดาวประจำทิศ พร้อมสร้างความเชื่อมโยงเข้ากับธาตุและฤดูกาลทั้งสี่ หลังจากนั้น สัตว์เทพประจำทิศก็เข้ามามีอิทธิพลต่อการคำนวณทางโหราศาสตร์และฮวงจุ้ยของเมืองอยู่บ่อยครั้ง
    เอาล่ะ เกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว เฮียขออัญเชิญจตุรเทวะผู้พิทักษ์จตุรทิศมาให้ทุกคนรู้จักกันเลยดีกว่า

    ลักษณะทางกายภาพของสัตว์เทพผู้ยิ่งใหญ่นี้รวมขึ้นจากสัตว์ทั้งหมด 9 ชนิดด้วยกัน มีหัวเหมือนอูฐ เขาสองข้างเหมือนกวาง ลำคอยาวเหมือนงู ดวงตาดูคล้ายปีศาจ หูคล้ายวัว ช่วงท้องเหมือนหอยแครงยักษ์ เกล็ดตามตัวเหมือนปลาตะเพียน อุ้งเท้าเหมือนเสือ และกรงเล็บคมเหมือนอินทรีย์

    แม้สัตว์เทพมังกรจะถูกยกให้เป็นตัวแทนของธาตุไม้ แต่บางตำราก็มอบธาตุลมให้สัตว์เทพชนิดนี้ดูแลเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วมังกรฟ้ามักจะคาบหรือถือมุกอัคนีไว้ สามารถใช้มุกลูกนั้นเรียกลมฝนได้ตามใจเลยล่ะ!

    นักอ่านคงเคยเห็นคำว่า ‘บัลลังก์มังกร’ ผ่านตามาบ้าง เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงเลือกมังกรขึ้นมาเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ ตำนานจีนโบราณระบุไว้ว่าสัตว์มงคลอย่างมังกรสามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งใต้ทะเลและบนพื้นดิน แถมยังบินขึ้นสวรรค์ได้อีก คนเลยมองว่ามังกรเป็นเทพผู้ครองความศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน มีพลังอำนาจ สง่างามเยี่ยงวีรบุรุษ ยิ่งใหญ่เหนือใคร ไม่ต่างจากภาพจักรพรรดิในอุดมคติของคนสมัยนั้น 

    หงส์ในตำนานของสัตว์เทพนี้ไม่ได้มีลักษณะเหมือนอย่างหงส์ขาวทั่วไปที่เราเคยเห็นกัน ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งปักษาทั้งปวง สัตว์เทพชนิดนี้จึงมีลักษณะคล้ายวิหคถึง 5 ชนิด หัวเหมือนไก่ฟ้า ปากเหมือนนกแก้ว ลำตัวเหมือนยวนยางหรือเป็ดน้ำแมนดาริน ขาเหมือนนกกระสา หางเหมือนนกยูง ซึ่งแสดงถึงความหมายอันดีงาม 5 ประการ ได้แก่ คุณธรรม ยุติธรรม ศีลธรรม มนุษยธรรม และสัจธรรม

    เป็นถึงสัตว์เทพแห่งธาตุไฟทั้งที แน่นอนว่าหงส์ไฟก็ต้องมีความสามารถพิเศษเหมือนกัน ซึ่งก็คือการเกิดใหม่จากเปลวไฟนั่นเอง! นัยยะของการเกิดใหม่นี้ทำให้หงส์ไฟเปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นที่โชติช่วง ในตำนานเล่าว่าหงส์ไฟจะลงจากสวรรค์มาปรากฏตัวในวันเกิดของผู้ปกครองที่มีคุณธรรมหรือช่วงเริ่มของยุคแห่งความเจริญรุ่งเรือง

    นอกจากนี้หงส์ยังเป็นตัวแทนของความงดงาม ประณีตละเอียดอ่อน เฉลียวฉลาดรอบรู้ ว่ากันว่าหากมังกรเปรียบเหมือนจักรพรรดิ หงส์ก็คงไม่พ้นเป็นตัวแทนของจักรพรรดินีหรือฮองเฮาที่คอยสร้างสมดุลและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน บางตำราถึงกับเปรียบเทียบมังกรและหงส์เป็นสัญลักษณ์ของการครองคู่พูนสุขเลยทีเดียว

    เป็นสัตว์เทพทั้งทีจะเหมือนเต่าธรรมดาได้อย่างไร ตำนานจีนเล่าว่าสัตว์เทพตัวนี้เป็นถึงบุตรลำดับที่ 9 ของมังกรเชียวนะ หัวที่โผล่พ้นกระดองออกมาก็ต้องมีหน้าตาเหมือนบรรพบุรุษอยู่แล้วสิ ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นเสวียนอู่มีงูพันรอบลำตัว แต่บางตำราก็ให้เต่ามีลำตัวเป็นเกล็ดคล้ายงูแทน จะแบบไหนก็เป็นเสวียนอู่เหมือนกันล่ะนะ

    คนจีนในอดีตเชื่อว่าจักรวาลมีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม ส่วนแบนคือโลก ส่วนโค้งคือท้องฟ้า อ่านถึงตรงนี้แล้วพอจะนึกภาพออกกันใช่ไหม ลักษณะเหมือนลำตัวของเต่ายังไงล่ะ คนในยุคนั้นเปรียบกระดองเต่าที่โค้งกลมและแข็งแรงเสมือนหลังคาของจักรวาล สามารถเชื่อมโยงระหว่างโลกกับสววรค์ได้ การเสี่ยงทายโดยใช้กระดองเต่าจึงเหมือนการส่งเต่าไปถามบรรพบุรุษในโลกหลังความตายเพื่อนำคำตอบกลับมายังโลกมนุษย์นั่นเอง

    และด้วยลักษณะต่างๆ ของเต่า สัตว์เทพชนิดนี้จึงถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความยั่งยืน ความมุมานะบากบั่น ชาวจีนเชื่อว่าเต่าไม่เพียงนำพาความสำเร็จและผาสุขมาให้ แต่ยังช่วยป้องกันคุ้มภัยจากสิ่งชั่วร้ายได้อีกด้วย

    หากพูดกันถึงลักษณะภายนอก ตำนานส่วนใหญ่ว่ากันว่ากิเลนมีลักษณะของสัตว์มงคล 5 ชนิด คือมีหัวเหมือนมังกรเขาเดียว ลำตัวเหมือนกวาง เกล็ดเหมือนปลา หางเหมือนวัว และกีบเท้าเหมือนม้า นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่ากิเลนถือกำเนิดจากธาตุทั้งห้า (ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ) บางตำราจึงบรรยายสีของตัวกิเลนว่ามีด้วยกันถึงห้าสี คือ ดำ น้ำเงิน แดง ขาว และเหลือง

    กิเลนถูกยกให้เป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งปวง มีพลังในการปกป้องคุ้มครอง เปี่ยมด้วยคุณงามความดี มีความเมตตา ช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคล และชอบมอบความสุขให้แก่มนุษย์ ในอดีตจึงมีความเชื่อกันว่ายุคใดที่กิเลนปรากฏตัวให้เห็น ยุคนั้นจะมีผู้ทรงบุญบารมีมาปกครอง นำพาให้บ้านเมืองพบเจอกับความสงบสุขร่มเย็น

    แม้ภายหลังสัตว์เทพประจำทิศตะวันตกจะถูกเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์ขาวหรือไป๋หู่ (白虎) แต่ก็ยังคงมีนัยยะของการปกป้องคุ้มครองไม่ต่างจากกิเลน ทำให้พยัคฆ์กลายเป็นสัญลักษณ์ด้านการนำรบหรือการทหาร อย่างที่เคยเห็นกันว่าแม่ทัพมักจะมีตราพยัคฆ์นั่นแหละ

         ความเชื่อเรื่องสัตว์เทพแห่งจตุรทิศได้รับการยอมรับและถูกนำไปประยุกต์กับศาสตร์ต่างๆ อย่างแพร่หลาย แม้แต่ตำราพิชัยสงครามยังนำแนวคิดนี้ไปเปรียบกับการเดินทัพไว้ว่า ‘ซ้ายเป็นมังกรเขียว ขวาเป็นเสือขาว ทัพหน้าคือหงส์แดง และเต่าดำคุมหลัง บัญชาการจากเบื้องบน นำปฏิบัติสู่เบื้องล่าง’ คงไม่ต้องพูดถึงวรรณกรรมหรือภาพยนตร์ของทางตะวันออก เฮียเคยเจอมาหลายเรื่องเลยล่ะ หวังว่าตอนเจอสัตว์เทพเหล่านี้ในนิยายจะนึกถึงเนื้อหาในบทความนี้กันบ้างนะ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in มุมชงกาแฟ

    นิยายยอดนิยม

    Facebook