• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 14 ตอนที่ 1

    หน้าที่แล้ว1 of 6

    สามารถอ่านตอนก่อนหน้าได้ที่ >> สยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 13 ตอนที่ 3

     

    บทที่ 1 อักษร ผู้งมงายอักษร สถานศึกษา

     

    หมอกยังสลายไม่หมด ร่างของหนิงเชวียก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาที่สงบนิ่งมาตลอดของหลวงจีนกวนไห่ในที่สุดก็ฉายแววตื่นตัวแล้ว

    เพราะถูกเข้าประชิดตัวอย่างกะทันหัน กวนไห่ทางหนึ่งรีบแยกฝ่ามือที่ประกบกันออก ก่อนกดนิ้วหัวแม่มือขวาลงใจกลางฝ่ามือ เปลี่ยนจากมุทราหมิงหวังเป็นมุทราดวงจิต พลิกมือซ้ายจากยกตั้งฉากเป็นวางนอนหันฝ่ามือออก อาศัยอากัปกิริยาที่ทรงพลังที่สุดของมุทราหมิงหวังเผชิญหน้ากับหนิงเชวีย อีกทางหนึ่งก็สูดลมหายใจเข้าลึกหดหน้าท้องจนแบนราบเปล่งคำสวดออกมา

    พริบตาที่มุทราทั้งสองปรากฏ ไอหมอกรอบตัวหนิงเชวียก็เกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรง ก่อนม้วนบิดเป็นวงแหวนน้อยใหญ่ ลักษณะคล้ายบุปผานานาพันธุ์จำนวนมากมายกำลังเบ่งบานอยู่ท่ามกลางแสงสายัณห์ที่ส่องลอดเข้ามาในวิหาร หลวงจีนหนุ่มไม่เปล่งคำสวดก็แล้วไป พอเปล่งคำแรกออกมา บุปผาเหล่านี้ก็พากันทิ้งกลีบพร่างพรูลงมาราวกับสายฝน กลีบดอกทั้งหมดอัดแน่นไปด้วยพลังปฐมแห่งฟ้าดินที่เกิดจากการกระตุ้นของมุทราทั้งสอง และยังผนวกอานุภาพของคำสวดเอาไว้ ทันทีที่สัมผัสถูกศัตรูก็จะระเบิดออกโดยพลัน

    มือขวากำหนดพุทธจิต มือซ้ายสำแดงโทสะของหมิงหวัง ปากเปล่งเสียงสวดสยบใจ แค่ชั่วพริบตา กวนไห่สามารถใช้วิชาแนวทางพุทธที่มีความร้ายกาจยิ่งออกมาติดๆ กัน นี่แสดงให้เห็นว่าศิษย์ก้นกุฏิของมหาเถระอาวุโสวัดลั่นเคอรูปนี้มีพุทธจิตที่ผ่องแผ้วและหนักแน่นมั่นคง แม้ตกอยู่ในห้วงสถานการณ์คับขันก็ยังสามารถรักษาความสงบนิ่ง ลงมือโต้ตอบได้อย่างไม่ลนลาน

    เทียบกับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป ข้อได้เปรียบของผู้ฝึกฌานไม่ว่าจะเป็นนิกายเต๋าหรือพุทธก็คือความเร็ว คนธรรมดานั้นเพิ่งเห็นประกายจากคมกระบี่ ตัวกระบี่บินก็พุ่งเข้าเสียบคอหอยมันแล้ว แน่นอน กวนไห่รู้ว่าหนิงเชวียมิใช่คนธรรมดา แต่มันก็มั่นใจว่านี่คือวิธีรับมือการจู่โจมประชิดตัวอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายที่ถูกต้อง

    น่าเสียดาย มันลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือวิธีของมันจะสำเร็จลงได้ ศัตรูจำต้องอยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง แต่ตอนนี้หนิงเชวียอยู่ห่างจากมันแค่ไม่ถึงหนึ่งฉื่อ เรียกได้ว่าใกล้จนแทบจ่ออยู่ตรงหน้า

    ดังนั้น ขณะที่สองมือของกวนไห่เพิ่งเหยียดงอเป็นท่ามุทราอย่างสมบูรณ์ กลีบบุปผาที่เกิดจากพลังปฐมเพิ่งจะปลิดจากดอก หนิงเชวียก็ลงมือด้วยท่าร่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อนไปก่อนแล้ว นั่นคือปล่อยหมัดเข้าไปที่หน้าของกวนไห่อย่างไม่อ้อมค้อมและไม่ออมมือตามที่หลวงจีนหนุ่มเคยขอไว้

    โลหิตสองสายสาดกระเซ็น ตามมาด้วยเสียงไออย่างเจ็บปวด มุทราดวงจิตในมือขวาและมุทราหมิงหวังในมือซ้ายของกวนไห่ล้วนสลายไปสิ้น บุปผาที่เกิดจากพลังปฐมสูญสลายไม่ดำรงอยู่อีก สุดท้ายแม้แต่เมฆหมอกก็จางหาย

    เมื่อเมฆหมอกจางหาย ตัววิหารก็กลับคืนสู่ความสงบและโล่งกว้างเหมือนเดิม

    หนิงเชวียดึงหมัดกลับช้าๆ กวนไห่ก้มหน้าเช็ดเลือดที่มุมปากพลางกล่าวว่า

    “อาตมาแพ้แล้ว”

    เศษน้ำแข็งละลายเป็นน้ำไหลซึมลงร่องไม้บนพื้น กวนไห่ทอดถอนใจเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า

    “เซียนเซิงสิบสามสมกับเป็นผู้สืบทอดจอมยันต์เทวะอย่างแท้จริง สามารถใช้มรรคาแห่งยันต์ได้อย่างชาญฉลาดคาดเดาได้ยาก ยันต์ที่ใช้ออกติดต่อกันสี่ชุดนั้นผ่านการขบคิดและเรียงลำดับมาอย่างยอดเยี่ยม ราวกับเป็นความเรียงชั้นเลิศครบถ้วนทั้งบทขึ้นต้น บทประสานรับ และบทสรุป งดงามไม่มีช่องโหว่ให้ติ ยิ่งกระบวนท่าสุดท้ายที่ละจากยันต์มาใช้กำปั้น แสดงให้เห็นถึงการรู้จักฉกฉวยโอกาส เชี่ยวชาญการต่อสู้อย่างแท้จริง การที่อาตมามาขอท้าสู้กับเซียนเซิง นับว่าไม่ประมาณตนอยู่บ้างจริงๆ มิน่าเล่า ตอนอาตมาเอ่ยปาก เซียนเซิงจึงทำท่าลังเล คิดว่าคงไม่อยากทำลายความฮึกเหิมมั่นใจของอาตมานั่นเอง”

    หน้าที่แล้ว1 of 6

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook