• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 14 ตอนที่ 1

    อันที่จริงมันไม่ได้หลบเสียด้วยซ้ำ! มันแค่ก้มหน้าให้เม็ดฝนปะทะกับโคนผมเหนือหน้าผากแล้วซึมเข้าไปในไรผม

    ฝนหยดนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังจู่โจมก็จริง ทว่ามันเป็นคนหน้าหนามาแต่ไหนแต่ไร นี่จึงไม่นับว่าเป็นอะไรได้ มิหนำซ้ำหลังเข้าสู่วิถีแห่งมาร หน้าของมันก็ยิ่งหนากว่าเดิมอีกหลายสิบเท่า

    ด้านนอก เหล่านักพรตต่างเฝ้ารอคอยผลกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

    นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกของศิษย์สถานศึกษารุ่นใหม่ที่เข้าสู่โลกิยะ นักพรตแก่หง่อมผมขาวโพลนบางคนอดนึกถึงผู้ฟั่นเฟือนแซ่เคอของสถานศึกษามิได้ หลังจากขี่ลาดำเข้าเมืองฉางอัน คนผู้นั้นก็สร้างมรสุมที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดขึ้นหลายครั้ง พวกมันจึงมิอาจไม่เป็นกังวลอยู่บ้าง

    ประตูวิหารปิดสนิท มีเพียงหน้าต่างที่เปิดออกกว้าง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าชะโงกหน้าเข้าไปดู

    ผู้ที่ยืนอออยู่รอบด้านเห็นภายในวิหารมีเปลวไฟลุกไหม้ ไอร้อนแห้งผากแผ่กระจายออกมาทางหน้าต่าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝนตกดังซ่าๆ จนน้ำไหลนองออกมานอกประตู ไม่นานไอเย็นหอบหนึ่งก็ไหลซึมออกมา ตรงเข้าข่มความหนาวเย็นภายนอกวิหารไป ตามมาด้วยเสียงสวดอันน่าเกรงขามและประกายแสงสีทองแห่งพุทธะ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความเงียบสงบ

    ในใจของทุกคนในตอนนี้มีอยู่เพียงคำถามเดียว นั่นคือตกลงเป็นเซียนเซิงสิบสามของสถานศึกษาหรือศิษย์ก้นกุฏิของมหาเถระอาวุโสวัดลั่นเคอที่เป็นฝ่ายชนะ

    โม่ซันซันยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ตอนหนิงเชวียใช้ยันต์ติดต่อกันสี่ชุด ดวงตานางเปล่งประกายเจิดจ้า แต่พอเสียงสวดดังขึ้น เห็นแสงสีทองแห่งพุทธะได้รำไร ดวงตานางก็เริ่มฉายแววกังวล ทว่าพอวิหารกลับคืนสู่ความสงบ อาการกระสับกระส่ายของนางก็กลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งนี้เพราะนางรู้ว่าคนอย่างหนิงเชวียไม่ว่าจะพ่ายแพ้หรือตาย จะไม่มีทางเป็นไปอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงเช่นนี้

    ในที่สุดประตูวิหารก็เปิดออก หนิงเชวียพยุงกวนไห่เดินออกมา

    พอเห็นคราบเลือดบนหน้าของกวนไห่ ทุกคนก็อดตกตะลึงพรึงเพริดมิได้ คิดในใจ เซียนเซิงสิบสามสมแล้วที่เป็นผู้เข้าสู่โลกิยะของสถานศึกษา ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดาได้

    เพราะความสัมพันธ์ระหว่างมันกับเหยียนเซ่อต้าซือ เหล่านักพรตในอารามจึงยึดถือมันเป็นผลิตผลของนิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นพอเห็นว่ามันเป็นฝ่ายชนะจึงไม่คิดจะปกปิดสีหน้าปลื้มปีติยินดีเอาไว้แม้แต่น้อย พากันแสดงออกอย่างเปิดเผย

    หลังสนทนากับเหอหมิงฉือเล็กน้อย หนิงเชวียก็กล่าวกับกวนไห่อย่างสนิทสนมว่าปีหน้ามันจะไปร่วมงานเทศกาลอวี๋หลันที่วัดลั่นเคออย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นจะจุดเทียนสนทนากับอีกฝ่ายตลอดทั้งคืนให้สะใจ จากนั้นมันก็กล่าวคำอำลาแล้วเดินจากมา

    ตอนออกจากอารามเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ หิมะโปรยปรายลงมาอีกครา

    พอเดินเลียบกำแพงวังไปได้ไม่กี่สิบก้าว หนิงเชวียก็หน้าขาวซีด มือที่ถือร่มสั่นระริก โม่ซันซันเห็นเช่นนั้นก็คล้องแขนเข้าพยุงมันไว้ ดูเผินๆ คล้ายบุรุษหนุ่มกับสาวงามกำลังเดินคลอเคลียกัน

    โม่ซันซันเปรยขึ้น

    “กวนไห่แม้จะยังอายุไม่มาก แต่ก็ถูกมหาเถระอาวุโสผู้มีด่านฌานลึกล้ำสุดจะหยั่งทุ่มเทจิตใจอบรมสั่งสอนมานานหลายปี เคล็ดวิชาแนวทางพุทธที่ใช้ออกจึงทรงอานุภาพมีความเป็นเลิศ นับเป็นหนึ่งในยอดผู้ฝึกฌานที่มีอยู่เพียงไม่กี่คนของนิกายพุทธ ท่านวันนี้ไม่ได้ใช้ทั้งธนูยันต์และถุงแพรของเหยียนเซ่อต้าซือ แต่กลับสามารถเอาชนะมันได้ นี่ทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook