• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 3 บทที่ 1

    โหวอิงจื้อก้าวเท้าเหยียบเข้า ‘ซุ้มประตูแปดอักษร’ ที่มุงด้วยกระเบื้องเคลือบ เบื้องหน้าคือลานจัตุรัสขนาดใหญ่ปูแผ่นศิลาเรียบ แลดูกว้างขวางกว่าลานฝึกของเรือนเสวียนเหมินสำนักชิงเฉิงมากนัก

    ฝั่งตรงข้ามของลานกว้างคือตำหนักเจินเซียน เป็นตำหนักหลักของอารามอวี้เจิน ตัวตำหนักสีแดงนั้นตั้งตระหง่านอยู่เหนือแท่นสูง มีราวรั้วเรียงประดับรอบนอกอีกชั้นหนึ่ง หลังคาทรงอู่เตี้ยนทั้งสี่มุมแหงนเชิดงามสง่า รูปแบบและกลิ่นอายไม่ธรรมดาของมันเหนือกว่า ‘โถงกุยหยวน’ ของสำนักชิงเฉิงไกลลิบนัก ใจโหวอิงจื้ออดมิได้ที่จะระส่ำระสายอีกคราหนึ่ง

    ที่นี่…เป็นที่นี่เอง

    แต่ในขณะเดียวกันโหวอิงจื้อกลับรู้สึกแปลกใจ เดิมมันคิดว่าฐานที่มั่นของสำนักอู่ตังที่ปฏิญาณจะครอบครองยุทธภพนั้นคงต้องป้องกันแน่นหนาเป็นแน่ หาได้คาดคิดว่าขึ้นมาจากเส้นทางบูชาเทพขุนเขาจนเข้าสู่ประตูอารามอวี้เจินแล้วก็ยังมิได้พบเจอคนของสำนักอู่ตังสักคนเดียว ในลานจัตุรัสนั้นด้านหน้ามีเพียงคนงานชราไม่กี่คนกำลังทำความสะอาดและมิได้มองมันสักแวบหนึ่ง หากว่าไม่รู้เบื้องหลังยังคิดว่าที่แห่งนี้เป็นเพียงอารามเต๋าทิ้งร้างหลังหนึ่ง

    นักพรตน้อยที่คอยนำทางรูปนั้นคล้ายหวาดกลัวที่แห่งนี้ยิ่ง มันมิได้ตามโหวอิงจื้อเหยียบเข้าประตูตำหนัก เพียงอำลาอยู่ด้านนอกประตูแล้วจากไปอย่างเร่งร้อน

    โหวอิงจื้อไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี มันคิดในใจว่ามิสู้ดึงคนงานสักคนมาลองถามดูจะดีกว่า จึงเหยียบเข้าไปในลานจัตุรัส

    เดินไปบนแผ่นศิลาได้ไม่กี่ก้าว โหวอิงจื้อพลันหยุดเท้าลง

    “โปรดปรากฏกายนำทาง” มันหันไปรอบด้านหนึ่งรอบ ประสานหมัดแสดงมารยาทด้วยความเคารพ มันหารู้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวอยู่ที่ใด แต่แน่ชัดว่าตนเองถูกคนจับตามองตั้งแต่ขึ้นเขามาแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีความรู้สึกประหลาดที่มิอาจพูดออกมาประเภทหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเชื่อมั่นว่าสำนักอู่ตังคงไม่หละหลวมถึงเพียงนี้

    “ข้ารู้นะ” โหวอิงจื้อกล่าวอีก “หากมิใช่เพราะข้าพกกระบี่อู่ตังเล่มนี้เอาไว้ คงจะโลหิตสาดกระเซ็นอยู่บนทางบูชาเทพขุนเขาแล้ว”

    “เจ้าเด็กคนนี้ น่าสนใจ”

    สุ้มเสียงมาจากด้านบน

    โหวอิงจื้อเงยหน้า มองเห็นเงาร่างสวมอาภรณ์สีน้ำตาลเงาหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนกระเบื้องเคลือบของหลังคาประตูตำหนักที่อยู่สูงลิ่ว

    คนผู้นั้นกระโดดลงมาจากหลังคาประตูสูงหลายจั้ง ชั่วขณะที่ขาทั้งสองสัมผัสพื้นยังกระโดดอีกก้าวเล็กๆ พลังที่ตกสู่พื้นนั้นก็สลายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ไร้ซึ่งสุ้มเสียงแม้แต่น้อย วิชายุทธ์นี้มิใช่เป็นเพียงวิชาตัวเบา ’ไต่เมฆา’ ของสำนักอู่ตัง แต่ยังนำเอาการสลายแรงของไท่จี๋มาใช้กับทั้งสองเท้า จึงขจัดแรงได้อย่างไร้รูปเช่นนี้

    คนผู้นี้เรือนร่างผอมสูง แขนขาเรียวยาวผิดปกติ ชวนให้นึกถึงตั๊กแตนตัวหนึ่ง ใบหน้ายาวขาวซีดอย่างยิ่ง คล้ายพบเจอแสงแดดน้อยมาก ประกายเย็นเยือกของดวงตาเล็กเรียวทั้งสองสาดออกรอบด้าน ไหล่ทั้งสองและเอวของมันผูกไว้ด้วยสายคาดหนังฟอก ทุกแห่งล้วนมีฝักหนังห้อยไว้ด้วยกระบี่บินเล็กสั้น แต่ละเล่มยาวเพียงหนึ่งฉื่อกว่ารวมหกเล่ม

    “ข้ามิได้ปรากฏกายเพราะอยากทดสอบเจ้า” บุรุษผู้นี้ยิ้มน้อยๆ กล่าว

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook