• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ บทที่ 2

    เหอจื้อเซิ่งเจ้าสำนักชิงเฉิงคนปัจจุบัน มวยผมและเคราล้วนหงอกขาวกว่าครึ่ง บนใบหน้าหลับตาประหนึ่งเข้าฌาน หากไม่นับเรือนร่างสูงใหญ่ผิดปกติ ยังมีท่านั่งงามสง่าดุจดั่งรูปปั้นพยัคฆ์ทมิฬในท่านั่งย่อตัวนั่น ก็มีหลายส่วนที่เหมือนนักพรตเฒ่าบำเพ็ญเพียรอยู่ในอารามเต๋าโดยแท้จริง

    ผู้ที่นั่งอยู่ข้างเหอจื้อเซิ่งคือซ่งเจินศิษย์น้องของมัน ซ่งเจินผมเผ้าหนวดเคราดกดำ ใบหน้ามันวาว ดูเหมือนอายุสามสิบห้าสามสิบหกปี แต่ความจริงปีนี้อายุสี่สิบเก้าแล้ว อายุน้อยกว่าเหอจื้อเซิ่งสี่ปี แม้จะมิได้เคร่งขรึมดุดันเหมือนเหอจื้อเซิ่ง แต่ใบหน้าชาญฉลาดจัดเจน ดูคล้ายมีความเป็นผู้นำมากกว่าศิษย์พี่เจ้าสำนัก ซ่งเจินคืออาจารย์ฝึกสอนและผู้ดูแลสำนักชิงเฉิงคนปัจจุบัน รับผิดชอบดูแลการฝึกฝนของทั้งสำนักแต่เพียงผู้เดียว

    จางเผิงและเยียนเสี่ยวลิ่วถือกระบี่เทิดเหนือศีรษะ คุกเข่าแสดงความเคารพต่ออาจารย์และอาจารย์อาเป็นอันดับแรก จากนั้นเดินไปยังด้านซ้ายของห้องโถง

    จางเผิงเปิดตู้ติดผนังขนาดใหญ่ออก ด้านในเป็นชั้นไม้สามชั้น กระบี่รูปแบบใกล้เคียงกันสามสิบกว่าเล่มจัดวางไว้อย่างสะเปะสะปะ โกร่งกระบี่รูปแบบต่างๆ ส่องแสงสะท้อนออกมา

    คนทั้งสองแก้ถุงผ้าห่อกระบี่ในมือ นำกระบี่วางไว้บนตำแหน่งว่างเปล่าสองตำแหน่งของชั้นวางในตู้อย่างระมัดระวัง จากนั้นจางเผิงค่อยๆ จึงปิดประตูตู้

    จางเผิงและเยียนเสี่ยวลิ่วต่างไม่มีคุณสมบัติในการพกพากระบี่ล้ำค่าของสำนักชิงเฉิง เพียงเพราะครั้งนี้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้ลงเขา จึงมีโอกาสได้ยืมใช้หนึ่งชั่วยาม

    คนทั้งสองกลับมาอยู่กึ่งกลางห้องโถงอีกครั้ง ยืนก้มศีรษะอยู่เบื้องหน้าอาจารย์ เตรียมตัวรายงานเรื่องราวทั้งหมดจากการลงเขาครานี้

    เหอจื้อเซิ่งลืมตาขึ้น

    ดวงตาพยัคฆ์คู่นั้นของมันแลดูน่าสะพรึง รูม่านตามีสีเทาอ่อนๆ ปรากฏอยู่

    เหอจื้อเซิ่งมองเยียนเสี่ยวลิ่ว มิได้เอ่ยคำ เพียงยกมือขวาโบกใส่มัน บอกเป็นนัยว่าให้มันออกไปก่อน

    มือขวาข้างนั้นไร้ซึ่งนิ้วกลาง

    เดิมทีเยียนเสี่ยวลิ่วเตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะบรรยายประสบการณ์พิชิตศัตรูในครั้งนี้ให้อาจารย์ฟังอย่างไร บัดนี้รู้สึกผิดหวังอย่างเลี่ยงมิได้ แต่มันทำได้เพียงกัดริมฝีปาก ประสานหมัดแสดงการคารวะต่ออาจารย์ อาจารย์อา และศิษย์พี่ แล้วถอยออกไปจากโถงกุยหยวนตามลำพัง

    รอจนหลังจากเยียนเสี่ยวลิ่วออกไป เหอจื้อเซิ่งจึงเอ่ยปากต่อจางเผิงผู้เป็นศิษย์

    “เป็นเช่นไร”

    “จิตใจยังอ่อนโยนอยู่เล็กน้อย” จางเผิงรีบประสานมือตอบคำ “แต่กระบวนท่าทักษะเกินกว่ามาตรฐาน ที่ประเสริฐยิ่งกว่าคือเผชิญหน้ากับศัตรูครั้งแรกกลับลงมือโดยมิได้มีความลังเลหรือเกรงกลัวเลยสักนิด พรสวรรค์เหนือกว่าข้าแน่นอน”

    “คำพูดโอหังประเภทนี้อย่าได้พูดต่อหน้าศิษย์น้องเป็นอันขาด” ซ่งเจินที่อยู่ด้านข้างกล่าวตำหนิ

    จางเผิงรู้ดีว่าพลั้งปาก รีบประสานมือต่ออาจารย์อา “ศิษย์เข้าใจแล้ว คำพูดเหล่านี้ข้าไม่เคยพูดกับศิษย์น้องเยียน”

    “คู่ต่อสู้คือผู้ใด” เหอจื้อเซิ่งถาม ชื่อเสียงแพ้ชนะของสำนักคือสิ่งที่มันพะวงที่สุดเสมอมา

    “โจรภูเขาคนหนึ่ง ฉายานามว่า ‘เฉินดาบปีศาจ’ เพลงดาบเลื่องชื่อในซื่อชวน”

    “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามันไม่มีความลังเลและเกรงกลัว…” เหอจื้อเซิ่งถาม “เช่นนั้นแปลว่าเฉินดาบปีศาจผู้นี้ตายแล้ว?”

    “หามิได้…เป็นศิษย์ที่ยื่นมือ ให้วิถีกระบี่ศิษย์น้องต่ำลง เพียงแทงจนมันบาดจะ…!”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook