หนังสือเอ็นเธอร์
ชนเผ่า ‘นอกด่าน’ ผู้ร้ายตลอดกาลในนวนิยายจีน
เราคงเคยผ่านตาอยู่บ่อยๆ ในนวนิยายจีนที่ผูกเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ ว่าจะมีกลุ่มคนซึ่งมักถูกกำหนดให้เป็นผู้ร้าย บ้างก็เป็นเพียงตัวประกอบ หรือนานๆ ทีก็เป็นผู้ช่วยเหลือของตัวเอก กลุ่มคนเหล่านี้ถ้าไม่ ‘ข้ามด่าน’ มาโจมตีจีน ก็เป็นฝ่ายราชสำนักจีนที่ ‘ข้ามด่าน’ ออกไป ก่อนอื่นคงต้องมาทำความเข้าใจสักนิดว่าอะไรที่เรียกว่า ‘ด่าน’ ขอบเขตของด่านนั้นอยู่ตรงไหน มีอะไรเป็นสัญลักษณ์หรือจุดสังเกต เพราะสมัยโบราณคงไม่มีป้ายประกาศว่าสุดเขตแดนจีนแล้วนะจ๊ะแน่นอน
ขอบคุณภาพจาก http://sns.91ddcc.com/t/75033
ตามความเข้าใจอย่างง่าย ‘ด่าน’ หมายถึง กำแพงหมื่นลี้ หรือกำแพงเมืองจีน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ว่ากันว่าสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ! ตลอดแนวกำแพงหมื่นลี้จะมีป้อมสร้างคั่นเป็นช่วงๆ คนที่อยู่สองฟากของกำแพงมหึมาจะไปมาหาสู่กันก็ต้องผ่านป้อมซึ่งมีการคุ้มกันตรวจตรา หรือก็คือผ่านด่าน โดยด่านสำคัญด้วยเพราะเป็นทางผ่านสู่เส้นทางการค้าขายของจีนโบราณกับเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร ได้แก่ ด่านทางด้านทิศตะวันตกซึ่งควบคุมเส้นทางสายไหม ด่านป้องกันอาณาจักรทางเหนือที่ภูมิประเทศเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์กับทะเลทราย และด่านทางตะวันออกอันเป็นด่านที่อยู่ระหว่างภูเขาสูงกับทะเล การล่วงล้ำด่านของบรรดาชนเผ่าต่างๆ ตามที่มักปรากฏในท้องเรื่องนวนิยายจีน จึงเริ่มจากด้านตะวันตก ลากไปตลอดแนวทางเหนือ จนไปจรดฝั่งตะวันออกซึ่งเปิดออกสู่ทะเลไกล ในสายตาของคนจีนโบราณซึ่งแต่งตั้งตนเป็นเผ่าอารยชนแล้ว พื้นที่นอกด่านเหล่านี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าอนารยชนทั้งหลายนั่นเอง
ขอบคุณภาพจาก http://www.ifuun.com/a20174221844801/
กลับมาว่ากันที่เรื่องของชนเผ่านอกด่านที่มักต้องมารับบท ‘ผู้ร้าย’ ในนวนิยายจีนอยู่บ่อยๆ ที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งก็คงไม่พ้น ‘เผ่าซยงหนู (Xiongnu)’ จะว่าไปพวกเขาควรภูมิใจเพราะถ้าไม่มีการรุกรานจากเผ่าซยงหนู ก็คงไม่มีการก่อสร้างกำแพงหมื่นลี้ในสมัยราชวงศ์ฉินหรอก อันที่จริง ซยงหนู คือชื่อเรียกรวมชนเผ่าเร่ร่อนในแถบทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และทะเลทรายทางชายแดนตอนเหนือของจีนทั้งหมด ไม่ว่าจะเยวี่ยจือ ตงหู เซียง ฉ่วนหรง ทู่เจวี๋ย เซียนเป่ย ฯลฯ ขึ้นกับว่าช่วงไหนกลุ่มใดรวบรวมคนแล้วตีชนะอีกกลุ่ม ก็จะเป็นฝ่ายได้ตั้งชื่อเผ่าไป เหตุที่ชื่อ ซยงหนู เป็นที่รู้จักคุ้นหูก็เพราะมีความเข้มแข็งเกรียงไกรที่สุด และดำรงความแข็งแกร่งไว้ยืนยาวพอที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเองขึ้นมาได้เคียงคู่กับอาณาจักรจีน
ขอบคุณภาพจาก http://hottopic.chinatimes.com/20160304006154-260812
ก่อนจะกลายเป็นจักรวรรดิแห่งดินแดนทุ่งหญ้า ซยงหนูเริ่มต้นจากชนเผ่าเล็กๆ จนกระทั่งถึงยุคสมัยของโม่ตู๋ ผู้นำเผ่าที่ดำเนินนโยบายรบพุ่งผสานผูกพันธมิตรกับเผ่าอื่นๆ ทำให้โค่นพวกตงหูศัตรูหลักซึ่งมีกำลังคนมากกว่าหลายเท่าลงได้ เวลานั้นจีนกำลังติดพันกับสงครามในแดนตัวเอง กว่าจะสำเหนียก ซยงหนูก็ได้ขึ้นมาเป็นหอกใหญ่คอยทิ่มแทงลงมาจากทิศเหนือเสียแล้ว ครั้นคิดจะปราบปรามก็หาใช่ง่าย กลายเป็นฝ่ายโม่ตู๋ที่โต้กลับทัพหลักจากดินแดนภาคกลาง ทำเอาหลิวปัง (จักรพรรดิฮั่นเกาจู่) ที่คุมทัพมาต้องแฝงตัวหลบหนีซมซานกลับไป จนที่สุดแล้วจีนเลยดำเนินนโยบายประนีประนอม ส่งทั้งบรรณาการ สาวงาม และแม้กระทั่งองค์หญิงมาแต่งงาน เชื่อมสัมพันธไมตรีผูกมิตรกันไว้
ขอบคุณภาพจาก http://www.zhaizou.com/lishi/14377.html
จักรวรรดิซยงหนูยืนยงมาหลายสิบปี ลูกหลานแต่ละรุ่นก็มีแผ่วบ้างผงาดบ้าง จวบจนถึงยุคสมัยของจักรพรรดิฮั่นอู่ ภายใต้การนำของแม่ทัพหนุ่มนามฮั่วชวี่ปิ้ง ซยงหนูก็ถึงคราวเป็นฝ่ายถูกตีจนแตกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยดังเดิม ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้อยู่ในภาวะเรียบสงบมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลางต่อมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จึงได้กลับมาผงาดอีกครั้งเมื่อเตมูจินถือกำเนิดขึ้น เขาก็คือเจงกิสข่าน ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมองโกล นำพาทัพขยายดินแดนถึงแผ่นดินยุโรป ได้รับยกย่องว่าเป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดในโลก เหนือกว่าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งอาณาจักรกรีกโบราณ เหนือกว่าจูเลียส ซีซาร์แห่งอาณาจักรโรมัน และเหนือกว่านโปเลียน โบนาปาร์ตด้วยซ้ำไป
ขอบคุณภาพจาก http://history.bjinnovate.com/archives/115074.html
ในโลกของนวนิยายจีนหลายๆ เรื่อง ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้อาจเป็นได้แค่ผู้ร้ายไม่ก็ตัวประกอบ แต่ถ้าอยากรู้จักพวกเขาในมุมมองใหม่ โดยเฉพาะเผ่าซยงหนูของข่านโม่ตู๋ ก็ลองหยิบหา ‘ซยงหนู ทัณฑ์สวรรค์ อาถรรพ์ต้องสาป’ มาอ่านดู นอกจากเรื่องราวการผจญภัยสุดมหัศจรรย์ของกลุ่มตัวเอกที่จะพาให้ทุกคนอึ้ง ทึ่ง เสียวแล้ว ก็ยังจะได้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ประดับสมอง รวมถึงบางสิ่ง...ซึ่งประวัติศาสตร์ไม่มีบันทึกไว้อีกด้วย!