• Connect with us

    Enter Books

    ครึ่งปีศาจซือเถิง

    ทดลองอ่านนิยาย ครึ่งปีศาจซือเถิง เล่ม 1 บทนำ

    บทนำ

     

    เซี่ยงไฮ้ กรกฎาคม 1937

    หลายวันนี้เรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูทั่วทุกหัวระแหงคงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ 7 กรกฎาคม ไม่ว่าคุณจะเป็นพวกพกไม้เท้ามีอารยะหรือคนลากรถ คนในงานเต้นรำที่โรงแรมพาราเมานต์หรือผีพนันวางเดิมพันในสนามแข่งม้า ทุกคนต่างทุ่มเถียงกันหน้าแดงคอเป็นเอ็นน้ำลายกระเซ็นเป็นฟอง แต่ละคนกลายเป็นนักการเมืองและทหารชั้นสูงที่มองสถานการณ์ในประเทศได้ชัดเจน

    กรรมกรอย่างจย่าซานก็เช่นกัน

    เห็นอยู่ว่าเขาไม่รู้หนังสือสักตัว เมื่อก่อนพอเห็นตำรวจก็รีบแจ้นไปเลียแข้งเลียขาด้วยความนอบน้อมประหนึ่งเห็นพวกฝรั่ง ขนาดว่าเมืองเป่ยผิง อยู่ด้านนี้หรือด้านนั้นของแม่น้ำหวงปู้ก็ยังไม่แน่ใจ ทว่าหลายวันนี้จู่ๆ เขาก็พูดถึงสถานการณ์การเมืองระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอย่างเต็มปากเต็มคำ ทุกคนล้วนเดาว่าสองวันนี้เขาคงลากรถให้อาจารย์สอนหนังสือหรือนักศึกษารักชาติมามาก ได้ฟังเขามากระผีกเดียวก็เอามาโอ้อวดต่อหน้าสหาย

    เย็นวันนี้ฝนตกหนัก น้ำบนถนนเจิ่งนองถึงข้อเท้า กรรมกรหลายคนต่างหยุดลากรถและไปเจาะเท้า ที่ร้านหยางโจวเจ้าประจำ จย่าซานเพิ่งจะปลดช้อนรองเท้าออกก็ไปถกหน้าดำหน้าแดงกับคนอื่นแล้ว

    กรรมกรคนหนึ่งเล่าว่าเมื่อกลางวันเขาลากรถให้ลูกค้า ฟังจากที่ลูกค้าคนนั้นพูดคือคนญี่ปุ่นจ้องจะตะครุบเซี่ยงไฮ้เหมือนกัน

    เรื่องนี้ร้ายแรงมาก ถึงหนังสือพิมพ์จะบอกว่าเหตุการณ์ 7 กรกฎาคมสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก แต่เดิมทีปากปืนกระบอกนั้นก็จ่ออยู่ทางตอนเหนือ ทางใต้ไม่เคยได้ยินกระทั่งเสียง ทว่าตอนนี้กลับตกเป็นเป้าซะเอง!

    ด้วยเหตุนี้จย่าซานจึงออกมาทำตัวเป็นโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีอีกครั้ง ท่าทางเขาคล้ายกับว่าประธานคณะกรรมการเจียงเพิ่งโทรศัพท์หาเขาเมื่อวาน

    “คนญี่ปุ่นบุกเซี่ยงไฮ้? ต่อให้เอ็งใช้หัวแม่เท้าคิดก็ไม่มีทางเป็นไปได้!”

    “พวกที่อยู่ในเขตเช่าเซี่ยงไฮ้ล้วนเป็นพวกฝรั่ง! ทั้งฝาหรั่งเสด อาเมอริกา เจอรมัน (ฝรั่งเศส อเมริกา เยอรมัน) เอ็งลองไปถามกษัตริย์พวกเขาดูสิว่าเห็นด้วยมั้ย!”

    “เซี่ยงไฮ้อยู่ใกล้กับเมืองจินหลิงขนาดนั้น ประธานคณะกรรมการอยู่ที่ทำเนียบประธานาธิบดีจะปล่อยให้เขาบุกรึ”

    “มาดามซุนก็อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ มาดามซุนเป็นใคร นั่นน่ะคือพี่รองของมาดามเจียง! มาดามเจียงจะเห็นด้วยกับการบุกเซี่ยงไฮ้เรอะ มันไม่เหมือนกับเป่ยผิง ประธานคณะกรรมการไม่มีญาติอยู่เป่ยผิง จะบุกก็บุกไป…”

    สุดท้ายจย่าซานก็เถียงจนได้เหล้าหนึ่งมื้อ เขาดื่มไปครึ่งท้อง หลังฝนหยุดก็เดินตุปัดตุเป๋ลากรถจากไป แม้เดินซวนเซก็ยังไม่วายพ่นกลิ่นเหล้ากล่าววาจาดุดันว่า “ประเทศญี่ปุ่นน่ะ ข้าผายลมทีเดียวก็ถล่มมันปลิวได้แล้ว…”

    จย่าซานมีนิสัยเสียอยู่อย่างคือเมื่อดื่มเหล้าก็จะหลงทิศ เจอทางแยกก็จะเลี้ยวขวาโดยไม่แยกเหนือใต้ออกตก ยิ่งดื่มหนักก็ยิ่งคึกคักลิงโลด ไม่ต่างจากที่พวกผู้หญิงชอบพูดว่าดื่มเหล้าหนึ่งไหก็ลากรถลงแม่น้ำฉินไหวได้

    แม้สมองมึนเบลอ แต่เขาก็ยังจำได้เลือนรางว่าตนเองเดินตากลมเลียบไปตามแม่น้ำหวงผู่ รถลากสั่นคล้ายจะแยกเป็นชิ้นๆ จากนั้นใต้เท้าก็เหมือนว่างเปล่า เขาล้มลงหลับไป

    จย่าซานตื่นขึ้นมาหลังเที่ยงคืน อากาศยามราตรีของเดือนกรกฎาคมยังคงหนาวเหน็บ หน้าท้องเขาถูกสายลมเย็นยะเยือกพัดใส่ ยังไม่ทันลืมตา จมูกก็ได้กลิ่นผ้าขึ้นราแล้ว เขาลอบด่าตัวเอง

    เวรเอ๊ย ครั้งนี้ดื่มมากไป เดินมาถึงโรงงานทอผ้าหวาเหม่ยที่เจ๊งไปแล้วได้ยังไงกันเนี่ย

    เรื่องโรงงานที่คนจีนเปิดล้มละลายไม่ใช่เรื่องใหม่ ใครใช้ให้สินค้าของชาวต่างชาติถูกและใช้ดีกันล่ะ

    เนื่องจากยังไม่สร่างเมา สายตาจึงพร่ามัวเล็กน้อย จย่าซานหาวหวอดพลางหรี่ตามองฐานกำแพงตรงมุมที่ไกลออกไป แสงจันทร์สว่างแจ่มจ้า คล้ายจะฉาบแสงลงบนเงาบนพื้น หญิงสาวคนหนึ่งเลี้ยวผ่านหัวมุมไป…

    ผู้หญิง?

    จย่าซานตอบสนองทันที เขากระเด้งตัวขึ้นนั่ง ขยี้ตามองไปทางด้านนั้นอีกครั้ง

    สงบนิ่ง เงียบสงัด

    หรือจะตาฝาด

    ไม่มีทาง ตรงนั้นต้องมีผู้หญิงผ่านไปแน่ รองเท้าส้นสูงที่ไม่ต่ำกว่าสามนิ้ว ส้นเรียวแหลม หัวรองเท้าฝังไข่มุก มันสั่นริกๆ เป็นมันเงาวาววับ จย่าซานเคยได้ยินคนบอกว่าตอนมาดามเจียงซ่งเหม่ยหลิงออกเรือน บนรองเท้าส้นสูงปักไข่มุกซึ่งขโมยมาจากโลงพระศพของซูสีไทเฮาเอาไว้ หลังจากนั้นเหล่าคุณนายเซี่ยงไฮ้ทั้งหลายต่างก็เอาตามเยี่ยงอย่าง รองเท้าหนึ่งคู่ประดับไข่มุกวิบวับแวววาว เทียบได้กับข้าวปลาของครอบครัวยากจนครึ่งปีเลยทีเดียว

    ยังมีเท้าสีขาวผ่อง น่องเรียวบอบบาง ชายของกี่เพ้าสะบัดอยู่ตรงขา ส่วนที่เป็นลายปักค่อนข้างมืด มองเห็นไม่ชัดในเวลากลางคืน รู้เพียงว่าลวดลายซับซ้อนมากตามแบบของตระกูลมีฐานะ

    ส่วนที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเขาไม่ได้มอง ใครใช้ให้ตอนนั้นเขานอนอยู่กันเล่า ตอนเห็นท่อนขาเนียนละเอียดดุจหยกแวบผ่านมุมกำแพงไปเขายังไม่ได้สติกลับมาเลย

    หลังคิดทบทวนหน้าหลังโดยละเอียด จย่าซานก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองเก็บเพชรเม็ดงามได้

    ตัวเขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ แต่เคยฟังอยู่หลายครั้งว่าอนุภรรยาของตระกูลร่ำรวยจำนวนมากล้วนอ้างว้างเปลี่ยวเหงาจึงมีชู้อยู่ด้านนอก โรงแรมในเมืองมีหูตามากมายไม่สะดวกนัดพบ บางคนที่ใจกล้าก็จะวิ่งมายังโรงงานหรือบ้านร้างในเขตชานเมืองเช่นนี้

    ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนสอนเขาว่าหากเจอเรื่องแบบนี้อย่าไปทำให้เป็ดแมนดารินป่าตื่นตกใจ เวลาที่ฝ่ายชายอยู่ด้วยนั้นไม่สะดวกลงมือ ทางที่ดีให้จับตามองฝ่ายหญิงไว้ รอตอนเธออยู่คนเดียวค่อยตีให้สลบ แล้วแกก็รูดเอาต่างหูทองกำไลหยกบนตัวพวกนั้นไปได้ตามใจชอบ ดั่งลาภตกจากฟ้า ม้าได้หญ้ายามดึก หากใจกล้ามากพอจะลองลิ้มชิมรสชาติสดใหม่ของอนุภรรยาดูก็ได้…ผู้หญิงเหล่านี้ทำเรื่องไม่ดีไม่งาม ต่อให้ถูกเอาเปรียบก็ไม่กล้าป่าวประกาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังมืดมิดไร้แสงไฟ เธอจะรู้หน้าค่าตาแกได้อย่างไร

    จย่าซานตัดสินใจลองหยั่งเบื้องหลังดูก่อน หากหาเรื่องได้ก็จะถือโอกาสตักตวง แต่ถ้าเกิดเป็นพวกรับมือยากก็อย่าไปยั่วโมโหดีกว่า…

    ลาภลอยมีค่าจริงอยู่ แต่ค่าของชีวิตสูงค่ากว่านั้น

    อันดับแรกเขาเดินวนไปรอบๆ หลังยืนยันว่าไม่ใช่ลูกพี่ใหญ่ของแก๊งออกมาหาชู้รักก็มั่นใจแปดส่วนว่าผู้ชายที่อยู่ด้านในเป็นไอ้หนุ่มหน้าขาวเกาะผู้หญิงกิน…สถานที่ห่างไกลเช่นนี้ ด้านนอกกลับไม่เห็นมีรถยนต์สันดาปน้ำมัน เจ้ายาจก!

    ไม่มีกระทั่งรถลากดำ อนุภรรยาผู้นี้ก็ช่างเหลือเกินจริงๆ ไม่กล้าใช้รถที่บ้าน แล้วยังทนย่ำส้นสูงคู่นั้นมาได้

    จย่าซานพอมั่นใจอยู่บ้างจึงกล้ามากขึ้น เขาเปลี่ยนใจเดินเลี้ยวผ่านมุมกำแพงไปช้าๆ

    ในเขตโรงงานเงียบสงัดอย่างยิ่ง แกนสาวไหมขึ้นรากองอยู่ตรงมุมกำแพงที่เปิดโล่ง ประตูหน้าของโรงงานมีโซ่เหล็กพันรอบและแขวนแม่กุญแจไว้ เธอน่าจะไม่ได้อยู่ในโรงงาน…แปลกเกินไปแล้ว เขาไล่มองโกดังที่มีของกองพะเนินไปทีละจุดแต่กลับไม่เห็นแม้เงา นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย เขาไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปทางเดิม ทางเข้าออกมีแค่ทางเดียว ตรงประตูหลังรอบด้านล้วนขึงตาข่ายเหล็กกันขโมยเอาไว้ หรืออนุภรรยาคนงามจะปีนข้ามไปได้?

    จย่าซานร้อนใจกระวนกระวาย เหงื่อแตกซิก เขายืนอยู่หน้าประตูโรงงาน มือหนึ่งเท้าเอวอีกมือพัดโบกลม เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สองอย่างคือตาฝาด หรือไม่ก็เจอผีเข้าแล้ว

    คิดซะว่าตาฝาดแล้วกัน คงตาฝาดนั่นแหละ ผู้หญิงของเขาว่าได้ไม่ผิดเลย เหล้าลงท้องไปไม่มีอะไรดี จย่าซานหน้าม่อยคอตก หย่อนก้นนั่งลงพิงประตู

    แอ๊ด…ประตูเปิดออกแล้ว

    บานพับประตูลั่นเอี๊ยดอ๊าด บานประตูทั้งสองด้านเปิดอ้าอย่างเชื่องช้าและหนักอึ้ง แสงไฟอบอุ่นสีเหลืองสลัวแผ่คลุมออกมานอกประตู ครอบจย่าซานไว้ในเงาสีแดงก่ำพอดิบพอดี

    จย่าซานนั่งลูกกระเดือกแข็งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับตัว กระทั่งตายังไม่กล้ากะพริบ เขาไม่ใช่เด็กสามขวบ เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ผิดปกติแค่นิดหน่อย แต่ผิดปกติเอามากๆ

    ด้านนอกประตูคล้องโซ่เหล็กไว้หลายเส้นและแขวนแม่กุญแจไว้ แค่เขานั่งพิงเบาๆ จะเปิดออกได้อย่างไร

    ประตูสองบานนี้อย่างน้อยก็หนักห้าสิบกิโลกรัม ลำพังแค่ฟังเสียงเอี๊ยดอ๊าดก็รู้แล้วว่าใช้แรงอย่างมากจึงจะเปิดออก แล้วมันจะเปิดเข้าไปด้านในเองได้ยังไงกัน ถ้าบอกว่ามีคนดึงประตูอยู่ด้านหลัง อย่างนั้นทำไมถึงไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหอบแฮก

    ทว่าในโรงงานมีดวงไฟ อย่างไรก็ต้องมีเงาเล็ดลอดออกมาตรงช่องบ้าง เมื่อครู่นี้ทำไมเขาถึงไม่เห็นร่องรอยตรงนอกประตูเลยสักนิด

    หลังจย่าซานตัวแข็งทื่ออยู่ครู่ใหญ่ก็หันไปแบบหวาดหวั่น หากเป็นหายนะย่อมหลบไม่พ้น อีกอย่างในใจเขายังหวังว่าจะโชคดีอยู่สามส่วน ตัวเขาเป็นคนลากรถ เหตุการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ไม่น่ามุ่งมาที่เขา

    โรงงานขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยสีแดงเข้มสลัวๆ ในสายตาอันพร่ามัว คล้ายมีใครบางคน…

    จย่าซานกลืนน้ำลาย ก้าวไปด้านในหลายก้าว…

    ในที่สุดก็มองเห็นชัดเจน ผู้หญิงคนหนึ่งถูกมัดข้อเท้าแขวนกลับหัว เส้นผมปล่อยสยายระลงมาเหนือพื้น บนพื้นคือเลือดสีแดงคล้ำซึ่งแผ่วงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และระหว่างปลายเส้นผมซึ่งตกห้อยลงมากับพื้น เขามองเห็นรองเท้าส้นสูงผ้าซาตินคู่หนึ่ง

    หัวรองเท้าแหลมเล็ก ด้านบนฝังไข่มุกสีชมพูหนึ่งเม็ด เรียวเท้าขาวผุดผ่องดุจหิมะ น่องกลมกลึงมีน้ำมีนวล ถัดขึ้นไปอีกคือกระโปรงกี่เพ้าปัดเฉียง ปักลวดลายไม้เถาสีสันสดใสกระหวัดพัวพัน สื่อนัยถึงการมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง

    มีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้านหลังศพผู้หญิงที่ถูกแขวน

    จย่าซานตะลึงไป เขามีชีวิตอยู่มาสามสิบกว่าปี ‘อาจารย์ที่ปรึกษา’ ในชีวิตนับไม่ถ้วนต่างสอนเขาเรื่องการหลอกลวงต้มตุ๋นเอาอกเอาใจ แต่ไม่เคยมีใครชี้แนะเขาว่าหากเจอสถานการณ์เช่นนี้ควรรับมืออย่างไร

    หากเวลานี้ด้านข้างมีนาฬิกาตั้งพื้นตั้งอยู่เรือนหนึ่ง เข็มสั้นยาวทั้งสามคงไม่ขยับ ทั้งเข็มและโลกอันสับสนวุ่นวายพร้อมใจกันหยุดนิ่ง เฝ้าคอยอะไรบางอย่างมาทำลายสถานการณ์ชะงักงันนี้ลง…

    สิ่งที่ทำลายสถานการณ์หยุดชะงักคือเสียงสวบๆ ประหลาดสองครั้ง วัตถุแหลมหนาเท่าท่อนแขนซึ่งไม่รู้ว่าเป็นวัสดุใดแทงทะลุซี่โครงศพผู้หญิงห้อยกลับหัว ร่างไร้วิญญาณแกว่งไกวอยู่กลางอากาศสองสามครั้ง โลหิตสีแดงคล้ำสะท้อนเป็นสีดำไหลรินจากปากแผล ซึมเปียกเสื้อผ้า ไหลผ่านลำคอ แทรกซึมสู่เส้นผมยาวซึ่งเปียกชื้นเป็นสังกะตังอย่างแช่มช้า แรกเริ่มเพียงหยดติ๋งๆ หลังจากนั้นก็รวมเป็นแอ่งขนาดใหญ่บนพื้นประหนึ่งลำธารสายเล็ก

    จย่าซานร้องลั่นด้วยความหวาดผวาแล้วหันหน้าวิ่งหนี นอกประตูอาบย้อมด้วยสีสันแห่งรัตติกาล ดวงจันทร์สว่างลอยสูง อีกไม่กี่ก้าวเขาจะหลบหนีไปจากที่นี่ได้ แต่บานประตูทั้งสองก็พลันปิดปังเสียงดังสนั่น

    การกระแทกปิดอย่างรุนแรงของประตูก่อให้เกิดสายลมเย็นยะเยือกหอบใหญ่จนกล้ามเนื้อบนใบหน้าจย่าซานสั่นดังกึก

    รอบด้านเงียบกริบลง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ในความเงียบสงัดประหนึ่งความตาย เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้น

    กึก กึก กึก

     

    วันที่ 13 สิงหาคม ปี 1937 สงครามในเซี่ยงไฮ้ได้ปะทุขึ้น โรงงานทอผ้าหวาเหม่ยถูกระเบิดทางอากาศของทหารญี่ปุ่นกวาดราบเป็นหน้ากลอง

    ปลายเดือนเมษายน ปี 1949 แนวป้องกันที่แม่น้ำแยงซีของกองทัพก๊กมินตั๋งถูกตีแตก ระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมกองทัพปลดแอกเริ่มบุกโจมตีแต่ละเขตของเซี่ยงไฮ้อย่างเชื่องช้าและครั้งหนึ่งได้ตั้งค่ายรุกและป้องกันบนซากโรงงานทอผ้าหวาเหม่ย

    กาลเวลาล่วงเลย วันคืนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ที่ตั้งเก่าของโรงงานทอผ้าหวาเหม่ยเคยสร้างเป็นโรงเรียน สนามกีฬา และร้านค้า จนกระทั่งถึงปี 2013 สถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นถนนและสวนสาธารณะซึ่งโอบล้อมด้วยเขตอยู่อาศัยมากมาย มักพบเห็นวันหมอกลงในช่วงเดือนธันวาคม ดัชนีค่า PM 2.5 สูงทะลุมาตรวัด แม้นักวิชาการจะบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสภาพอากาศเช่นนี้ไม่ควรจะออกจากบ้านและเปิดหน้าต่างให้น้อย กระนั้นเหล่าคุณตาคุณยายผู้รักการออกกำลังกายยามเช้าก็ยังคงสวมหน้ากากกรองฝุ่นควันออกมาทำท่ากระเรียนสยายปีก ต่อด้วยท่าม้าป่าแบ่งผม ตรงที่ว่างในสวนสาธารณะกันอย่างคึกคัก

     

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในฤดูหนาวของปี 2013

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ครึ่งปีศาจซือเถิง

    นิยายยอดนิยม

    Uncategorized

    สุดมันกับนิยายเรื่องใหม่ เล่มต่อ และเล่มจบ ที่ทุกท่านรอคอย… บูธ ENTER BOOKS Q02

    บูธ ENTER BOOKS Q02 งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 21 ณ ฮอลล์ 5-7 ชั้น LG ศูนย...

    Facebook