สามารถอ่านบทก่อนหน้าได้ที่ >> บทที่ 3-4
บทที่ 5 ผู้รับใช้โม่ตู๋กับรอยสักหัวหมาป่า
ทันทีที่ต่อโทรศัพท์มือถือเข้าเน็ต ข้อความแจ้งเตือนอีเมลเข้าก็เด้งขึ้น อีเมลจากผู้รับใช้โม่ตู๋
‘พวกเราคือผู้พิทักษ์ท่านข่าน ต้องการก็เพียงแค่ให้คุณคืนดาบพกประจำกายท่านข่านมาเท่านั้น’
อีเมลฉบับนี้ส่งมาเมื่อครึ่งนาทีก่อน นับจากผมส่งอีเมลออกไปจนถึงตอนนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ผมออนไลน์ นี่ยังกับว่าอีกฝ่ายล่วงรู้ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของผมเป็นอย่างดี ผมรีบถามกลับว่าเขายังออนไลน์อยู่หรือเปล่า ผู้รับใช้โม่ตู๋ตอบกลับมาสั้นๆ ง่ายๆ แค่เพียง…
‘ยังอยู่’
ผมนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางกับดักเล็กๆ ไว้ในอีเมล
‘ของที่คุณต้องการถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน กระจายอยู่ในมือเพื่อนๆ ของผม สองคนถูกฆ่าตายไปแล้ว ส่วนที่แบ่งให้พวกเขาไปไม่รู้ว่าตอนนี้ตกอยู่ในมือใคร ดาบพกเลยไม่สมบูรณ์เหมือนตอนแรก และผมเองก็จนปัญญาที่จะไปติดตามเอาสองส่วนที่หายไปนั้นกลับมา ส่วนอีกส่วนหนึ่งที่อยู่กับเพื่อนอีกคนของผมก็มีคนรับซื้อไปแล้ว นั่นก็แปลว่าทั้งสามส่วนตกอยู่ในมือของคนที่ผมไม่รู้จักสองกลุ่ม ต่อให้ผมมีใจอยากคืนให้คุณ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน พวกคุณมีหนทางอะไรบ้างหรือเปล่า’
อีกฝ่ายตอบกลับรวดเร็ว
‘ของทั้งหมดล้วนอยู่ในมือผม’
ทันทีที่ได้อ่านผมก็อดแอบนึกยินดีไม่ได้ อีกฝ่ายตกหลุมพรางยอมรับว่า ‘คนที่รับซื้อ’ กับ ‘ฆาตกร’ คือคนคนเดียวกัน ในใจเริ่มดีดรางลูกคิด อีกเดี๋ยวให้ตำรวจไปจับตัวเฒ่าเสิ่นไว้ สอบถามให้รู้ว่าคนที่เขาเรียกว่าลูกค้านั้นเป็นใครมาจากไหน ถึงตอนนั้นฆาตกรเองก็ย่อมต้องโผล่หัวออกมาให้พวกเราได้เห็น
ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาหรือเป็นผู้พิทักษ์ท่านข่านอะไรนั่น ยังไงก็ต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนให้ผมได้รู้ นอกจากนี้ยิ่งเรื่องเริ่มกระจ่างมากขึ้นเท่าใด ทางตำรวจยิ่งต้องเชื่อในคำพูดของผมมากขึ้นเท่านั้น และหันมายืนอยู่ข้างผม เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่แน่ว่าบางทีอาจมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นก็เป็นได้
ยังไม่ทันที่ผมจะเรียบเรียงความคิดเสร็จสรรพ อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอีกประโยค
‘ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป แนะนำให้ลองเปิดอ่านเวยปั๋วของตัวเองดูก่อน ผมเชื่อว่าคุณต้องเปลี่ยนใจ’
ผมเปลี่ยนไปยังหน้าเวยปั๋ว ยูเซอร์เนมผู้รับใช้โม่ตู๋ส่งข้อความหนึ่งให้ผม คล้ายกับเป็นข่าวด่วนอะไรสักอย่าง
‘หน้าสถานีรถโดยสารประจำเมือง เจ้าของรถโฟล์กสวาเกนเจ็ตตาตายด้วยเครื่องทุ่มหินยุคโบราณ
รายงานข่าวแจ้งว่าวันนี้ เวลาตีสี่สามสิบเจ็ดนาที รถโฟล์กสวาเกนเจ็ตตาสีเทาคันหนึ่ง ขณะขับไปถึงยังหน้าสถานีรถโดยสารประจำทางที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จู่ๆ ก็ถูกหินขนาดใหญ่ความยาวประมาณหนึ่งเมตรหล่นใส่ เจ้าของรถเสียชีวิตทันที ทันทีที่ได้รับแจ้งข่าว สำนักข่าวของเราก็รีบส่งนักข่าวไปยังสถานที่เกิดเหตุ ต่อมาทางตำรวจได้แจ้งว่าห่างจากที่เกิดเหตุไปประมาณสามสิบเมตร ทางด้านล่างของอาคารที่กำลังมีการก่อสร้างมีเครื่องทุ่มหินทำจากไม้ขนาดใหญ่เครื่องหนึ่งตั้งอยู่ โครงสร้างของเครื่องทุ่มหินนี้นับได้ว่ามีความละเอียดมาก จากการวินิจฉัยของผู้เชี่ยวชาญในขั้นต้นพบว่า เมื่อพิจารณาดูจากวิธีสร้างไปจนถึงลวดลายแกะสลักด้านบน เครื่องทุ่มหินชนิดนี้น่าจะเป็นอาวุธสงครามเมื่อสองพันกว่าปีก่อนของพวกชนกลุ่มน้อยทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากข่าวสารที่ได้จากทางตำรวจ ผู้ตายแซ่เสิ่น เป็นพนักงานของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น ขณะนี้ทางตำรวจกำลังหาทางติดต่อกับคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยู่’