ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นาโนมาชิน 1 ครั้งที่ 5
บทที่ 4
การทดสอบขั้นที่หนึ่งง่ายดายนัก (2)
ก่อนหน้านี้ชอนยออุนเต็มไปด้วยความประหม่าเมื่อได้รู้ว่าต้องทดสอบกำลังภายใน แต่เพราะนาโนช่วยตรวจจับอันตรายและสกัดกั้นเสียงให้ผู้ใช้งาน เขาจึงผ่านวิกฤตมาได้
แน่นอนว่าเขาอยู่บริเวณทางเข้าของลานฝึกใหญ่ ระยะทางจึงค่อนข้างไกล แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงพิณ
เจ้าทำให้ข้าไม่ได้ยินเสียงรึ
[คลื่นเสียงที่ออกมาจากการบรรเลงพิณทำให้เกิดคลื่นความถี่ต่ำและคลื่นความถี่สูงซึ่งเป็นอันตรายต่อนายท่าน ฉันจึงหยุดการทำงานของอวัยวะที่รับเสียงชั่วคราว]
แล้วข้าได้ยินเสียงเจ้าได้อย่างไร
[เพราะส่งข้อมูลไปยังสมองโดยตรง]
ยาก…ยากจริงๆ
ไม่ว่าจะอย่างไรคำพูดของนาโนก็ยากจะเข้าใจ
ตอนนี้เด็กหนุ่มสาวในลานฝึกใหญ่เกินกว่าครึ่งต่างล้มลงไปนอนหมดสติอยู่บนพื้น ส่วนใหญ่น้ำลายฟูมปาก บางคนมีเลือดไหลออกมาทางปากราวกับบาดเจ็บภายใน
แปลบ!
แม้จะปิดกั้นเสียงเอาไว้ แต่การมองเห็นไม่ได้ถูกปิดกั้นไปด้วย ดังนั้นชอนยออุนจึงไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกถึงสายตาเฉียบคมที่จ้องมองมาทางตน
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
นิ้วของผู้อาวุโสห้าที่บรรเลงเพลงพิณอันแสนไพเราะแต่กลับแฝงไปด้วยกำลังภายในขยับเร็วขึ้นกว่าช่วงแรก ระดับความรุนแรงค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่องครักษ์เบื้องซ้ายอีฮวามยองซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับขมวดคิ้ว และเขารู้ดีว่าเหตุใดนางจึงวู่วามเช่นนี้
รู้สินะว่าเจ้านั่นไม่มีกำลังภายใน
อีฮวามยองรู้สึกว่าสถานการณ์นี้ช่างน่าสนใจทีเดียว เพราะคำสาบานในอดีตที่ให้ไว้กับพรรคทั้งหก ชอนยออุนจึงไม่อาจฝึกกำลังภายในได้ แต่ในตอนนี้เขากลับยืนนิ่งทนเสียงพิณพิฆาตได้อย่างน่าทึ่ง ในขณะที่เด็กคนอื่นรายรอบกำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย! หูเจ้ามีเลือดออก!”
“เจ้าเองก็เหมือนกัน!”
ตอนนี้เด็กหนุ่มสาวบางคนที่ยังฝืนทนอยู่กำลังจะได้ลิ้มรสความตายแม้พวกเขาจะมีกำลังภายในก็ตาม
ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของฮังโซยู นางจึงบรรเลงพิณโดยอัดกำลังภายในเข้าไปมากขึ้นกว่าที่เคยวางแผนไว้ ดังนั้นแม้แต่เด็กที่มีกำลังภายในไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีก็เริ่มจะทนไม่ไหวเช่นกัน
ทำไมผู้นำพรรคมารเสียงจึงทำรุนแรงเช่นนี้
อย่างน้อยเหล่าผู้สืบทอดตำแหน่งรองประมุขจากหกพรรคที่มีกำลังภายในมากกว่าสามสิบปีก็ยังคงยืนหยัดทนต่อเสียงพิณพิฆาตจากพิณของนางได้อย่างสบายๆ แต่ชอนมูกึมก็ยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดใบหน้าของนางจึงบูดบึ้งและน่ากลัวเช่นนั้น แม้ตอนนี้เขากำลังปกป้องร่างกายด้วยกำลังภายใน จึงไม่ควรหันหน้าไปจากผู้อาวุโสห้าและองครักษ์เบื้องซ้ายที่อยู่ตรงหน้า แต่สุดท้ายเขาก็หันไปมองข้างหลังอย่างอดไม่ไหว
อ๊ะ
เขาเกือบจะหลุดปากออกไปโดยไม่รู้ตัว
เจ้านั่นทนได้อย่างไรกัน
ชอนยออุนกำลังยืนนิ่งๆ โดยไม่สะทกสะท้าน แม้แต่ชอนมูกึมที่ได้รับโอสถอายุวัฒนะมาทุกขนานจนมีกำลังภายในถึงสามสิบปีก็ยังระคายหู แต่เหตุใดชอนยออุนถึงได้มีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินอะไร
มะ…มะ…มันมีกำลังภายใน!
โชคดีที่ชอนมูกึมเพียงก่นด่าในใจไม่ได้หลุดปากออกมา ชอนยออุนที่เคยให้คำสาบานต่อหน้าฮูหยินฮวาว่าจะไม่ฝึกกำลังภายในตอนนี้กลับทนต่อเสียงพิณพิฆาตของฮังโซยูผู้นำพรรคมารเสียงได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าชอนยออุนจะต้องเคยฝึกกำลังภายในอย่างแน่นอน
อะไรกัน
เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น
ชอนจงซอมแห่งพรรคมารพิษผู้อยู่ลำดับที่สี่และชอนวอนรยอแห่งพรรคมารเสียงผู้อยู่ลำดับที่หกก็รู้สึกถึงความแปลก และในที่สุดทั้งสองก็พ่ายแพ้ต่อความสงสัย จึงหันไปพูดกับชอนมูกึมที่ใบหน้ากำลังแดงและร้อนผ่าว
“เป็นไปได้อย่างไร”
“เหตุใดคนที่ไม่มีกำลังภายในจึงดูเป็นปกติเช่นนั้น”
สีหน้าของทั้งสองที่เต็มไปด้วยความร้อนใจและความสงสัยนั้นบูดบึ้งไม่ต่างจากชอนมูกึม ชอนยออุนที่ควรล้มลงไปกองกับพื้นตั้งนานแล้วกลับดูเป็นปกติยิ่งกว่าพวกตนเสียอีก เป็นเรื่องน่าประหลาดมาก
นาโน ถ้าข้ามองไม่ผิด สีหน้าของเจ้าพวกนั้นกับผู้อาวุโสห้าที่กำลังดีดพิณกำลังโกรธอยู่ใช่ไหม
[วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าพบว่าเป็นกล้ามเนื้อใบหน้าที่แสดงถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ ตกใจ หงุดหงิด และโกรธ]
ต่อให้ไม่ต้องวิเคราะห์ชอนยออุนก็พอจะเห็นถึงความเป็นศัตรูที่มีต่อตนได้อย่างชัดเจน แต่เพราะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยไม่แน่ใจ แม้ตนจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ แต่ชอนยออุนก็พอจะสังหรณ์ใจได้ว่าคนพวกนั้นน่าจะโกรธอยู่
พวกนั้นคงคิดว่าคนไม่มีกำลังภายในอย่างข้ากลับอดทนได้ขนาดนี้และรู้สึกเหมือนถูกหยามแน่ๆ
หากเป็นเช่นนี้ต่อให้ผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งไปแล้วก็จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน ชอนยออุนเคยให้คำสาบานต่อหน้ามารดาและฮูหยินของพรรคทั้งหกว่าจะไม่ฝึกกำลังภายในจนกว่าจะได้เข้าสำนักมาร
นาโน เจ้าทำให้ข้าช้ำในได้ไหม
[ช้ำในหมายถึงการทำให้อวัยวะภายในเกิดบาดแผลใช่หรือไม่]
ทำได้หรือไม่ได้
[นาโนแมชชีนที่อยู่ในร่างกายสามารถทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับอวัยวะภายในได้ แต่ข้าไม่แนะนำให้สร้างความเสียหายกับร่างกายโดยเจตนา]
ทำได้ด้วยรึ เช่นนั้นพอการบรรเลงพิณจบเจ้าช่วยทำให้ข้าช้ำในจนกระอักเลือดออกมาทางปากหน่อยสิ
[หมายถึงเลือดออกมาจากปากเนื่องจากร่างกายภายในเสียหายใช่หรือไม่]
ใช่!
ตอนนี้เขากำลังทำให้คนพวกนั้นสงสัยและขุ่นเคือง หากไม่ช้ำในจนเลือดไหลออกจากปากทุกคนต้องสงสัยอย่างแน่นอน เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายก่อนจะได้ฝึกกำลังภายในอย่างถูกต้องได้
[ทำให้เกิดความเสียหายกับอวัยวะภายในตามคำสั่งของนายท่าน]
นาโนสั่งการนาโนแมชชีนมากมายภายในร่างกายตามคำสั่งของชอนยออุนและรอให้การบรรเลงพิณสิ้นสุดลง แต่ขณะใกล้จะครบหนึ่งเค่อความอดทนของฮังโซยูผู้อาวุโสห้าผู้นำพรรคมารเสียงก็มาถึงขีดสุด ตอนนี้เรื่องฝึกกำลังภายในกลายเป็นเรื่องรอง เพราะการที่เด็กหนุ่มทนฟังเสียงพิณพิฆาตของตนโดยไม่เป็นอะไรเลยนั้นไม่ต่างจากการดูหมิ่นตน
ติ๊ง!
เสียงดีดของพิณเริ่มเปลี่ยนไป ความรู้สึกงงงันปรากฏในแววตาของอีฮวามยองผู้รับรู้ถึงสิ่งนี้ได้ทันที เขาไม่เข้าใจเจตนาของนาง แต่ก็ดูเหมือนว่านางไม่ได้คำนึงถึงเหล่าศิษย์ที่อยู่ในลานฝึกใหญ่เลย
ติ๊งงงงงงงง!
ฮังโซยูเริ่มบรรเลงเพลงพิณที่ใส่พลังลงไปมากกว่าห้าส่วนและรัวแบบไม่หยุดพัก ซึ่งหากไม่ใช่ยอดฝีมือก็ย่อมไม่มีใครทนอานุภาพของเสียงพิณพิฆาตจากฮังโซยูที่ใช้กำลังภายในมากกว่าหกสิบปีได้
“เอื๊อก!”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มจากพรรคระดับสูงที่ก่อนหน้านี้เคยทนอย่างสบายพลันเขียวคล้ำ อาการบอบช้ำจากภายในทำให้พวกเขาเริ่มอาเจียนและกระอักเลือด ซึ่งอาการนั้นไม่ได้เกิดเฉพาะกับเด็กหนุ่มจากพรรคระดับสูงเท่านั้น
ฮึบ!
ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของพรรคทั้งหกที่สั่งสมกำลังภายในมามากมายก็ไม่มีทางต่อกรกับพลังของผู้อาวุโสห้าได้ เสียงพิณพิฆาตอันทรงพลังทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงและหายใจติดขัด ไม่ว่าจะพยายามกำหนดลมหายใจแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
“แค่กๆ!”
ชอนจงซอมแห่งพรรคมารพิษผู้มีกำลังภายในน้อยที่สุดในบรรดาผู้สืบทอดทั้งหกเริ่มไอออกมา พอเห็นภาพนั้นองครักษ์เบื้องซ้ายอีฮวามยองก็คิดว่าคงจะไม่ได้การแล้ว
“พอเถอะขอรับ! หากบรรเลงต่อไปจะยิ่งอันตรายนะขอรับ ท่านผู้อาวุโสห้า”
ติ๊ง!
สิ้นเสียงของอีฮวามยอง ผู้อาวุโสห้าฮังโซยูก็ขยับนิ้วออกจากพิณเพราะตนก็คิดว่าหากบรรเลงต่อไปจะเป็นอันตราย ทันทีที่เสียงพิณที่ดังก้องไปทั่วลานฝึกหายไป พวกเด็กหนุ่มสาวที่ฝืนทนอย่างสุดกำลังก็ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น หากเพลงยังบรรเลงต่อไปแม้เพียงนิดเดียวเด็กทุกคนในลานฝึกอาจจะไม่ผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งและถูกคัดออกจนหมด
แม้ผู้อาวุโสห้าฮังโซยูจะรู้สึกละอายที่ตนเองปล่อยให้ความโกรธครอบงำจนเผลอปล่อยเสียงพิณพิฆาตรุนแรงเกินไป แต่ความโกรธของนางที่มีต่อชอนยออุนก็ยังคงไม่หายไป เพราะนางมั่นใจว่าชอนยออุนได้ละเมิดคำสาบานที่มีต่อฮูหยินของพรรคทั้งหก
และในตอนนั้นเอง
พรวด!
ใบหน้าของชอนยออุนที่เคยยืนนิ่งอยู่บริเวณหลังสุดของลานฝึกใหญ่ก็เริ่มแดงก่ำ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำและไม่นานเลือดก็กระอักออกจากปากแล้วพุ่งขึ้นฟ้าราวกับน้ำพุ
พอเห็นภาพนั้นอีฮวามยอง ฮังโซยู รวมถึงชอนมูกึมแห่งพรรคมารปีศาจก็พลันตกตะลึง
อะไรกัน
พวกเขาไม่เชื่อว่าเลือดจะออกมาจากปากของคนได้มากมายขนาดนั้น เพราะปกติหากกระอักเลือด เลือดก็ต้องผ่านลำคอแล้วไหลออกทางปาก แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นมันไม่ต่างจากน้ำพุ
ทนไม่ไหวแล้วสินะ
เลือดของชอนยออุนพุ่งออกมามากมายราวกับควันที่พวยพุ่งไปในอากาศ ร่างเขาโซซัดโซเซก่อนจะคุกเข่าลงและใช้ฝ่ามือยันพื้นเอาไว้ไม่ให้ล้ม ไม่ว่าใครเห็นเข้าก็ต้องคิดว่าเขาบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส
นาโน…เจ้า…เจ้า…
[กำลังดำเนินโปรแกรมตามที่นายท่านสั่ง ทำให้เกิดความเสียหายประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ของอวัยวะภายใน เลือดจึงไหลออกมามาก]
เจ้าบ้า! จะให้ข้าตายรึ!
ปกติแค่อาเจียนเฉยๆ ก็ยังทรมาน แม้แต่เหล่านักรบที่มีอาการช้ำในจนเลือดสดๆ ไหลออกมาทางลำคอก็ยังรู้สึกแสบร้อนอยู่ภายใน การที่เลือดพุ่งออกมาราวน้ำพุเช่นนั้นจะต้องรู้สึกทรมานอย่างแสนสาหัสแน่นอน
“อ่อก!”
ชอนยออุนยังคงอาเจียนเป็นเลือดราวกับยังมีเลือดหลงเหลืออยู่อีกมาก บริเวณรอบๆ และพื้นของลานฝึกเต็มไปด้วยเลือดของเขาทุกทิศทุกทางจนกลายเป็นภาพอุจาดตาไม่น่ามอง
“หึ!”
ขณะที่ผู้อาวุโสห้ากำลังงุนงงจนพูดไม่ออก แต่สถานการณ์ขององครักษ์เบื้องซ้ายอีฮวามยองผู้รับผิดชอบดูแลการสอบขั้นที่หนึ่งของสำนักมารกำลังเปลี่ยนไป แม้ชอนยออุนจะมีข้อพิพาทกับเหล่าผู้สืบทอดทั้งหกพรรค แต่หากเกิดปัญหาจนมีใครสักคนตายในระหว่างการทดสอบ เขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด หากชอนยออุนไม่มีเชื้อสายของท่านประมุข อีฮวามยองคงไม่รีบรุดไปหาเพื่อดูอาการเร็วขนาดนี้
“เฮ้ เจ้าเด็กน้อย! เป็นอะไรไหม เฮ้!”
หลังจากอาเจียนไปสักพัก ชอนยออุนก็เวียนหัว พอเขาโงนเงนและทำท่าเหมือนจะล้มอีฮวามยองก็รีบคว้าตัวเขาเอาไว้
[เนื่องจากเสียเลือดไปเจ็ดเปอร์เซ็นต์จึงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ จะทำการเพิ่มเลือดและรักษาความเสียหายของอวัยวะ]
เมื่อนาโนบอกว่าจะรักษา ชอนยออุนที่กำลังเวียนหัวก็ห้ามเอาไว้
ยัง! ยังทำไม่ได้
[อาการของนายท่านถึงขีดอันตรายแล้ว]
รอสักประเดี๋ยว
เมื่อได้ยินคำสั่งห้าม นาโนจึงหยุดการทำงานของโปรแกรมรักษาตัวเองลงชั่วคราว
แม้ชอนยออุนจะยังลืมตาอยู่ แต่ใบหน้ากลับเริ่มซีดเผือดจนดูท่าไม่ค่อยดี อีฮวามยองที่เห็นเช่นนั้นจึงเดาะลิ้น
“ตอนแรกก็ดูแข็งแกร่งดี แต่กลับล้มลงดื้อๆ”
อีฮวามยองประคองชอนยออุนและลองจับชีพจรเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าชอนยออุนมีกำลังภายในหรือไม่ แต่ทว่ามันกลับต่างจากที่อีฮวามยองคาดเอาไว้ เดิมเขาคิดว่าชอนยออุนจะต้องมีกำลังภายในอย่างแน่นอนถึงทนต่อเสียงพิณพิฆาตของผู้อาวุโสห้าฮังโซยูได้
ไม่มีกำลังภายในเลย…
แม้จะลองถ่ายทอดกำลังภายในของตนเข้าไปกระตุ้น แต่กลับไม่พบร่องรอยของกำลังภายในใดๆ ในร่างชอนยออุน เช่นนั้นก็หมายความว่าเด็กคนนี้ทนต่อเสียงพิณพิฆาตได้ด้วยพลังใจอันกล้าแกร่งทั้งที่ไม่มีกำลังภายในจนบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรงเพราะการดื้อทนต่อเสียงพิณพิฆาต
บ้าไปแล้ว เจ้านี่ต้องบ้าแน่ๆ คนที่ไม่เคยฝึกกำลังภายในเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีพลังใจที่เด็ดเดี่ยวได้ถึงขั้นนี้งั้นหรือ
อีฮวามยองรู้สึกชื่นชมที่ชอนยออุนผ่านการทดสอบได้ด้วยพลังใจโดยไร้ซึ่งกำลังภายในใดๆ
องครักษ์เบื้องซ้ายอีฮวามยองเคยได้ยินแต่ข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับชอนยออุนผู้ถูกเรียกว่าคุณชายผู้อาภัพลำดับที่เจ็ด เขาจึงมีอคติกับเด็กหนุ่มคนนี้เป็นทุนเดิม แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มที่เกิดจากหญิงรับใช้ผู้ต่ำต้อยนอกพรรคเสาหลักทั้งหกจะมีพลังใจที่กล้าแกร่งเช่นนี้
อีฮวามยองยกมือเรียกเหล่าครูฝึกที่ยืนอยู่นอกลานฝึก
“ย้ายเจ้านี่ไปห้องรักษาของสำนัก”
สิ้นคำสั่งของอีฮวามยอง เหล่าครูฝึกก็นำเปลมาหามชอนยออุนไปห้องรักษา ในขณะเดียวกันชอนยออุนที่อยู่บนเปลก็สั่งนาโนว่า
รีบรักษาข้าเดี๋ยวนี้
บทที่ 5
เด็กน้อย ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ (1)
ผู้อาวุโสห้าฮังโซยูมองชอนยออุนถูกหามใส่เปลออกไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ การกระอักเลือดออกจากปากราวกับพ่นควันเช่นนั้นแสดงว่าร่างกายจะต้องบาดเจ็บอย่างรุนแรงแน่นอน
ระหว่างนั้นอีฮวามยองก็กลับขึ้นมายืนข้างๆ นางบนแท่นพิธี
“รุนแรงมากเลยนะขอรับ”
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ”
“เล่นงานจนเด็กนั่นเกือบตายเลยนะขอรับ”
ตลอดชีวิตของฮังโซยู นางไม่เคยเห็นใครช้ำในรุนแรงขนาดนั้นหลังจากโดนเสียงพิณพิฆาตของนาง นางจึงคิดไปเองว่ากำลังภายในของตนแก่กล้าขึ้นอีกไปขั้น แต่คำตำหนิเล็กๆ ขององครักษ์เบื้องซ้ายอีฮวามยองกลับทำให้นางรู้สึกผิดไปชั่วขณะ ก่อนจะกระซิบถามกลับไปว่า
“เด็กนั่นไม่มีกำลังภายในจริงหรือเจ้าคะ”
นางรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อเห็นชอนยออุนช้ำในจนถูกหามใส่เปลออกไป เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะทานทนต่อเสียงพิณพิฆาตได้นานถึงหนึ่งเค่อทั้งที่ไม่มีกำลังภายใน
อีฮวามยองส่ายหน้าพร้อมฝืนยิ้ม
“ไม่มีเลยขอรับ”
“จริงหรือเจ้าคะ”
“ไม่มีกำลังภายในเลยขอรับ เด็กนั่นรักษาคำสาบานเป็นอย่างดี”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน หมายความว่าเด็กนั่นทนต่อเสียงพิณพิฆาตได้ทั้งที่ไม่มีกำลังภายในน่ะหรือเจ้าคะ”
เสียงพิณพิฆาตของนางไม่ใช่วรยุทธ์ที่เอาชนะได้โดยง่าย แม้นางจะไม่ได้ปล่อยเสียงพิณพิฆาตออกไปอย่างเต็มกำลัง แต่ก็ยังใช้พลังออกไปมากกว่าครึ่ง อานุภาพของมันแผ่กระจายไปทั่วทั้งลานฝึก คนที่ยังฝืนยืนอยู่ได้อย่างมากก็มีแค่สามสิบกว่าคนเท่านั้น และเกินกว่าครึ่งถึงกับหมดสติ ต่อให้ฝืนไม่หมดสติก็อาเจียนและล้มไปนอนกองกับพื้นทุกคน
“หากไม่มีกำลังภายในก็ต้องหมดสติเหมือนเด็กคนอื่นๆ สิเจ้าคะ”
“แต่ก็ช้ำในอย่างรุนแรงเลยนะขอรับ ที่เขาทนได้ก็เพราะพลังใจที่กล้าแกร่ง”
“ท่านกำลังจะบอกว่าเขาอดทนได้ด้วยพลังใจที่กล้าแกร่งเท่านั้นหรือเจ้าคะ”
“เป็นพลังใจที่กล้าแกร่งในระดับที่น่ากลัวเลยล่ะขอรับ”
อีฮวามยองเองคิดว่าชอนยออุนมีพลังใจที่กล้าแกร่งมาก จนถึงขั้นเผลอคิดว่าหากไม่ใช่บุตรนอกสมรสของท่านประมุขกับหญิงรับใช้ เขาก็อยากรับชอนยออุนมาเป็นศิษย์ แต่อีฮวามยองเป็นคนที่แสนเย็นชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางรับคนที่ถูกพรรคเสาหลักทั้งหกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามมาเป็นศิษย์อย่างแน่นอน
“โอ้! น่าสนใจ ทนได้เพราะพลังใจที่กล้าแกร่งอย่างนั้นรึ”
ทันใดนั้นองครักษ์เบื้องขวาดาบคลั่งซอบแมงผู้ที่เอาแต่ดื่มสุราโดยไม่เคยสนใจอะไรอยู่ทางขวาของแท่นพิธีก็แสดงท่าทีสนใจขึ้นมา ปกติแล้วเขาเหมือนคนบ้าที่ไม่สนใจอะไรเลยนอกจากสุรา อีฮวามยองตอบคำถามของซอบแมงอย่างหงุดหงิด
“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องสนใจ ดื่มสุราต่อไปเถอะ”
“ฮึ! ต่อให้ไอ้หัวแดงอย่างเจ้าไม่พูด ข้าก็คิดจะไปอยู่แล้ว”
“ไอ้ขี้เมา”
“ไอ้หน้าตัวเมีย”
ซอบแมงหันหลังแล้วเดินลงแท่นพิธีราวกับรำคาญอีฮวามยองเสียเต็มประดา แม้ทั้งคู่จะเป็นองครักษ์เหมือนกัน แต่ก็มักจะปะทะคารมกันบ่อยๆ เพราะนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว จนทุกคนเชื่อว่าทั้งสองจะต้องทะเลาะกันไปจนวันตาย
“อืม แต่อย่างไรก็ตามการที่เขาไม่มีกำลังภายในก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่การกระทำเกินกว่าเหตุในการทดสอบครั้งนี้…อาจถูกรายงานไปยังเรือนท่านประมุขได้นะขอรับ”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสห้าฮังโซยูหวั่นวิตก คำขู่ว่าจะนำเรื่องที่นางควบคุมอารมณ์ไม่ได้ไปรายงานถึงเรือนท่านประมุขทำให้นางไม่กล้าโต้แย้งใดๆ
องครักษ์เบื้องซ้ายไม่มีทางเข้าข้างคนชั้นต่ำอย่างเจ้านั่นแน่นอน
นางคิดว่าองครักษ์เบื้องซ้ายมีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคทั้งหกจึงไม่น่าจะพูดโกหกเรื่องชอนยออุน นางจึงถือพิณเดินลงจากแท่นพิธีเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปในลานฝึก นางมองเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่นอนกองอยู่บนพื้นแล้วพึมพำอย่างแปลกใจ
“ปกติต้องเป็นอย่างนี้สิ…”
หลังจากผู้อาวุโสห้าฮังโซยูไปแล้ว อีฮวามยองก็มองดูเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่ต่างนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นลานฝึกพร้อมครุ่นคิด
“อา…ทำอย่างไรดีนะ”
หากเป็นเช่นนี้การจัดกลุ่มก็จะยากทันที
อีกด้านหนึ่ง บริเวณด้านหลังแท่นพิธีเป็นที่ตั้งของอาคารกลางของสำนักมาร
อาคารกลางแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นสองเป็นห้องรักษาที่มีแพ็กจงมยองผู้เป็นลูกศิษย์ของหมอมารแพ็กจงอูประจำอยู่ โดยอาจารย์ได้สั่งให้เขามาเป็นหมอประจำสำนักมารเพื่อรักษาคนไข้และสั่งสมประสบการณ์ที่นี่เป็นระยะเวลาสี่ปี เขาจึงรีบขนเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ย้ายมาที่นี่อย่างตื่นเต้นเมื่อคืนวาน
ปังๆ!
เสียงทุบประตูทำให้สีหน้าของแพ็กจงมยองเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเข้าใจว่าวันนี้เป็นวันแรกและกำลังอยู่ในช่วงทดสอบขั้นที่หนึ่ง จึงไม่น่าจะมีใครมาห้องรักษา
“มีคนไข้ขอรับ ท่านหมอแพ็ก!”
“มีคนไข้แล้วรึ! รีบพาเข้ามาเลยขอรับ!”
ช่วงนี้เป็นช่วงนอกฤดูสงคราม ซึ่งเป็นช่วงที่ฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมฝึกฝนจอมยุทธ์หน้าใหม่ จึงไม่ค่อยมีคนไข้สักเท่าไหร่
สำนักมารนี่สุดยอดจริงๆ
พอคิดว่าจะได้เริ่มงานตั้งแต่วันแรกแพ็กจงมยองก็ตื่นเต้น เมื่อประตูถูกเปิดออกครูฝึกสองคนก็แบกเปลที่มีคนไข้นอนอยู่เข้ามา
เด็กหนุ่มที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดไปทั้งตัวคนนั้นคือชอนยออุน
“ไม่นะ! ทดสอบกันดุเดือดแค่ไหนขอรับถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้”
บริเวณท้องก็ไม่มีร่องรอยของการถูกแทง ไม่น่าจะมีรอยเลือดมากมายขนาดนี้ คำถามของแพ็กจงมยองทำให้ครูฝึกหนุ่มส่ายหน้า
“ช้ำในอย่างหนักขอรับ อาจจะเป็นเพราะไม่มีกำลังภายในจึงกำหนดลมปราณไม่ได้ องครักษ์เบื้องซ้ายสั่งให้ดูแลเป็นอย่างดีขอรับ”
“นี่คืออาการช้ำในหรือขอรับ”
เป็นเวลากว่าสิบปีที่เขาฝากตัวเป็นศิษย์ของหมอมารแพ็กจงอูผู้ถูกยกให้เป็นหมอระดับเทพแห่งพรรคมาร เขาเฝ้าดูแลคนไข้มากมายเคียงข้างอาจารย์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องรักษาคนไข้ที่มีเลือดออกมากขนาดนี้จากอาการช้ำใน
“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ขอรับ”
อีกสักพักการจัดกลุ่มศิษย์ของสำนักมารก็จะเริ่มขึ้นซึ่งน่าจะขาดคนดูแล พอย้ายชอนยออุนลงนอนบนเตียงของห้องรักษา ครูฝึกทั้งสองก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่จู่ๆ ครูฝึกคนหนึ่งก็หยุดฝีเท้าแล้วส่ายหน้า ครูฝึกรุ่นพี่จึงตำหนิอย่างหงุดหงิด
“พวกเรายุ่งอยู่นะ มัวชักช้าร่ำไรอยู่ได้”
“ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ…เอ่อ”
เขารู้สึกว่าสีหน้าของชอนยออุนดูดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่บนเปลเมื่อครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าเพราะคิดว่าตัวเองคงจะตาฝาด
หลังจากที่ครูฝึกทั้งสองออกไปจากห้องรักษา แพ็กจงมยองก็ลากเก้าอี้มาวางข้างเตียงที่ชอนยออุนนอนอยู่ จากนั้นก็นั่งแล้วจับชีพจร
“อืม”
ชอนยออุนหรี่ตามองแพ็กจงมยองที่กำลังหลับตาตรวจชีพจรของตนอยู่ ตอนที่อยู่ในลานฝึกเมื่อครู่เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานเจียนตาย แต่พอนาโนแมชชีนดำเนินการรักษา สติของเขาก็เริ่มกลับมาแจ่มใส
อา…ไม่คิดว่าจะได้มาที่ห้องรักษา
ขณะถูกหามขึ้นเปลมาที่ห้องรักษา ชอนยออุนได้สั่งให้นาโนรักษาเฉพาะหลอดอาหารกับหลอดลมที่ทรมานในตอนนี้ ส่วนอวัยวะอื่นๆ เขาตั้งใจจะอดทนจนกว่าหมอจะหยุดจับชีพจร
“ชีพจรผิดปกติ ภายในเสียหายหนักมาก”
แพ็กจงมยองสรุปผ่านการจับชีพจรว่าอวัยวะภายในของชอนยออุนเสียหายอย่างรุนแรง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่คลายความสงสัยก็คือเหตุใดเลือดจึงออกมากจนน่าแปลก
“ต่อให้กัดลิ้นเลือดก็ไม่น่าเยอะขนาดนี้”
แพ็กจงมยองคิดว่าจะต้องฝังเข็มก่อน จึงเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง และตอนนั้นเองใครบางคนก็เปิดประตูอย่างแรงโดยไม่เคาะแล้วเดินเข้ามาในห้องรักษา
ปัง!
“โอ๊ย ตกใจหมด!”
แพ็กจงมยองสะดุ้งตกใจจนล้มก้นกระแทกพื้น พอหันไปมองก็เห็นภาพชายวัยกลางคนที่กำลังถือน้ำเต้า สวมเสื้อผ้ามอมแมม และจมูกแดงคล้ายคนเมา
“องครักษ์เบื้องขวา?”
“อ๊ะ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“แล้วท่านองครักษ์เบื้องขวาที่ควรจะอยู่ในพิธีทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะขอรับ”
“เฮ้! ไอ้ลูกจ๊อกที่คอยตามติดหมอมารทุกวี่วันถูกแต่งตั้งให้มาเป็นหมอประจำสำนักมารของปีนี้อย่างนั้นรึ”
แพ็กจงมยองถอนหายใจให้คำพูดสบประมาทของซอบแมงที่เอาแต่พูดเจื้อยแจ้วโดยไม่ยอมตอบคำถามของตน ซอบแมงเองก็พอจะรู้ว่าแพ็กจงมยองเป็นคนประเภทไหน ตอนที่แพ็กจงอูผู้เป็นอาจารย์อยู่ข้างๆ แพ็กจงมยองจะทำตัวค่อนข้างเรียบร้อย แต่พออยู่คนเดียวนิสัยที่แท้จริงก็ปรากฏ
“หน้าที่การงานก้าวหน้าแล้วสินะ”
“เฮ้อ ท่านมีธุระอะไรที่ห้องรักษาหรือขอรับ ฝีมือระดับองครักษ์เบื้องขวาไม่น่าจะบาดเจ็บตรงไหนนะขอรับ”
“ข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้ารึ”
“ฮ่าๆๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ”
แพ็กจงมยองกำลังสับสนกับสีหน้าของซอบแมงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากแสดงความไม่พอใจ ส่วนซอบแมงก็ผละจากเขาแล้วหันไปทางเตียงของห้องรักษาพร้อมยิ้มอย่างสนอกสนใจ
“อ๊ะ ดูนี่สิ เจ้านี่น่าสนใจมาก”
“เอ่อ…ทำไมองครักษ์เบื้องขวาถึงพูดเช่นนั้นล่ะขอรับ”
แพ็กจงมยองเอ่ยถามพร้อมถอยไปข้างหลังราวกับกลัวองครักษ์เบื้องขวาซอบแมงที่กำลังพูดคนเดียว แต่ซอบแมงไม่สนใจเขาและไม่ตอบคำถาม ทว่าเดินเข้าไปหาชอนยออุนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
เพราะสติครบถ้วนดี ชอนยออุนที่กำลังหลับตาอยู่จึงไม่อาจซ่อนความรู้สึกอึดอัดเอาไว้ได้
อะไรกัน ทำไมจู่ๆ ถึงมาหาถึงห้องรักษาล่ะ
หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อได้ยินว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นองครักษ์เบื้องขวา เขาคิดว่าองครักษ์อาจจะรู้แล้วว่าตนเสแสร้งเล่นละคร ถึงแม้เขาจะหลับตาอยู่ แต่หากมีใครเอาหน้าเข้ามาใกล้แสงก็จะถูกบดบังจนรู้สึกได้
ให้ตายสิ!
กลิ่นสุราและกลิ่นปากที่รุนแรงโชยมาเตะปลายจมูกจนชอนยออุนรู้สึกทรมาน แม้จะไม่ได้แสดงความรู้สึกออกไป แต่เขาก็ทรมานอย่างถึงที่สุด ระหว่างนั้นเสียงอันแหบพร่าก็ดังเข้ามาในหูของเขา
“แกล้งหลับทำไม”
หัวใจของชอนยออุนแทบจะหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทันใดนั้นร่างกายเขาก็แข็งเกร็งและขยับเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
พึ่บ!
จู่ๆ พลังที่ไม่รู้ที่มาที่ไปก็บังคับทำให้ร่างกายส่วนบนของชอนยออุนที่นอนอยู่ขยับขึ้นมานั่ง พลังที่ว่านั้นเกิดจากกำลังภายใน ก่อนหน้านี้เขาขยับตัวไม่ได้เพราะยังไม่ได้รักษาอาการช้ำใน แต่ตอนนี้เขาขยับตัวไม่ได้เพราะร่างกายถูกบังคับให้อยู่นิ่งๆ ด้วยกำลังภายใน
“ถ้ายังแกล้งหลับต่อ ข้าจะต่อยหน้าเจ้า”
ในที่สุดชอนยออุนก็จำเป็นต้องลืมตา และเมื่อเปลือกตาเปิดเขาก็เห็นใบหน้าของชายขี้เมาที่เคยเห็นบนแท่นพิธีจากไกลๆ ชอนยออุนคิดว่าตนถูกจับได้เรื่องแสดงละครตบตาจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่แล้วในที่สุดเขาก็ทำหน้ามุ่ยแล้วถามออกไป
“ท่านรู้ได้อย่างไรขอรับ”
ซอบแมงหัวเราะร่าจนเผยให้เห็นฟันเหลืองๆ ก่อนจะกล่าวว่า
“ฮ่าๆ ดูเจ้านี่สิ แนบเนียนไร้ที่ติจริงๆ”
นอกจากจะเอาแต่จ้องมองและทำให้งุนงงแล้วซอบแมงก็ยังพูดจาไร้มารยาท หลังจากที่หัวเราะสนุกสนานอยู่คนเดียวซอบแมงก็พูดต่อ
“หากเป็นผู้มีฝีมือเลิศล้ำระดับองครักษ์ แค่ฟังเสียงลมหายใจก็ย่อมรู้ได้ว่ากำลังหลับอยู่จริงหรือไม่ เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย”
ไม่จำเป็นต้องซักไซ้ไล่เลียงให้มากความ เพราะองครักษ์เบื้องขวาดาบคลั่งซอบแมงคือผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในสิบอันดับแรกของพรรคมารซึ่งเต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือมากมาย