Uncategorized
ทดลองอ่าน นิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 26 ตอนที่ 1
เมืองฉางอันก็กำลังฝนตก
ฝนตกกระหน่ำระคนเสียงฟ้าร้อง บางครั้งมีฟ้าแลบ ส่องวังหลวงยามดึกสงัดอันเงียบเหงาอ้างว้างให้สว่างเหมือนอยู่ในเวลากลางวัน เปลวเทียนส่ายไหวแม้จะมีโป๊ะครอบกันลม
ถ้าไม่มีโป๊ะครอบนี้ เปลวเทียนคงดับไปนานแล้ว
หลี่อวี๋นั่งอยู่ที่โต๊ะ มองเชิงเทียนที่อยู่ข้างเสา ครุ่นคิดอย่างเหม่อลอย
ผมของนางยังชื้นอยู่ เสื้อผ้าก็เปียกปอน คาดว่าก่อนหน้านี้นางคงฝ่าฝนไปที่ใดสักแห่ง
ใบหน้านางค่อนข้างขาวซีด แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะกลัวฝนกระหน่ำฟ้าคำราม นางคิดว่าสิ่งที่ตนกำลังจะทำลงไปนั้นถูกต้อง ต่อให้ต้องไปอยู่ในตำหนักอันมืดสลัวก็จะไม่สำนึกเสียใจ
นางมองฝนยามราตรีนอกตำหนัก น้ำตาสองสายไหลจากหางตา ไหลผ่านแก้มที่ขาวซีด แล้วหยดลงบนฎีกาที่อยู่บนโต๊ะ เปื้อนเปียกตัวอักษรแถวหนึ่ง
หลี่อวี๋พลันได้สติ สั่งให้ขันทีนำกระดาษมาเช็ดรอยชื้นบนฎีกาอย่างระมัดระวัง จากนั้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้า สงบอารมณ์และตั้งใจอ่านพิจารณาฎีกาต่อไป
ฎีกาฉบับนี้เป็นรายงานสถานการณ์อุทกภัยของทุกเขตทั่วแคว้น มีความสำคัญยิ่ง
นางหยิบพู่กันขึ้นมา เริ่มเขียนคำสั่งการ
ป้องกันเขื่อน…
กักเก็บน้ำ…
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย…
ควบคุมโรคระบาด…
ระดมกำลังทหาร…
จับตาดูทหารม้าลาดตระเวนในทุ่งร้างตะวันออก…
แผ่นดินต้าถังกว้างใหญ่ไพศาล ราชสำนักจึงมีงานที่ต้องทำมากมาย นางรับมือจนเคยชินนานแล้ว ย่อมจัดการได้อย่างเรียบร้อยเหมาะสม หลังจากสั่งการไปในฎีกา สีหน้าของนางสงบนิ่งกว่าเดิมจนถึงขนาดดูแน่วแน่
ครั้นจัดการฎีกาทั้งหมดเรียบร้อยแล้วหลี่อวี๋ก็สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ ออกจากวังภายใต้การอารักขาอย่างแน่นหนาของกองกำลังอวี่หลินและราชองครักษ์ โดยไม่มีขันทีหรือนางกำนัลติดตาม
สถานที่ที่นางไปไม่ได้ไกลเลย นั่นคืออารามฝ่ายใต้ที่อยู่ตรงข้ามวังหลวง
อารามฝ่ายใต้ท่ามกลางฝนกระหน่ำดูเงียบเหงาวังเวงกว่าปกติ
หลี่อวี๋เดินเข้าไปด้านในของอาราม ข้างที่นอนนุ่มมีตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งจุดอยู่ ส่องต้องใบหน้าอันซูบซีดอิดโรยของหลี่ชิงซานราชครูแห่งต้าถัง
นางเดินเข้าไปหาหลี่ชิงซาน คุกเข่าทั้งสองข้างลงช้าๆ กล่าวเสียงสั่นว่า
“เสด็จพ่อ…สวรรคตแล้ว”
หลี่ชิงซานหลับตาลงช้าๆ แล้วลืมขึ้นอีกครั้ง ในดวงตามีเพียงความเศร้า ไม่มีอาการตกใจ
ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาค่ายกลส่งสารของเมืองเฮ่อหลันไม่เคยเปิดใช้งาน แต่เพียงไม่กี่เดือนมานี้เมืองเฮ่อหลันกลับใช้ค่ายกลส่งสารติดกันสองครั้ง
ครั้งแรกเป็นเพราะรถม้าสีดำ
ครั้งที่สองคือเพื่อส่งข่าวการสวรรคตขององค์จักรพรรดิมายังฉางอัน
ทั้งเมืองฉางอันมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ข่าวนี้ หลี่อวี๋อาศัยความช่วยเหลือของอารามฝ่ายใต้จึงรักษาความลับนี้ไว้ได้ชั่วคราว บัดนี้เห็นใบหน้าของราชครูก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว…ในเมื่อนางพึ่งพาอารามฝ่ายใต้จึงรักษาความลับได้ ย่อมแน่นอนว่าไม่อาจปิดบังเจ้าอารามของอารามแห่งนี้
หลี่ชิงซานมองนางที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพลางถามอย่างอ่อนแรงว่า
“พระองค์จะทำอะไร”
“ข้าต้องการดูพระราชโองการ”
พระราชโองการอันเกี่ยวกับการสืบทอดราชบัลลังก์ของต้าถังที่แท้ไม่ได้อยู่ในวังหลวง แต่อยู่ที่อารามฝ่ายใต้!
หลี่ชิงซานกล่าวว่า
“ตามกฎหมายของต้าถัง พระราชโองการต้องประกาศต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย”
หลี่อวี๋ก้มหน้า มองกระโปรงที่เปียกฝนของตนพลางกล่าวว่า
“ตอนนี้ขุนนางทั้งหลายยังไม่รู้”
“สุดท้ายแล้วพวกมันต้องรู้”
“ข้ามิได้คิดจะปิดบังเรื่องที่เสด็จพ่อสวรรคตไว้นานนัก อีกไม่นานจะประกาศให้ทราบทั่วกัน”
“เช่นนั้นไฉนองค์หญิงจึงมาที่นี่ก่อนเวลา”
หลี่อวี๋นิ่งเงียบไปนาน
“เพราะ…ข้าไม่วางใจ”
หลี่ชิงซานก็นิ่งเงียบไปนานเช่นกัน
หลี่อวี๋ก้มหน้าต่ำลงอีก หยดน้ำหยดลงมาจากปลายผมดำขลับ
ร่างของนางทรุดลงไปตามหยดน้ำจนหน้าผากจรดพื้นไม้สีดำ
“ขอท่านโปรดช่วยเหลือด้วย”
“เหตุใดกระหม่อมต้องช่วยเหลือพระองค์”
“เพราะข้าเป็นชาวถัง”
“องค์ชายหกก็เป็นชาวถัง”
“แต่มารดามันมิใช่”
“ต้าถังเราเปิดเผยใจกว้าง แต่ไรมาไม่ถือสาเรื่องเหล่านี้”
“ขอท่านโปรดเชื่อใจข้า”
“เหตุใดกระหม่อมต้องเชื่อใจพระองค์”
“เพราะท่านไม่เชื่อใจพระอัครมเหสี”
เมื่อหลี่อวี๋เห็นลายพระหัตถ์ที่คุ้นเคยบนพระราชโองการแล้ว นางพลันโศกเศร้าสะเทือนใจ
นี่คือลายพระหัตถ์ของเสด็จพ่อ เหมือนอย่างที่เล่าลือกัน ไม่ว่าพระองค์จะชอบเขียนอักษรลายพู่กันขนาดไหน ไม่ว่าจะทรงพยายามฝึกฝนเพียงไร ก็ไม่อาจทำให้ลายพระหัตถ์ของพระองค์สวยงามขึ้น
กระนั้นก็พอมองออกจากน้ำหนักหนักเบาและรอยตวัดในเส้นหมึกว่าขณะทรงเขียนตัวอักษรเหล่านี้ จิตใจของพระองค์สงบนิ่งและมั่นคง ปราศจากความลังเลใดๆ
มือของหลี่อวี๋ที่ประคองพระราชโองการสั่นระริก นิ้วมือออกแรง ราวกับจะกดให้ทะลุเข้าไปในผ้าไหมสีเหลืองทอง ท่อนแขนสั่นลามไปจนถึงไหล่ สั่นไปทั่วทั้งเนื้อตัว
นางรู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็เริ่มโกรธ ไม่เพียงเพราะเนื้อหาในพระราชโองการ แต่เพราะความมั่นใจที่แฝงอยู่ในลายพระหัตถ์นั้นด้วย
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”
นางเริ่มจากพึมพำ
จากนั้นก็กล่าวทวนคำอีกรอบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”
เสียงของนางดังกว่าครั้งแรก แต่ไม่ดังออกไปนอกอาราม ยังไม่ทะลุผ่านสายฝนจนถูกผู้อื่นได้ยิน ถึงขนาดว่าไม่ดังไปกว่าเสียงกัดฟันของนางด้วยซ้ำไป
หลี่ชิงซานกล่าว
“นี่คือสิ่งที่ฝ่าบาททรงเขียนก่อนที่จะเสด็จนำทัพไป ในเมื่อทรงทิ้งพระราชโองการไว้ แสดงว่าพระองค์พอจะรับรู้ได้ถึงทิศทางของเจตนาฟ้า และองค์หญิงก็น่าจะมองออกว่าพระองค์ตัดสินพระทัยไปนานแล้ว”
หลี่อวี๋นิ่งเงียบอยู่นาน แล้วพลันเงยหน้าขึ้น ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา มองหลี่ชิงซานที่นอนป่วยอยู่บนเตียงพลางกล่าวเสียงสั่นว่า
“พระราชโองการ…แก้ไขได้หรือไม่”
หลี่ชิงซานหลับตาลง
“โดยปกติแล้วไม่ได้”
หลี่อวี๋ตาเป็นประกาย ถามว่า
“อย่างไรคือไม่ปกติ”
หลี่ชิงซานลืมตามามองนางครั้งหนึ่ง กล่าวว่า
“ยามที่แคว้นไม่สงบ”
“ใครแก้ไขได้”
“ข้าแก้ไขได้”
พระราชโองการของจักรพรรดิแห่งต้าถังย่อมปลอมแปลงไม่ได้ง่ายๆ บนนั้นมีการประทับตราพระราชลัญจกรและรอยตราประทับอื่นอันซับซ้อน สำคัญที่สุดคือมีตราประทับลมหายใจแห่งฟ้าดินซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
รอยตราประทับส่วนหนึ่งมาจากสายเลือดของราชวงศ์ อีกส่วนหนึ่งมาจากผู้เป็นพยานของพระราชโองการ
ก่อนที่องค์จักรพรรดิจะเสด็จออกจากฉางอัน ตอนที่ทรงเขียนพระราชโองการในอารามฝ่ายใต้ ผู้ที่อยู่เป็นพยานคือราชครูหลี่ชิงซานซึ่งพระองค์ไว้วางพระทัยมากที่สุด
ส่วนพระราชลัญจกรตอนนี้อยู่ในวังหลวง บนเตียงของหลี่อวี๋ผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการ
หลี่อวี๋มองใบหน้าที่ชราวัยและซูบเซียวของหลี่ชิงซานพลางถามเสียงสั่นว่า
“ท่านต้องการสิ่งใด”
หลี่ชิงซานมองโฉมสะคราญในอาภรณ์เปียกปอนที่อยู่ตรงหน้า คล้ายมองเห็นดรุณีเอาแต่ใจที่ติดตามอยู่ข้างกายมารดานางเมื่อนานมาแล้ว ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มแห่งการรำลึกถึง
จากนั้นค่อยกล่าวเสียงราบเรียบว่า
“ข้าต้องการให้ต้าถังคงอยู่ชั่วกาลนาน ต้องการให้นิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้เจริญรุ่งเรือง ต้องการให้ชาวถังอยู่ดีมีสุข องค์หญิงรับปากข้าได้หรือไม่”
Related
Comments
