• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่ม 1 ตอน 1

    หน้าที่แล้ว1 of 6

    ทดลองอ่าน ยอดเชฟ 1_1

    เริ่ม

    ติ๊กต่อก

    ภายในครัวที่ไม่มีใคร โชมินจุนจ้องมองนาฬิกาอยู่คนเดียวเงียบๆ อย่าเดินนะ หยุดสิ แม้จะร้องตะโกนอยู่ในใจสักแค่ไหน แต่เข็มวินาทีก็ยังคงเดินไปตามทางของมันโดยไม่คิดที่จะหยุด

    ห้าทุ่ม ห้าสิบเก้านาที ห้าสิบเจ็ดวินาที…ห้าสิบแปดวินาที…ห้าสิบเก้าวินาที…และแล้วก็เที่ยงคืน

    เข้าสู่ปีใหม่แล้ว ถือเป็นการปิดฉากชีวิตในช่วงวัยยี่สิบและเริ่มต้นวัยสามสิบโดยสมบูรณ์ ความอ่อนเพลียที่ไม่รู้สาเหตุทำให้มินจุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เวลาเดินไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย มันคือความจริงที่ต้องยอมรับ

    มินจุนเคยเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนมัธยมปลาย ถ้าให้พูดชัดเจนกว่านั้นก็คืออาจารย์สอนภาษาอังกฤษ สำหรับเขาคำว่าอาจารย์เป็นเพียงอาชีพหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทั้งการประสบความสำเร็จทั้งการล้มเหลว เขาทำอาชีพนี้มาจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีที่อายุยี่สิบแปด จนสุดท้ายในเดือนมีนาคมเขาก็ตัดสินใจยุติอาชีพนี้

    เขาคิดว่าการเป็นอาจารย์ไม่ใช่ทางของตัวเอง เขาไม่เคยมีความคิดอยากเป็นอาจารย์สักครั้งเลยด้วยซ้ำ เพราะอาชีพที่เขาใฝ่ฝันอยากเป็นมาตั้งแต่เด็กก็คือเชฟ แต่ความที่ไม่กล้าขัดใจพ่อแม่ ผลการเรียนก็ไม่แย่ แถมยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ การเป็นเชฟจึงพับเก็บไปได้เลย คงไม่มีพ่อแม่คนไหนสนับสนุนให้ลูกเป็นเชฟหรอก

    ตลอดสิบปีมินจุนนั่งอยู่ในห้องพักอาจารย์ตามที่พ่อแม่ต้องการ แต่นั่นมันไม่ใช่ตัวเขาเลย พ่อแม่มักจะพูดอยู่เสมอว่าเดี๋ยวเขาก็จะเข้าใจความหวังดีของพวกท่านเอง จริงอยู่ที่อาชีพนี้มั่นคงมาก แต่เขากลับรู้สึกว่ามันว่างเปล่า ดังนั้นเขาจึงลาออกในที่สุด

    หลังจากนั้นเขาก็สมัครเป็นพนักงานล้างจานที่ร้านอาหารชื่อดังย่านคังนัม หลังจากล้างจานอยู่ครึ่งปีก็ได้เลื่อนขั้นมาทำพวกผักสลัดสำหรับประดับจาน นั่นคือชีวิตที่ผ่านมาจนถึงอายุสามสิบปีของเขา คืนนี้เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่เขาไม่มีที่ไปจึงนั่งฆ่าเวลาอยู่คนเดียวภายในครัวของร้านอาหารที่ปิดไฟมืดสนิท

    มาถึงขั้นนี้แล้วจะมามัวท้อใจไปก็ไร้ประโยชน์ เขาเป็นคนเลือกชีวิตแบบนี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากห้องอาหาร แล้วไฟของร้านอาหารก็ถูกเปิดสว่างจ้า

    “อ้าว พี่มินจุน ยังอยู่อีกเหรอครับ”

    พัคยูซ็อกอายุน้อยกว่ามินจุนสองปี แต่มีความอาวุโสในหน้าที่การงานมากกว่า อีกไม่กี่ปีก็อาจจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเชฟ

    “ครับ รุ่นพี่ยูซ็อกมาได้ไงเนี่ย”

    มินจุนจำเป็นต้องพูดจาเคารพนบนอบอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวงการอาหาร แม้ยูซ็อกจะมีสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วนเมื่อได้รับการเคารพนบนอบจากมินจุน แต่ลึกๆ แล้วก็แอบพอใจมากทีเดียว ยูซ็อกหยิบถุงมือออกมาจากช่องเก็บของแล้วสะบัดเบาๆ

    “ผมกลับมาเอาถุงมือน่ะครับ อ๊ะ พี่มินจุนอยู่ก็ดีแล้ว กระเทียมหมดพอดี ช่วยสับกระเทียมเก็บไว้หน่อยนะครับ สับเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่ามาสับพรุ่งนี้เช้า”

    “แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยๆ…”

    “เฮ้อ ผมน่ะไม่เคยทำตัวเสียมารยาทหรือหยาบคายกับคนที่อายุมากกว่า ส่วนพวกรุ่นน้องผมก็ไม่เคยพูดดีด้วยขนาดนี้หรอกนะ”

    “เอ่อ…ครับ”

    “เยี่ยมเลย!งั้นผมขอตัวก่อน แล้วอย่าลืมที่สั่งล่ะครับ”

    แล้วยูซ็อกก็เดินออกไปพร้อมคำพูดเหน็บแนมดังไล่หลังมา“คิดว่าแก่กว่าแล้วจะกลัวงั้นเหรอ เฮอะ” แม้จะโกรธ แต่มินจุนก็พูดอะไรไม่ได้ เขาอายุมากกว่าก็จริง แต่อายุงานนับว่าน้อยกว่ายูซ็อกมาก ดังนั้นจึงต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้

    “กระเทียม…”

    มินจุนจัดการสับกระเทียมจนเสร็จ จากนั้นก็กดมือถือเพื่อเข้าบล็อกทำอาหารที่เขาเขียนขึ้นเอง เขาอิ่มเอมใจทุกครั้งเมื่อได้อ่านบรรดาคอมเมนต์จากผู้อ่าน

    เขาพิมพ์ข้อความต้อนรับปีใหม่ มันเป็นคำทักทายธรรมดาแบบพอเป็นพิธี ไม่ได้เยิ่นเย้ออะไร ผ่านไปสิบนาทีก็ไม่มีคอมเมนต์ใดๆ จากใครเลย คงเป็นเพราะเขาไม่ใช่บล็อกเกอร์ชื่อดัง แต่ในระหว่างที่กำลังไล่ดูและจดบันทึกสูตรอาหารจากบล็อกอื่นๆ อยู่นั้นก็มีการแจ้งเตือนคอมเมนต์จากชื่อที่คุ้นเคย

     

    เทพแห่งการทำอาหาร:คุณโชบังจัง สวัสดีปีใหม่~ ^^ ทักมาคนแรกของปีเลย

     

    โชบังจังคือนามปากกาของเขา แม้จะมีเพียงแค่คอมเมนต์เดียว แต่นั่นก็พอจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เขาจึงรีบตอบกลับทันที

     

    โชบังจัง :สวัสดีปีใหม่คุณเทพแห่งการทำอาหารเช่นกันนะครับ ผมเองก็ได้รับคำอวยพรจากคุณเป็นคนแรก

    เทพแห่งการทำอาหาร:ฮ่าๆ วันนี้ไม่เห็นอัพเมนูอาหารเย็นเลย ลดความอ้วนอยู่เหรอ

    โชบังจัง :ประมาณนั้นครับ

     

    หลังจากคุยเรื่องทั่วไปกันสักพัก บทสนทนาก็เริ่มลงลึกขึ้น

     

    เทพแห่งการทำอาหาร:จะขึ้นปีที่สองแล้ว

    โชบังจัง :ใช่ครับ ทำบล็อกไปด้วยทำอาหารไปด้วย แต่ที่ร้านผมยังได้แค่สับกระเทียมอยู่เลย ฮ่าๆ…

    เทพแห่งการทำอาหาร:น่าเสียดายนะ ถ้าเปลี่ยนสายเร็วกว่านี้สักหน่อยก็น่าจะดีกว่านี้

    โชบังจัง :นั่นสิครับ เวรกรรมแท้ๆ เป็นเพราะตอนนั้นผมไม่กล้าไล่ตามความฝัน พอมารู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว แต่ทุกคนก็ย่อมมีทางของตัวเองน่ะนะ

    เทพแห่งการทำอาหาร:ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นได้ คุณจะเดินบนเส้นทางทำอาหารเลยรึเปล่า

    โชบังจัง :แน่นอนครับ เพราะผมมั่นใจในเส้นทางนี้ ต่อให้ตอนนี้จะเหนื่อยและท้อแท้แค่ไหนก็ตาม…

     

    การพูดคุยหยุดลงเพียงเท่านี้รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีการตอบกลับมา อาจเป็นเพราะเนื้อหาของบทสนทนามันเครียดเกินไป ก็นี่มันคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี่นะ ใครจะอยากคุยอะไรเครียดๆ แบบนี้กัน มินจุนเดินออกไปที่ห้องอาหาร จากนั้นก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะอาหารแล้วหลับตาลง เขาทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว

    หลังจากที่มินจุนผล็อยหลับไปได้สิบนาที หน้าจอมือถือของเขาที่ดับอยู่ก็สว่างวาบขึ้นพร้อมมีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา

     

    เทพแห่งการทำอาหาร : งั้นลองย้อนกลับไปดูมั้ยล่ะ อยากเห็นเหมือนกันว่าถ้าได้เดินบนเส้นทางนี้แต่แรก คุณจะเป็นยังไง

     

     

    2

    กลับไปสู่เจ็ดปีก่อน

     

    “ตื่นได้แล้วมินจุน!โชมินจุน!”

    มินจุนขมวดคิ้วก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อกี้ฟุบหลับอยู่ที่ร้านนี่นา แต่ทำไมถึงมาตื่นที่บ้านได้ล่ะ ระหว่างที่ครุ่นคิดและสับสนอยู่นั้น เสียงของลีฮเยซอนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    “รีบลุกได้แล้ว นี่มันสิบโมงแล้วนะ”

    “…สิบโมง สิบโมงแล้วเหรอแม่ โอ๊ย ตายแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาปลุกเนี่ย”

    “จะโวยวายทำไม นี่มันช่วงหยุดของแกไม่ใช่เหรอ”

    “หยุดอะไรกัน ผมต้องไปทำงานที่ร้านอาหาร!”

    “ร้านอาหาร?อย่ามาตลก นี่ฝันว่าเป็นพ่อครัวเหรอไง ตั้งสติหน่อยโชมินจุน! แกยังเป็นนักศึกษาอยู่นะ!”

    “…อะไรนะแม่”

    ฝันว่าเป็นพ่อครัว?เป็นนักศึกษาอยู่?มินจุนมองไปรอบๆ เก้าอี้ตัวเดิมยังคงวางอยู่ตรงโต๊ะตัวนั้น ส่วนทีวีนั่นก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิมในห้องรับแขก แต่ทั้งเก้าอี้และทีวียังดูใหม่เอี่ยมมาก

    “แม่…ปีนี้ปีอะไร”

    “ถามอะไรเนี่ย ยังนอนไม่เต็มอิ่มเรอะ”

    “สรุปว่าปีอะไร”

    “ก็ปีสองพันสิบไง! รีบล้างหน้าแล้วไปกินข้าว มันจะเย็นหมดแล้ว”

    ปี 2010?ถ้างั้นก็เป็นช่วงที่เพิ่งปลดประจำการจากกรมทหารน่ะสิ มินจุนเดินไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวอย่างงุนงง แต่ทันใดนั้นเองอะไรบางอย่างก็แวบขึ้นมาตรงหน้า

     

    [ข้าวขัดสี]

    ความสด : 73%

    แหล่งที่มา : โค-รยอง เกาหลี

    คุณภาพ : สูง

    คะแนน : 6/10

     

    “หือ”

    มินจุนขยี้ตา อะไรกันเนี่ย หรือว่ายังฝันอยู่ แต่พอหลับตาลง หน้าต่างข้อมูลก็ยังไม่หายไป มินจุนจึงลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วมองไปที่แกงเต้าเจี้ยว ทันใดนั้นหน้าต่างข้อมูลบานใหม่ก็แวบเข้ามาแทนที่

     

    [แกงเต้าเจี้ยว]

    ความสด : 90%

    แหล่งที่มา : (เนื่องจากใช้วัตถุดิบหลายชนิดจึงไม่เปิดเผยแหล่งที่มา)

    คุณภาพ : กลาง (เฉลี่ยวัตถุดิบ)

    คะแนน : 4/10

     

    “ช่วงนี้ผมคงอ่านนิยายแฟนตาซีมากเกินไป…”

    “อะไรนะ ไม่อ่านหนังสือเรียน แต่อ่านนิยายงั้นเหรอ”

    “เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นซะหน่อย”

    “แกรู้บ้างมั้ยว่าพ่อต้องทำงานหลังขดหลังแข็งขนาดไหน นี่ก็ออกไปทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงแล้ว นึกถึงพ่อกับแม่บ้าง ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์หน่อย”

    แค่บอกว่าอ่านนิยาย เสียงบ่นก็พรั่งพรูออกมาไม่หยุด นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงบ่นแบบนี้ ตั้งแต่เรียบจบมหาวิทยาลัยได้มั้ง แต่ก็เป็นเสียงบ่นที่เขาไม่ได้ถวิลหาหรอกนะ

    นี่เราย้อนเวลากลับมาเมื่อเจ็ดปีก่อนจริงๆ เหรอเนี่ย

    แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกำลังคุยกับเทพแห่งการทำอาหารอยู่

    เราถูกส่งกลับมายังอดีตงั้นเหรอ

    เทพแห่งการทำอาหารถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะมุ่งมั่นเลือกเดินในเส้นทางการทำอาหารหรือไม่ และเขาก็ตอบกลับไปว่าจะเดินทางนี้อย่างแน่นอน

    ในความดีใจนั้นมีความสับสนงุนงงผสมอยู่ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไร้ซึ่งคำตอบ มินจุนจึงหยิบช้อนมาตักน้ำแกงเต้าเจี้ยวเข้าปาก แล้วหน้าต่างข้อมูลก็แวบขึ้นมาอีก

    หน้าที่แล้ว1 of 6

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook