“หรือว่าท่านพ่อมองเจ้าด้วยสายตาอีกแบบ แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือน”จางเสี่ยวฝานลองทายดู“ต้องเป็นเพราะอาจารย์มีเมตตา เห็นข้าได้รับบาดเจ็บเลยประทานยาวิเศษให้ ท่านผู้เฒ่าช่างมีจิตใจกว้างขวางเหลือเกิน!”เถียนหลิงเอ๋อร์หัวร่องอหาย“พ่อข้าเนี่ยนะใจกว้าง…คิกๆๆ เอาเถอะ ไม่พูดกับเจ้าแล้ว เอ๊ะ เสียงฝนตก?”จางเสี่ยวฝานเงี่ยหูฟังแล้วก็ได้ยินเสียงฝนพรำลงมาจริงๆ เถียนหลิงเอ๋อร์เดินไปเปิดหน้าต่าง ลมหนาวหอบหนึ่งพัดเข้ามานำพาละอองฝนต้องใบหน้าทำให้หนาวเย็นเล็กน้อยจางเสี่ยวฝานเดินตามไปหยุดอยู่ข้างกายในความมืดของราตรี สายฝนพร่างพรมจากฟากฟ้า ทัศนวิสัยถูกจำกัด เห็นเพียงเงาตะคุ่มของสนและไผ่ในสวน ทว่าในความรู้สึกของจางเสี่ยวฝาน สายฝนเหมือนจะนำพาความอบอุ่นมาให้จนมันรู้สึกว่าคืนนี้ช่างงดงาม เสียงฝนกระทบใบไผ่ดังเปาะแปะกลับฟังไพเราะเสนาะหู กังวานไปถึงจิตวิญญาณของมันนั่นเป็นเพราะข้างกายมันมีศิษย์พี่คนนี้ยืนเคียงข้าง นางกำลังเงยหน้าเปล่งปลั่งงดงามจ้องมองสายฝนอย่างเลื่อนลอย แววตาแฝงความเบิกบานระคนอ้างว้างที่ด้านหลัง เจ้าเหลืองกับเจ้าเทาไม่ทราบว่าหยุดเล่นกันตั้งแต่เมื่อใด ยามนี้เจ้าเหลืองนอนหมอบอยู่บนเตียง สองตาปรือเยิ้ม ส่วนเจ้าเทานั่งนิ่งอย่างหาดูได้ยาก สองมือพลิกขนอันอ่อนนุ่มเป็นประกายหาหมัดให้สหายอย่างเพลิดเพลินแสงเทียนส่ายไหวตามแรงลม เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เสียงฟ้าคำรนดังมาเป็นระยะ“ฝนเริ่มตกหนักแล้ว”เถียนหลิงเอ๋อร์พลันเอ่ยขึ้นจางเสี่ยวฝานพยักหน้า“ใช่”เถียนหลิงเอ๋อร์เหม่อมองความมืดอีกชั่วขณะก่อนจะเดินกลับไปหยุดข้างโต๊ะ บอกเบาๆ ว่า“เสี่ยวฝาน ปิดหน้าต่างเสียเถิด อากาศเย็นอยู่บ้าง”จางเสี่ยวฝานพยักหน้าเอื้อมมือปิดหน้าต่าง เมื่อหันกลับมาก็เห็นเถียนหลิงเอ๋อร์นั่งเหม่อเหมือนคนใจลอย นางหยิบกล่องแพรออกจากอกเสื้อเปิดออกแล้วส่องดูกับเทียนไข