บทที่ 17 เข้าร่วมประลอง
เช้าวันนี้สมาชิกดอยไผ่ใหญ่ทุกชีวิตต่างหน้าตาแจ่มใสจิตใจคึกคัก โดยเฉพาะศิษย์ทั้งหลายแต่ละคนใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้จะมีแววตื่นเต้นฉาบทาอยู่บ้าง แต่ก็ถูกความยินดีลบหายไปกว่าครึ่งเถียนหลิงเอ๋อร์ซึ่งดีใจจนเนื้อเต้นฉวยโอกาสบิดามารดากำลังเก็บสัมภาระวิ่งไปหาผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุดอย่างซ่งต้าเหริน รบเร้าสอบถามไม่หยุดปาก“ศิษย์พี่ใหญ่ งานนี้มีศิษย์ร่วมสำนักมากันมากมายจริงๆ หรือ”ซ่งต้าเหรินรอยยิ้มเกลื่อนหน้า เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีสุดขีด“ใช่แล้ว นี่คืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา ศิษย์แต่ละสังกัดต่างให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ที่ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของแต่ละสังกัดย่อมเป็นผู้มีฝีมือโดดเด่น การประลองจะตื่นเต้นเร้าใจเพียงไรยิ่งไม่ต้องพูดถึง”เจ้าสี่เหอต้าจื้อได้ยินก็เดินเข้ามาร่วมวง ลอบขยิบตาให้เถียนหลิงเอ๋อร์ก่อนเปรยขึ้นว่า“ศิษย์น้อง เจ้าไม่รู้อะไร ยังมีบางเรื่องที่ศิษย์พี่ใหญ่มิได้เล่าออกมา”เถียนหลิงเอ๋อร์อุทาน ‘เอ๊ะ’ ไม่สนใจสีหน้างุนงงของซ่งต้าเหริน ถามขึ้นทันที“เรื่องอะไรหรือศิษย์พี่สี่”เหอต้าจื้อยิ้มมีเลศนัย“ในสนามประลอง ยามผู้ชนะยืนบนเวทีท่ามกลางสายตาชื่นชมและเสียงปรบมือเกรียวกราวของศิษย์ร่วมสำนักนับร้อยๆ นั้น ย่อมต้องรู้สึกภาคภูมิใจยิ่ง และถ้ายิ่งมีศิษย์น้องแสนสวยมายืนหวีดร้องให้กำลังใจด้วย ไม่เรียกว่าความสุขสุดยอดในชีวิตแล้วจะเรียกว่าอะไร”มันพลันตีหน้าซื่อ หันไปถามซ่งต้าเหรินว่า“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านว่าจริงหรือไม่”คราวนี้ซ่งต้าเหรินหน้าแดงขึ้นทันควันเถียนหลิงเอ๋อร์มองปราดก็จับความนัยได้ทันที“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมอยู่ดีๆ ท่านก็หน้าแดงล่ะ”ซ่งต้าเหรินสั่นศีรษะปฏิเสธ“ไม่มี้ไม่มี ข้าหน้าแดงที่ไหนกัน”เหอต้าจื้อกระแอมเบาๆ ตอนนี้ทุกๆ คนต่างพากันล้อมวงเข้ามา ที่อายุยังน้อยอย่างตู้ปี้ซูกับจางเสี่ยวฝานนั้นไม่รู้เรื่อง แต่อู๋ต้าอี้กับเจิ้งต้าหลี่ต่างพากันยิ้มกริ่ม เหอต้าจื้อจึงแสร้งทำเป็นถามว่า