พอสิ้นเสียง ประคำหยกตรงหน้าก็เปล่งแสง หมอกดำกระเพื่อมไหวเหมือนเตรียมรับมือ เสียงวัตถุแหวกอากาศดังหวืดหวือพร้อมๆ กับบางอย่างพุ่งวาบเข้าไปในกลุ่มหมอก ที่แท้คือประคำหยกเม็ดที่ซัดใส่ตะขาบเจ็ดหาง มันยังบินวนอยู่ในอากาศ บัดนี้ถูกผู่จื้อควบคุมให้เปลี่ยนทิศบินแฉลบเข้าทางด้านหลังของกลุ่มหมอกดำ
ได้ยินเสียงสบถด่าดังลั่น บอกชัดว่าชายในหมอกดำถูกเล่นงานโดยไม่รู้ตัว เสียง ‘ปังๆๆๆ’ ดังกึกก้อง แสงสีเขียวเปล่งประกายวูบวาบ ขณะที่หมอกดำค่อยๆ แตกสลายจางลงเผยให้เห็นร่างชายผอมสูงคนหนึ่งค่อยๆ ลดตัวลงสู่พื้น สวมชุดดำมิดชิดอำพรางใบหน้า เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่งสาดประกายดุร้าย ที่กลางหลังสะพายกระบี่เล่มหนึ่ง
ผู่จื้อลดเสียงต่ำ
“เจ้ามีฝีมือสูงส่งถึงขั้นนี้ ไฉนจึงทำตัวเป็นปริศนาไม่กล้าพบหน้าผู้คน”
ดวงตาคนชุดดำสาดประกายอำมหิต มันตะคอกอย่างมีโทสะ
“หลวงจีนเฒ่า วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่กลบฝัง!”
กล่าวจบก็ชักกระบี่ เห็นกระบี่เล่มนั้นเป็นประกายใสกระจ่างดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง เจิดจ้าแต่ไม่แสบตา แถมยังเคลือบด้วยรัศมีเรืองรองน้อยๆ
“กระบี่ดี!”
ผู่จื้ออดหลุดปากชมมิได้
ชายชุดดำแค่นเสียงในลำคอ มือกระชับด้ามกระบี่ ขยับเท้าด้วยท่าร่างเจ็ดดาว ก้าวติดต่อกันเจ็ดครั้ง แล้วชี้กระบี่ขึ้นฟ้า ปากพึมพำท่องคาถา
“วิมานสวรรค์ทั้งเก้า โปรดแปลงร่างเป็นเทพอสนี สำแดงอานุภาพแห่งแสงสว่างด้วยกระบี่นี้เถิด!”
ทันใดนั้นพยับเมฆเกิดการพลิกตัวเดือดพล่าน ส่งเสียงคำรนคำราม ท้องนภาที่ดำมืดปรากฏแสงอสนีบาตวาบแปลบปลาบ พายุคลั่งโหมกระหน่ำ ธรรมชาติแสดงอานุภาพกราดเกรี้ยวน่าสะพรึงกลัว
“เคล็ดวิชากระบี่เทพขี่สายฟ้า!”
ผู่จื้อหน้าซีดลงทันตา แววตื่นตกใจตามมาพร้อมกับแววสิ้นหวังระคนเดือดดาล
“เจ้าเป็นคนสำนักเมฆาเขียว!”