อึดใจต่อมาร่างมันก็กระดอนขึ้นแล้วลอยละลิ่วไปด้านหลังอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วมากจนมันไม่ทันรู้สึกหวาดกลัวก็ละลานตาไปกับแสงสีขาวสลับทองสวยงามเกินบรรยาย รุ่งโรจน์กว่าดวงตะวันบนท้องฟ้า ส่วนวัดหญ้าคาอันรกร้างก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ อิฐหินกระจายออกโดยรอบ โดยมีบริเวณที่ยอดฝีมือทั้งสองต่อสู้กันเป็นจุดศูนย์กลาง
หนแรกหัวใจมันว่างเปล่า รับรู้เพียงกระแสลมแรงที่พัดผ่านใบหู
และแล้วมันก็บังเกิดความกลัว อยากจะขดตัวงอดั่งกุ้ง ทว่ามีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองลอยเคว้งอย่างไร้จุดหมาย
ในสมองอันอ่อนเยาว์ผุดคำถามขึ้นว่า ‘เรากำลังจะตายแล้วหรือ’
ความกลัวอย่างรุนแรงถั่งโถมขึ้นล้นใจ เหงื่อกาฬแตกพลั่ก เนื้อตัวสั่นระริก
เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า คนเราควรรับมืออย่างไร
มันสลบเหมือดไป ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีกเลย
ผู่จื้อลากขาแต่ละก้าวอย่างเชื่องช้าลำบาก ใต้วงแขนหนีบร่างจางเสี่ยวฝานกับหลินจิงอวี่ไว้คนละข้างจนถึงบริเวณที่ค่อนข้างสะอาดจึงปล่อยเด็กทั้งสองลง ทันทีที่คลายมือก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์ราวกับร่างจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ต้องทรุดลงนั่งตัวงออย่างทรมาน
ก้มลงมองหน้าอกก็เห็นจีวรบริเวณนั้นไหม้เกรียม ผิวเนื้อดำคล้ำด้วยพิษค่อยๆ ลามเข้าหากันจนเหลือเพียงวงกลมเล็กๆ รอบตำแหน่งหัวใจซึ่งหมายความว่าพิษยังไม่จู่โจมเข้าถึงหัวใจ
มันยิ้มเศร้าๆ ยื่นมือสั่นเทิ้มควานหาในจีวร ต้องใช้เวลานานหลายอึดใจจึงล้วงเอายาเม็ดสีแดงขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือออกมาได้
ผู่จื้อถอนใจยาว รำพึงกับตัวเองอย่างอับจนหนทาง
“คิดไม่ถึงว่าถูกหมอปีศาจทายถูกเผง ในที่สุดเรายังต้องกินยาเม็ด ‘สามวันสิ้น’ ของมันจนได้”
มันลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เงยหน้ากลืนยาเม็ดนั้นลงไป
จากนั้นก็เหม่อมองนิ่งนานไปยังเทือกเขาตรงหน้า
ฝนตกแล้วในที่สุด
เขาเมฆาเขียวตั้งทะมึนท่ามกลางสายฝนดูเป็นเงาตะคุ่มอันลี้ลับ