อสนีบาตฟาดเปรี้ยง วัดหญ้าคาสว่างวาบขึ้นชั่วขณะ เสี้ยววินาทีนั้นหลวงจีนชราก็ได้พลิ้วกายไปยืนอยู่หน้าวัดดุจวิญญาณภูตพราย สีหน้ายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด
ทั้งนี้เพราะทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน มิทราบว่ามีหมอกดำกลุ่มหนึ่งที่หนาทึบราวกับสีหมึกก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดขยับไหวไปมาอยู่กลางอากาศ ลักษณะแปลกประหลาดลึกลับมีเลศนัยจนหลวงจีนชราต้องจับจ้องตาไม่กะพริบ
ทันใดนั้นหมอกดำก็ม้วนตัวหนึ่งตลบแล้วพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศ มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านมายังวัดหญ้าคาด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาก็บรรลุถึง หลวงจีนชราสายตาคมกริบ มองปราดก็เห็นว่าใจกลางหมอกดำกลุ่มนั้นมีร่างเด็กชายอยู่คนหนึ่ง มันก็คือหลินจิงอวี่ที่ได้พบเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง
หลวงจีนชราหน้าเปลี่ยนสี โดยไม่รอช้า ร่างผอมเกร็งทะยานเข้าหาหมอกดำกลุ่มนั้นทันที
มีเสียงอุทานแปลกใจดังออกมา
“เอ๊ะ?”
ตามมาด้วยเสียงกระแทกหนักๆ หมอกดำกลุ่มนั้นหยุดชะงักหมุนวนอยู่กับที่ ส่วนหลวงจีนชราหนีบร่างหลินจิงอวี่ลงสู่พื้นโดยชายจีวรด้านหลังฉีกขาดไปส่วนหนึ่ง
อาศัยแสงสว่างรำไรเห็นหลินจิงอวี่สองตาปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าเพียงหลับหรือว่าสลบไป
หลวงจีนชราไม่ได้วางร่างมันลง กลับเงยหน้าขึ้นถามหมอกดำที่ลอยวนอยู่ในอากาศ
“เจ้ามีพลังฝึกปรือลึกล้ำ เหตุใดจึงลงมือกับเด็กที่ไม่รู้ความ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างรึ”
เสียงแหบพร่าดังตอบออกมา
“เจ้าเป็นใครกล้ามายุ่งเรื่องของข้า”
หลวงจีนชราไม่ตอบ กลับกล่าวว่า
“ที่นี่คืออาณาเขตของสำนักเมฆาเขียว หากศิษย์ในสำนักรู้ว่าเจ้ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ เกรงว่าวันหน้าเจ้าคงต้องลำบากแล้ว”
คนผู้นั้นร้องเพ้ย น้ำเสียงบอกชัดว่าไม่สะทกสะท้าน
“สำนักเมฆาเขียวนับเป็นตัวอะไร ก็แค่อาศัยพวกมากรังแกคน ไอ้เฒ่าหัวโล้น อย่าได้มากความ หากรักชีวิตก็รีบส่งเด็กนั่นคืนมา”