ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน รหัสลับหลันถิงซวี่ ตอนที่ 6
‘ในคืนดึกลมสงบไร้สรรพเสียง
ริมสระเคียงหอสูงมีจันทร์ผ่อง
ไร้หนทางจึงพำนักถิ่นชวนมอง
ตะวันส่องสรรพสิ่งล้วนหวนคืน’
เทียบกับท่วงทำนองบทกวีงดงามยากเข้าใจที่เขาเขียนมาโดยตลอดแล้วกลอนบทนี้กลับดูเรียบง่ายชัดแจ้ง แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เผยให้เห็นชัดถึงความรู้สึกลังเลลึกภายในจิตใจ
บทกวีของอู่หยวนเหิงถูกผู้คนในยุคนั้นยกย่องสรรเสริญ แต่เขารู้ดีแก่ใจ บทกวีของเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นการร้องรับสัมผัสกับผู้อื่น ความชำนิชำนาญและท่วงทำนองสูงส่งงดงามนั้นไม่อาจกลบบังอารมณ์ที่ขาดหาย มีผู้คนอีกมากมายนักที่ร่ายบทกวีได้ดีกว่าตนเอง ไม่ว่าจะไป๋จวีอี้ หลี่เฮ่อหรือหลิวอวี่ซี และหลิ่วจงหยวน บทกวีของคนเหล่านี้ล้วนยอดเยี่ยมกว่าเขาทั้งสิ้น จะมีก็เพียงสถานภาพทางสังคมเท่านั้นที่คนเหล่านี้เทียบตนเองไม่ได้
ระยะนี้ในราชสำนักมีคนบางคนเริ่มส่งเสียงเรียกร้องให้เรียกตัวหลิวอวี่ซีกับหลิ่วจงหยวนที่ถูกลดขั้นสิบปีกลับ องค์จักรพรรดิไม่ได้ทรงมีทีท่าอันใด อย่างน้อยก็ไม่ได้มีทีท่าไม่พึงพอใจชัดแจ้ง เรื่องราวผ่านไปก็สิบปีแล้ว บางทีในใจขององค์จักรพรรดิ ผลพวงจากการเปลี่ยนล้างหย่งเจินที่น่าหวาดหวั่นในเวลานั้นอาจสงบสิ้นแล้วก็เป็นได้
มีคนเคยแอบมาเลียบเคียงสอบถามความคิดเห็นของอู่หยวนเหิง หวังจะได้รับการสนับสนุนจากเขา เมื่อสิบปีก่อน อู่หยวนเหิงกับหลิวอวี่ซี หลิ่วจงหยวนอาจมีจุดเริ่มต้นที่ใกล้เคียงกัน แต่จนถึงทุกวันนี้สถานภาพความเป็นอยู่ของพวกเขากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อู่หยวนเหิงอาจอาศัยโอกาสเช่นนี้แสดงคุณธรรมความเมตตาของผู้ที่อยู่ในฐานะสูงส่งให้ผู้คนประจักษ์ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่คัดค้านไม่สนับสนุน
เขารู้ดีว่าผู้คนจะแอบวิพากษ์วิจารณ์ตนเองเช่นไร ดูสิ ดูอู่หยวนเหิงนั่นสิ ช่างช่ำชองในการเอาตัวรอดยิ่งนัก สิบปีก่อนเพราะรู้จักรักษาระยะห่างกับเปลี่ยนล้างหย่งเจินไว้ วันนี้ถึงได้รับพระเมตตาจากองค์จักรพรรดิ เลื่อนตำแหน่งให้พรวดพราด ขนาดผ่านไปแล้วสิบปีเขาก็ยังคงขีดเส้นแบ่งแยกไม่ข้องแวะกับคนพวกนั้น เลี่ยงข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น
แต่ไหนแต่ไรอู่หยวนเหิงก็มิเคยนึกนำพาต่อคำวิพากษ์วิจารณ์เดือดพล่านอันใด สำหรับเขาแล้ว หลิวอวี่ซีกับหลิ่วจงหยวนล้วนไม่ควรกลับราชสำนัก ข้อคิดเห็นด้านการเมืองการปกครอง บุญคุณความแค้นส่วนตัวล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเพียงอ่านบทกวีของพวกเขาสักหน่อย รับรู้ถึงโลหิตและจิตวิญญาณเร่าร้อนที่เต้นเร่าอยู่บนกระดาษ ถึงตอนนั้นก็จะเข้าใจว่าแก่นแท้ของพวกเขานั้นขัดแย้งกับชีวิตในแวดวงขุนนางเช่นไร ให้พวกเขากลับราชสำนัก ไม่เพียงมิอาจมอบชะตาชีวิตดีๆ ให้กับพวกเขาได้ ตรงกันข้ามกลับยังจะนำพาแรงกดดันและเรื่องชวนกลุ้มอกกลุ้มใจให้องค์จักรพรรดิมากยิ่งขึ้นไปอีก และนี่ก็คือสิ่งที่อู่หยวนเหิงไม่ปรารถนาที่จะต้องพบเห็นเป็นที่สุด ดังนั้นเขาจึงทำเพียงนิ่งเงียบ
นักกวีที่แท้จริงเผาไหม้จิตวิญญาณ วิพากษ์วิจารณ์ตนเองอยู่ในบทกวี อู่หยวนเหิงเป็นนักปกครองโดยกำเนิด มิใช่นักกวี ดังนั้นถึงไต่เต้าขึ้นเป็นอัครเสนาบดี เป็นเสาเอกของราชสำนักที่องค์จักรพรรดิทรงพึ่งพาได้ เขามิใช่คนถ่อยขี้ขลาดที่รู้จักแต่เอาตัวรอด เพราะเขารู้ดีที่สุดว่าความจริงแล้วการรักเกียรติแห่งตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเอา ‘ตัวตน’ อันต้อยต่ำออกมา มอบมันให้กับอุดมการณ์สูงสุดที่มีค่าเหนือกว่าตนเอง ซึ่งจุดนี้ไม่ว่าจะหลิวอวี่ซีหรือหลิ่วจงหยวนต่างล้วนทำได้ทั้งคู่ และอู่หยวนเหิงเองก็ทำได้เช่นกัน
แม้แต่หญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างเผยเสวียนจิ้งเองก็ทำได้ คิดถึงจุดนี้อู่หยวนเหิงก็ทั้งนึกเสียใจทั้งปีติยินดี ชั่วชีวิตเขาถึงแม้จะเคยมีอารมณ์ความรู้สึกชั่วนิรันดร์ยากลืมเลือนอยู่กับเซวียเทา แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับความรักที่ไม่คำนึงถึงแม้แต่ตนเองเหมือนอย่างที่เผยเสวียนจิ้งมีให้ต่อหลี่เฮ่อ แน่นอน มนุษย์เรามิอาจมีได้ทุกสิ่ง
ไม่ทันได้รู้ตัว อู่หยวนเหิงก็พบว่าตนเองจัดโต๊ะเขียนหนังสือเสียจนสะอาดเรียบร้อย ราวกับกำลังจะต้องออกเดินทางไกลอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายเขาก็เอาบทกวีสี่วรรคที่เพิ่งแต่งเสร็จวางไว้บน ‘อารัมภกถาหลันถิง’
เสียงระฆังเช้าแผ่วโผยดังลอยมาจากพระราชวังต้าหมิง ถึงเวลาต้องร่วมเข้าประชุมราชกิจอีกแล้ว
อัครเสนาบดีเปลี่ยนเครื่องแต่งกายมาอยู่ในอาภรณ์ทรงเกียรติจริงจัง ไม่ว่าลางสังหรณ์จะรุนแรงสักแค่ไหน อู่หยวนเหิงก็ยังคงไม่ลังเลที่จะก้าวเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทางที่คุ้นเคยที่สุด
เพราะองค์จักรพรรดิประทับรอเขาอยู่ที่พระราชวังต้าหมิง และนั่นก็คืออุดมการณ์สูงสุดที่อู่หยวนเหิงได้เลือกไว้
ภายในตรอกจิ้งอัน นอกคฤหาสน์อัครเสนาบดี มีใครบางคนรออยู่บนเส้นทางที่อู่หยวนเหิงจำเป็นต้องเดินทางผ่านอยู่ตลอดทั้งคืน เสียงระฆังเช้าดังบอกสัญญาณเหมือนทุกครั้ง เตือนให้พวกเขาตั้งสมาธิให้ดี บนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดมีมือธนูซุ่มซ่อนอยู่ ส่วนบนถนนสองข้างทางก็มีมือสังหารที่ปิดบังใบหน้าไว้ด้วยผ้าโปร่งสีดำอีกกลุ่ม หนำซ้ำยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งคอยโจมตีสกัดอยู่ทางด้านนอก เพื่อให้มั่นใจว่าอู่หยวนเหิงไม่มีทางหนีรอดไปได้
การฆ่าล้างสังหารที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดกำลังจะเริ่มต้น
อู่หยวนเหิงไม่ได้อาศัยบทกวี ไม่ได้อาศัยความรัก แต่กลับอาศัยความตายมุ่งหน้าตรงไปยังจุดสูงสุดของชีวิต
Related
Comments
