Uncategorized
ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่มที่ 1 ตอนที่ 4
ทดลองอ่าน ยอดเชฟ 1_4
6
ความเข้าใจในรายการโทรทัศน์
ภายในห้องรับรอง กรรมการนั่งตรงโซฟาและมองไปที่โต๊ะ สิ่งที่อยู่บนนั้นคือภาพถ่ายของผู้เข้าแข่งขันยี่สิบเจ็ดคน
“มีผู้เข้าแข่งขันคนไหนดูโอเคบ้างคะ”
“คนนี้ ถ้าพิจารณาจากพื้นฐานแล้วดูดีที่สุด”
ที่อลันเลือกคือรูปของแอนเดอร์สัน เอมิลี่จึงแย้งว่า
“ฉันว่าแอนเดอร์สันดูขาดความคิดสร้างสรรค์ไปหน่อย แม้จะทำอาหารออกมาได้อร่อย แต่ก็เป็นได้แค่อาหารจานด่วนรสดี”
“เขาอาจจะมีเอกลักษณ์ที่ยังไม่เผยออกมาก็ได้ ภาพตอนที่เขาทำสเต็กปลาดุกดูสง่าเลยทีเดียว”
“ท่าทางสง่าไปก็เท่านั้น คนทั่วไปกินอาจจะบอกว่าอร่อย แต่สำหรับฉัน มันเป็นรสชาติอร่อยแบบน่าเบื่อที่เคยกินมาเป็นพันๆ ครั้งแล้วค่ะ”
สิ่งที่แอนเดอร์สันทำคือสเต็กปลาดุกที่มีพูเรหัวหอมวางไว้ด้านบน เอมิลี่นึกถึงรสชาติของมันแล้วขมวดคิ้ว รสชาติแบบที่เคยกินบ่อยๆ แอนเดอร์สันเป็นเชฟที่ไม่มีการพลิกแพลง เอมิลี่ค่อนข้างเบื่อหน่ายกับเชฟแบบนี้มาก
“ลองว่ามีความสามารถ อีกหน่อยก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองตามมาสักวัน เอาเป็นว่าผมจะลองคาดหวังในตัวเขา เขาดูมีแววที่สุดในบรรดาพวกที่ไม่ได้เรื่องเหล่านี้ เอมิลี่ แล้วคุณล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเอมิลี่ก็ยิ้มและยื่นมือออกไปชี้ไปที่ภาพของคาย่า โลตัส
“ฉันขอตั้งความหวังที่เธอคนนี้ดูก็แล้วกันค่ะ”
“คาย่า โลตัส เธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก แต่ว่า…”
อลันย่นหน้าผาก คาย่า โลตัสเป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีเสน่ห์ ปลาไหลย่างที่เธอทำเป็นเมนูซิกเนเจอร์แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ คนที่สามารถทำอาหารเมนูย่างออกมาได้ในระดับนั้นด้วยอายุเพียงเท่านี้ บนโลกอาจจะมีแค่คาย่าเท่านั้นก็ได้ แต่ว่า…
“อาหารของเธอไม่มีกรอบ ไม่มีรูปแบบ ถ้าเทียบกับสุนัขก็เหมือนกับพันธุ์ผสม”
“คุณก็ได้ฟังตอนสัมภาษณ์แล้วนี่คะว่าเธอเติบโตมาจากชุมชนระดับล่าง อาหารที่เป็นอิสระก็คือรูปแบบของเธอ”
น้ำเสียงของเอมิลี่เฉียบขาด เธอดูจะถูกใจคาย่ามาก อลันจึงไม่พยายามจะคัดค้านเอมิลี่อีก อย่างไรการประเมินเรื่องอาหารก็ถือเป็นอิสระของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว แล้วอลันก็หันไปมองโจเซฟที่เอาแต่นิ่งเงียบ
“ผมยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
“แต่ก็น่าจะมีคนที่ถูกใจอยู่บ้างนะครับ”
“ไม่รู้สิ สองคนที่พวกคุณเลือกผมก็ชอบนะ แต่ถ้าให้เลือกใครที่นอกเหนือจากนั้นก็คงจะเป็นโคลอี้ ชอง แล้วก็…”
โจเซฟพูดพลางมองไปที่ภาพของคนคนหนึ่ง อลันจึงมองตามสายตาของโจเซฟ และเมื่อเห็นภาพนั้นอลันก็ตกใจ
“โชมินจุน…คุณถูกใจเขาเหรอครับ”
“ก็ไม่เชิงถูกใจ เพียงแค่เขาเหมือนคนที่แสดงฝีมือทำอาหารตามขีดจำกัดความสามารถของตัวเอง ถ้าเขาก้าวหน้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอาหารแบบไหนออกมา”
“คนนี้เหนือความคาดหมายมาก เขาพอมีพื้นฐานในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ แล้วถือว่าธรรมดา ยิ่งเทียบกับคาย่าและแอนเดอร์สันแล้วคนละเรื่องเลย”
แต่โจเซฟแย้งขึ้นมา
“ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะชนะหรอก จริงอยู่ว่าเมื่อเทียบกับคาย่าและแอนเดอร์สันแล้วเขายังมีข้อบกพร่อง แต่ผมแค่คาดหวังในฐานะเชฟว่าเขาจะก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน”
โจเซฟมองรูปถ่ายของมินจุนนิ่งๆ เหตุผลที่โจเซฟคาดหวังในตัวมินจุนก็ไม่มีอะไรมาก แม้ความสามารถในการใช้มีดและการควบคุมไฟยังไม่ดีพอ แต่ในส่วนของการคิดสูตรอาหารมินจุนทำได้สมบูรณ์แบบทั้งสองครั้ง นั่นคือเหตุผลที่โจเซฟประเมินค่าของมินจุนเอาไว้สูง
“อย่างน้อยก็คงทำอาหารได้อร่อยกว่าการเคี้ยวรองเท้าผ้าใบ ผมเชื่อแบบนั้น”
“บอกมาตามตรงเถอะ ชอบใช่มั้ย”
การสัมภาษณ์ของมาร์ตินยังคงไร้หัวไร้ท้ายเหมือนคราวที่แล้ว มินจุนไม่รู้ว่ามาร์ตินกำลังถามเรื่องอะไรอยู่ จึงขมวดคิ้วแล้วถามกลับไป
“ชอบอะไรเหรอครับ”
“ก็คาย่า โลตัสไง”
มาร์ตินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มินจุนจึงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“อย่าบอกว่าชอบในฐานะเชฟอีกนะ มันน่าจะไม่ใช่แล้วมั้ง ถึงขนาดแลกอาหารกันกิน มันดูแปลกๆ อยู่นา ผมเห็นแล้วใจยังเต้นรัวเลย”
“อารมณ์ประมาณแฟนคลับที่ชื่นชมน่ะครับ”
“คุณมินจุนครับ คุณคาย่าเพิ่งจะเริ่มออกรายการแค่สองครั้งเอง แล้วจะบอกว่าเป็นแฟนคลับได้ยังไงกัน”
มินจุนไม่สามารถบอกได้ว่าเคยดูรายการจากในอนาคตจนกลายเป็นแฟนคลับของเธอ เขาจึงพยายามครุ่นคิดหาคำตอบที่ดีและดูฉลาดที่สุด แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก
“โอเคครับ ตัดต่อได้ตามชอบใจเลย”
“อะไรนะครับ”
“จะตัดต่อว่าผมชอบเธอก็ได้ตามต้องการเลยครับ ผมเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่มีแฟน ผมเป็นผู้ชายจึงไม่มีอะไรจะเสียหายอยู่แล้ว ยอมบิดเบือนความจริงเพื่อความบันเทิงของรายการแค่นี้ทำไมผมจะทำไม่ได้”
การตอบกลับของมินจุนทำให้สีหน้าของมาร์ตินเปลี่ยนไป ที่มาร์ตินแกล้งถามมินจุนเรื่องคาย่านั่นเป็นเพราะต้องการหาประเด็นเอาไปใช้ออกอากาศด้วยบางส่วน แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือดูเหมือนว่ามินจุนจะชอบคาย่าจริงๆ
“ไม่ได้ชอบจริงๆ น่ะเหรอ”
“ผมบอกว่าไม่ได้ชอบไงครับ ทั้งหมดเป็นแค่ความรู้สึกดีต่อกันในฐานะเชฟ”
“แต่เธอเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยนะ แม้จะดูแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ก็เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก ไม่ได้รู้สึกกับเธอในเชิงนั้นเลยจริงๆ น่ะเหรอ”
“แค่เป็นผู้หญิงแล้วต้องชอบในเชิงชู้สาวเสมอเหรอครับ”
“ไม่ใช่ คือ…”
มาร์ตินทำหน้าอึดอัดใจ เขาไม่เข้าใจเลย ถ้าเรื่องที่มินจุนพูดเป็นความจริง แต่ประทับใจอาหารของคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกแล้วกลายเป็นแฟนคลับเนี่ยนะ ปลาไหลจานนั้นของคาย่า แล้วก็ทังซูยุกปลาดุกมันน่าประทับใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
“ถ้างั้น…ทังซูยุกปลาดุกของเธอเป็นยังไงบ้าง ดีกว่าซุปลูกชิ้นปลาดุกของคุณหรือเปล่า”
“ความสมบูรณ์ของอาหารน่าจะใกล้เคียงกัน”
“ถ้าเทียบจากคะแนนเต็มสิบล่ะ”
“เจ็ดคะแนนครับ”
เสียงของมินจุนหนักแน่นมาก ไม่มีความลังเลเลยสักนิด
“เจ็ดคะแนนนี่มันประมาณไหนเหรอ”
“เป็นขีดสุดของความอร่อยที่ผมสามารถทำออกมาได้ครับ ถ้าเป็นเชฟระดับคาย่า เจ็ดคะแนนถือว่าเป็นระดับมาตรฐานที่เธอทำออกมาได้ตามปกติ”
“คุณมีเกณฑ์อะไรในการคำนวณคะแนน”
“ก็จะมีทั้งสูตรอาหารที่แปลกใหม่ ความเชี่ยวชาญในการปรุง ความสดของวัตถุดิบ และยังมีเกณฑ์อื่นๆ อีก จะให้อธิบายออกมาเป็นคำพูดค่อนข้างยาก แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจ”
ดวงตาของมินจุนเปล่งประกาย แล้วเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจกว่าครั้งไหนๆ
“การประเมินและให้คะแนนของผมแม่นยำ”
“หืม…ถึงจะเป็นอาหารจานเดียวกัน แต่คะแนนก็น่าจะออกมาต่างกันตามคนชิมไม่ใช่เหรอ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีคะแนนที่ตายตัวนะ”
“แน่นอนว่ามันมีความแตกต่างของความชอบส่วนบุคคล แต่ถ้าไม่นับรวมเรื่องความชอบส่วนตัวและมองอย่างเป็นกลาง คะแนนของผมแม่นยำที่สุดครับ”
“โอ้ ก็อดสงสัยไม่ได้นะครับว่าต่อไปคุณมินจุนจะให้คะแนนอาหารของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นยังไง ไปที่คำถามต่อไป คุณมินจุนข้ามน้ำข้ามทะเลจากเกาหลีมาไกลถึงอเมริกา หรือว่าคุณมีความมั่นใจว่าจะชนะครับ”
คำถามนั้นทำให้มินจุนเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ในชีวิตของผมไม่เคยมีความแน่ใจเลยครับ เรื่องอาหารยิ่งแล้วใหญ่ ผมมาที่แกรนด์เชฟก็เพื่อหาความแน่ใจที่ว่า”
“ความแน่ใจอะไรเหรอครับ”
“ความแน่ใจว่าผมจะเป็นเชฟได้หรือไม่ ผมอยากได้รับการยืนยันด้วยตัวของผมเอง”
Related
Comments
