• Connect with us

    Enter Books

    ซยงหนู

    ทดลองอ่าน ซยงหนู ทัณฑ์สวรรค์ อาถรรพ์ต้องสาป เล่ม 1 บทที่ 1-2

    5 of 5หน้าถัดไป

    เที่ยงวันที่ 31 เดือนพฤษภาคม พวกเราได้ตามทีมงานเข้าไปยังตูซื่อชุน

    กล้องหลักที่ใช้ถ่ายทำรายการได้ตามถ่ายทีมทีมหนึ่งไป จากแผนการที่วางไว้ก่อนหน้า พวกเราจงใจแกล้งทำเป็นหลงเข้าไปใน ‘หลุมพราง’ ที่ทีมงานวางไว้สองครั้งเพื่อจะได้ดูสมจริงไม่ตกเป็นที่สงสัย ในเวลาเดียวกันผมก็ตั้งอกตั้งใจสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ เมื่อดูจากพื้นที่ที่มีบริเวณประมาณเขตที่พักอาศัยของผมรวมกันสองสามเขตนี้แล้ว นอกจากป้ายแนะนำไม้ที่ปักอยู่ให้เห็นเด่นชัดในเขตสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่ส่วนอื่นๆ ก็ไม่มีป้ายสัญลักษณ์เลยแม้แต่แผ่นเดียว ถ้าตั้งใจจะซ่อนของไว้ที่นี่แล้วละก็ ดูท่าต่อให้เป็นเทพเป็นเซียนก็คงยากจะหาพบ

    เพื่อเลี่ยงไม่ให้ทางฝ่ายจัดงานจะทันได้เข้ามาแทรกทำลายแผนการที่วางไว้ทั้งหมด พอเข้าไปถึงยังพื้นที่ที่กำหนดไว้ผมก็เปิดเครื่องตรวจจับโลหะที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วทันที ส่วนเฒ่าเสิ่นก็คอยเลี่ยงไม่ให้กล้องจับถูกตำแหน่งของเครื่องตรวจจับโลหะ

    หลังจากผ่านไปได้ประมาณสิบกว่านาที บริเวณหน้าบ้านดินซึ่งสร้างเลียนแบบหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของจีน เครื่องตรวจจับโลหะก็ส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีโลหะอยู่ใกล้ๆ เฒ่าเสิ่นฉลาดเฉียบแหลม ปฏิภาณไหวพริบฉับไว เขารีบอัดสปอตโฆษณาที่ทางฝ่ายผู้จัดเตรียมเอาไว้ให้ทันที

    ‘ตูซื่อชุนคือหมู่บ้านเพียงหนึ่งเดียวในประเทศที่จำลองหมู่บ้านชื่อดังทั่วโลกเอาไว้ ดูสิครับ นักล่าสมบัติกลุ่มนี้กำลังสนอกสนใจสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตรงหน้า พวกเขากำลังเทียบตำแหน่งที่ยืนอยู่ในตอนนี้กับแผนที่ซ่อนสมบัติ นี่เป็นการประลองสติปัญญากันอย่างแท้จริง…ขอบคุณผู้จัดบริษัทอัญมณี xxx ฮ่องกงที่ให้การสนับสนุนรายการของทางสถานี…’ เฒ่าเสิ่นพูดพลางขยับมือส่งสัญญาณให้เจ๊ผิงกางแผนที่ซ่อนสมบัติ ผมกับซุ่นจื่อขยับเข้าไปหาเจ๊ผิง กล้องของเฒ่าเสิ่นจับภาพมาที่พวกผมที่กำลังแกล้งทำเป็นรวมหัวศึกษาแผนที่ซ่อนสมบัติ

    ผมแกล้งทำเป็นตื่นเต้น ร้องตะโกนเสียงดัง ‘ต้องใช่ที่นี่แน่!’ หลังจากนั้นพวกเราก็ไปล้อมค้นบ้านเตี้ยๆ หลังนั้นโดยละเอียดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เฒ่าเสิ่นจงใจโฟกัสไปยังเจ๊ผิงที่แกล้งทำเป็นค้นหาสมบัติอยู่ เปิดโอกาสให้ผมที่ถือเครื่องตรวจจับโลหะหลบพ้นออกจากขอบเขตการบันทึกของกล้อง ผมตรวจสอบค้นหาอย่างระมัดระวัง และยิ่งเดินลึกเข้าไปในบ้านมากเท่าไร ไฟสัญญาณก็ยิ่งกะพริบถี่มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็แปลว่าในเวลานี้ผมอยู่ห่างจากวัตถุนั้นน้อยลงทุกที ทันทีที่ไฟสัญญาณค้างนิ่งเลิกกะพริบ ใจผมก็เหมือนมีดอกไม้ผลิบานอย่างรวดเร็ว

    ที่อยู่ตรงหน้าผมในเวลานี้คือหีบลมเก่าๆ ใบหนึ่งที่อยู่ข้างเตาไฟ ส่วนที่หันหน้าหาผมคือช่องที่มีขนาดให้สามารถสอดมือเข้าออกได้โดยสะดวก กติกาของเกมระบุชัดว่าสมบัติจะไม่ถูกฝังไว้ในดิน ดังนั้นผมจึงมั่นใจว่าของต้องอยู่ในนั้นแน่ หลังจากเก็บซ่อนเครื่องตรวจจับโลหะเสร็จผมก็หันไปส่งสัญญาณมือให้เฒ่าเสิ่นเหมือนที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้า พอกล้องของเฒ่าเสิ่นจับมาทางผม ผมก็จงใจทำท่าประหลาดใจราวกับค้นพบดินแดนใหม่ ‘ที่ด้านข้างหีบลมนี้มีรูอยู่รูหนึ่ง ผมจะลองล้วงเข้าไปดู’

    ต้องยอมรับว่าตอนคุกเข่าล้วงมือเข้าไปนั้นใจผมคิดอยู่ก็แต่ว่าจะเอาเงินที่ได้มาไปใช้ยังไง ผมมั่นใจว่ายังไงก็ต้องได้มันมาแน่ๆ ขณะกำลังยื่นมือเข้าไปผมก็แอบนึกแสดงความยินดีกับตัวเอง ตอนผมคลำถูกโลหะอะไรบางอย่าง ความสุขยากบรรยายก็มาพร้อมกับสัมผัสเย็นเยียบจากผิวโลหะที่ปลายนิ้ว ผมตื่นเต้นสุดๆ แต่พอผมเตรียมจะหยิบมันออกมามือผมกลับแข็งทื่อเอาเสียดื้อๆ ที่ผมจับได้ไม่ใช่ทองแท่ง แต่เป็นของแข็งๆ รูปทรงยาวๆ ขนาดของมันไม่ใหญ่ ที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะเป็นอะไรบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับจี้ห้อยคอ หลังจากลองคลำมันดูโดยละเอียดอยู่รอบหนึ่งผมก็พบว่ามันดูเหมือน…เหมือนจะเป็นดาบเล่มหนึ่ง

    ในตอนนั้นกล้องของเฒ่าเสิ่นจับนิ่งอยู่บนตัวผม ผมหันไปส่งสัญญาณมือลับๆ ให้กับเจ๊ผิง บอกให้เจ๊ผิงเรียกเฒ่าเสิ่นให้หันกล้องไปทางอื่นก่อน เฒ่าเสิ่นร่วมมือรวดเร็ว ใส่เสียงบรรยายจอมปลอมลงไป

    ‘เอาล่ะครับ พวกเราก็ได้เห็นสถานการณ์ของพ่อรูปหล่อที่ชื่อจินเสี่ยวอิ้นไปแล้ว ทีนี้พวกเรามาดูอีกหนึ่งหนุ่มหล่อกัน…’ ถึงแม้เขาจะแพนกล้องย้ายไปที่ซุ่นจื่อที่กำลังแกล้งทำเป็นวุ่นวายค้นหาโน่นนั่นนี่อยู่ แต่สายตาแปลกประหลาดกลับยังคงจ้องนิ่งมองดูผม ครั้นผมล้วงเอาของที่อยู่ด้านในออกมา พวกเราทุกคนต่างล้วนตะลึงงัน

    ใช่ดาบจริงๆ เป็นดาบพกเล่มหนึ่ง ดาบพกที่มีเครื่องประกอบครบชุด

    เฒ่าเสิ่นปิดกล้องลงดื้อๆ เขาเดินดิ่งเข้ามาหา ปากก็พูด ‘สมบัติในเกมคือทองแท่ง ฉันเห็นมันกับตาว่าพวกเขาเอามันใส่กล่องติดรหัส’ ยังไม่ทันที่พวกเราจะได้ดูมันโดยละเอียด เสียงโทรศัพท์ของเฒ่าเสิ่นก็ดังขึ้น แค่ได้ยินพวกผมก็รู้ทันทีว่ากล้องหลักทางนั้นต้องการเปลี่ยนมาตามถ่ายพวกเรา ผมรีบซ่อนดาบพกไว้ในเป้สะพายหลัง ค้อมตัวกวาดไฟฉายส่องเข้าไปด้านในหีบลม ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว

    กว่าเกมจะจบฟ้าก็มืดค่ำไปเป็นที่เรียบร้อย คืนนั้นพวกเรามารวมตัวแบ่งสมบัติที่ได้มาโดยบังเอิญ

    เฒ่าเสิ่นที่ทึกทักว่าตัวเองมีผลงานมากที่สุดเลือกเอาห่วงหยกประดับดาบที่คิดว่ามีค่ามีราคามากที่สุดใส่ถุง

    เจ๊ผิงที่อยู่อีกด้านให้ผมเลือกก่อน แต่เฒ่าเสิ่นกลับหยิบเอาฝักดาบที่มีหินสีฟ้าประดับอยู่ตรงกลางให้กับเจ๊ผิง ปากก็พูดราวกับมีบุญคุณกับผมมากมาย ‘ที่เหลือสองชิ้นนั้นเป็นของนายทั้งหมด’ ผมแอบนึกอยู่ในใจว่าบ้านเอ็งสิ ที่นอนอยู่บนโต๊ะเหลือก็แต่ดาบพกที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวอักษร s ที่ถูกยืดออก เขรอะไปด้วยสนิมสำริดสีเขียว กับที่แขวนดาบอันเล็กๆ ติดอยู่ที่ด้านนอกอีกอัน

    ซุ่นจื่อรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผม เขายื่นนิ้วชี้ไปทางเฒ่าเสิ่นเตรียมเอ่ยปากด่า ก่อนจะถูกผมขวางเอาไว้ ไม่ว่าจะขาดทุนหรือถูกเอาเปรียบสักแค่ไหน ยังไงผมก็ต้องไว้หน้าเจ๊ผิงบ้าง หลังส่งพวกเขาเสร็จผมก็เอ่ยปากชวนซุ่นจื่อให้นั่งกินเหล้าอยู่ด้วยกันต่อ ผมกล้าพูดว่าตั้งแต่เริ่มจนจบซุ่นจื่อไม่ได้พูดขอแบ่งกับผมเลยแม้แต่คำเดียว ไม่แม้แต่จะแสดงทีท่าอยากได้ออกมาให้เห็น ตอนผมบอกว่าจะยกที่แขวนดาบเล็กๆ นั่นให้กับเขา เขายังตกใจรีบเอ่ยปากปฏิเสธ บอกว่าตกลงกันแล้วว่าจะจ้างเขาห้าร้อยก็คือห้าร้อย ของสิ่งนี้เขารับไว้ไม่ได้ ซุ่นจื่อถืงอายุจะยังน้อย แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในย่านค้าของเก่ามานานหลายปี ย่อมต้องรู้ว่าเจ้าของเล็กๆ ดูไม่มีค่ามีราคาชิ้นนี้หากขายอย่างน้อยก็ต้องได้สักสามถึงห้าพันเหรียญ

    เห็นท่าทีที่น่าสงสารของเขาผมก็ยิ่งไม่ยอมแพ้ สุดท้ายผมก็จับมันยัดใส่มือเขา บอกว่าครั้งนี้ถือว่าพวกเราร่วมมือกัน ที่แขวนดาบอันเล็กๆ ยังไงก็มีค่าไม่เท่ากับดาบ แบ่งของที่ไม่มีราคาค่างวดให้แบบนี้ เงินห้าร้อยก่อนหน้าก็ถือเสียว่าผมชดเชยเพิ่มให้ไปก็แล้วกัน

    เขาไม่พูดอะไรอีก แต่ผมเห็นชัดว่าในเบ้าตาของเขามีน้ำตาเอ่อคลอ

    คืนนั้นพวกเราสองคนเมากันเละตุ้มเป๊ะไม่ต่างอะไรกับดินเลน

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    สามารถติดตามทดลองอ่านบทอื่นๆได้ที่ >> บทที่ 1-2 | บทที่ 3-4 | บทที่ 5

    5 of 5หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ซยงหนู

    นิยายยอดนิยม

    Facebook