• Connect with us

    Enter Books

    ซยงหนู

    ทดลองอ่าน ซยงหนู ทัณฑ์สวรรค์ อาถรรพ์ต้องสาป เล่ม 1 บทที่ 5

     

    เนื้อความด้านบนถูกส่งมาเป็นไฟล์รูปภาพ ที่ตามติดมาเป็นตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า ใช้วิธีการควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ระยะไกลดึงข่าวออกมาจากแฟ้มเอกสารข้อเท็จจริงที่ไม่อนุญาตให้ตีพิมพ์ของนักข่าวฝึกหัดรายหนึ่ง

    ที่อยู่ถัดลงมาอีกคือภาพภาพหนึ่ง เป็นภาพที่ทำให้ผมขนลุกขนพองไปทั้งตัว

    ใต้หินทรงกลมขนาดใหญ่กว่าครึ่งตัวคนคือรถโฟล์กสวาเกนเจ็ตตาสีเทาที่ครึ่งหน้าถูกทับจนบุบบู้บี้ ส่วนครึ่งหลังก็ดูไม่ต่างอะไรกับก้นงอนๆ ของนกกระจอกเทศที่ชี้กระดก ร่างกายนับแต่ลำคอลงไปของเฒ่าเสิ่นถูกทับแบนอยู่ด้านล่างจนกลายเป็นเนื้อบด บนพื้นเจิ่งนองไปด้วยธารเลือดสกปรกปะปนอยู่กับเครื่องในมนุษย์ ในภาพเห็นก็แต่เพียงหัวที่เอียงกระเท่เร่ของเฒ่าเสิ่น ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างราวกับก่อนตายมองเห็นสิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดในโลก ยังไม่ทันจะได้หลับตาก็ถูกทับตายอยู่ที่นี่แล้ว

    ในภาพพิกเซลสูง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เป็นสายตาตื่นตะลึงของคนที่กำลังจะตาย

    พอสงบสติอารมณ์ได้ผมก็รีบตรวจสอบสถานะเวยปั๋วของผู้รับใช้โม่ตู๋ทันที ผลลัพธ์ที่ผมเจอก็คือไม่มียูเซอร์เนมดังกล่าว

    สมองผมเหมือนกำลังจะระเบิด

    คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดาบพกของข่านโม่ตู๋ก็มีแค่พวกผมสี่คนเท่านั้น ตอนนี้ตายไปแล้วสาม แถมยังตายอย่างอัศจรรย์พันลึกอีกต่างหาก ในเมื่อเป็นแบบนี้คนต่อไปก็คงไม่แคล้วต้องเป็นผม

    ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวผมก็กัดเคี้ยวซาลาเปาในปากเต็มแรง อย่างกับว่าภาพการตายอันน่าอนาถของเฒ่าเสิ่นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับความอยากอาหารของผมเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าผมกำลังกลัว กลัวว่าอีกเสี้ยววินาทีนับจากนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้กินอีก ผมอ่อนแอราวกับน้ำหยดหนึ่ง น้ำหยดเล็กๆ ที่กำลังจะร่วงลงไปในเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่เผาไหม้ลุกลามทั่วท้องฟ้า ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มลุกลามกระจัดกระจายไปทั่วทั้งกระดูกของผม ก่อนจะเอ่อล้นเนื้อหนัง ท่วมหัวสมองของผม ทะลักทลายออกมาตามรูขุมขน จมูก ดวงตา ห้อมล้อมร่างกายของผมไว้ทั่วทุกแห่งหน แพร่กระจายออกอย่างบ้าคลั่ง พร้อมจะพรากเอาชีวิตที่แสนเปราะบางของผมไปได้ทุกเมื่อ ผมไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน ทำได้เพียงพยายามเติมเต็มความต้องการทางร่างกายก่อนหายนะจะมาเยือนอย่างสุดความสามารถ ยามฟันกัดกระทบเข้ากับซาลาเปาหนาๆ สติสัมปชัญญะในสมองของผมที่มีอยู่เพียงน้อยนิดจนน่าสงสารก็ตระหนักได้ว่าตัวผมในเวลานี้ยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่

    หน้าจอกะพริบเตือนว่ามีอีเมลเข้าไม่หยุด ผมยกมือทั้งสองข้างกุมหัวแน่น พยายามเตือนตัวเองให้สงบจิตสงบใจอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนกว่าที่ผมจะยอมกดเปิดอีเมลดู

     

    ‘ไม่ต้องกลัว ทำตามที่บอก พวกเราก็จะไม่เอาชีวิตคุณ ขอเพียงคนที่เอาดาบพกของท่านข่านไปโดยพลการอย่างพวกคุณยอมส่งมอบมันกลับมาในสภาพสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นคุณก็จะได้รับอภัยโทษจากท่านข่าน พวกเราจำเป็นต้องพบหน้ากันก่อน แล้วผมจะมอบที่เหลืออีกสามส่วนให้ ถึงตอนนั้นผมจะบอกให้รู้เองว่าคุณต้องทำยังไงต่อ

     

    ไม่ฆ่าผม…ผมยิ้มราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา เศษซาลาเปาบนริมฝีปากถูกถ่มลงบนโต๊ะด้วยกิริยาท่าทางไม่ชวนมอง ไม่มีเหตุผลที่ผมจะไม่ทำตามที่อีกฝ่ายบอก ถึงในใจจะยังเหลือความรู้สึกสงสัย ไม่แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นจริงตามที่เขาพูด ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นผู้รับใช้โม่ตู๋จริงหรือเปล่า ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าดาบพกเล่มนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเทียนฉีที่พวกเขาพูดถึงในอีเมล แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมรู้และเข้าใจดี นั่นก็คือถึงแม้อีกฝ่ายจะเริ่มต้นจากความปรารถนาแรกเริ่มที่ไม่อาจบอกใครได้ ถูกผลักดันด้วยผลประโยชน์ที่ผมเองในตอนนี้ก็ไม่อาจทายถูก แต่ในเมื่อพวกเขาบอกว่าจะไม่ฆ่าผม ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็มีเพียงแต่ทำตามคำสั่งของพวกเขาเท่านั้น นอกจากนี้ถึงพวกเขาจะเป็นเพียงคนสามัญธรรมดา แต่ก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ซุ่นจื่อ เจ๊ผิง เฒ่าเสิ่น แต่ละคนล้วนตายอย่างอนาถภายใต้เงื้อมมือของพวกเขา จึงแน่นอนว่าเรื่องที่จะให้ผมตายอนาถกว่าคนอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงแต่อย่างใด

    เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับผมในตอนนี้คือเอาตัวเองให้รอดก่อน

    ยิ่งไปกว่านั้นสัญชาตญาณกำลังเตือนให้ผมรู้ว่าหากพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะนี้ คำพูดทั้งหมดที่คนคนนี้พูดมีความเป็นไปได้สูงมากว่าน่าจะเป็นความจริง

    หลังจากตกลงกันเรื่องเวลาและสถานที่แน่ชัด และรับปากว่าจะยอมเชื่อฟังเขาแต่โดยดี ผมก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายตามเวลาที่กำหนดไว้

     

    สถานที่ : เขตจิ่นเฉิง ร้านกาแฟหย่าฉิงเตี้ยว

    เวลา : วันนี้ ทุ่มครึ่ง

    ผมไม่คุ้นกับจิ่นเฉิง เขตอุตสาหกรรมวัฒนธรรมใหม่บริเวณชานเมืองที่ต้องนั่งรถโดยสารประจำทางไปอีกราวๆ สามชั่วโมงนี้สักเท่าไหร่นัก แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานให้ผมนั่งรถไฟไป หลังจากนั้นก็ให้ต่อรถแท็กซี่ไปยังร้านกาแฟหย่าฉิงเตี้ยว ผมออนไลน์เช็กข้อมูลดูครู่หนึ่งก่อนจะพบว่ามีรถไฟให้นั่งแค่เพียงสองสายเท่านั้น สายแรกออกไปแล้วเมื่อห้านาทีก่อน ส่วนอีกสายกว่าจะออกจากสถานีในเมืองก็ต้องรอจนถึงสี่โมงครึ่ง

    มองดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงกว่าเท่านั้น จะให้นั่งทอดหุ่ยที่สถานีไปเรื่อยๆ ก็คงไม่เข้าท่า ถึงผมจะรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้

    สองสามชั่วโมงต่อมาผมก็ไปนั่งรออยู่ที่ห้องของโอวหยาง

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ซยงหนู

    นิยายยอดนิยม

    Facebook