• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน นิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 26 ตอนที่ 1

    3 of 3หน้าถัดไป

    หลี่อวี๋ออกจากอารามฝ่ายใต้แล้ว

    เชื่อว่าอีกไม่นานข่าวที่น่าตกใจนั้นต้องทะลุผ่านพายุฝนเข้าไปยังตำหนักและจวนของบรรดาราชนิกุลและเหล่าขุนนางในเมืองฉางอันอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เดิมทีไม่ใช่วันประชุมใหญ่ของราชสำนัก แต่จะต้องมีการประชุมใหญ่อย่างแน่นอน

    อารามฝ่ายใต้ท่ามกลางสายฝนยังคงเงียบสงบดุจเดิม คล้ายไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แสงตะเกียงริบหรี่ส่องสว่างได้เพียงมุมหนึ่งของอารามเต๋า ส่องไม่ถึงบริเวณที่ไกลกว่านั้น

    เหอหมิงฉือคุกเข่าอยู่หน้าตะเกียง ร่างกายครึ่งหนึ่งอยู่ในเงามืด

    หลี่ชิงซานนอนป่วยอยู่บนเตียง มองเพดานอยู่เงียบๆ คล้ายมองเห็นฝนที่ตกลงมาบนหลังคาอาราม คิ้วขมวดช้าๆ กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า

    “วันนี้ข้าแก้ไขพระราชโองการ ทำผิดกฎหมายของต้าถังและผิดต่อพระราชประสงค์ของฝ่าบาท ไม่รู้เลยว่าหลังจากข้าตายพงศาวดารจะบันทึกเกี่ยวกับตัวข้าอย่างไร ฝ่าบาทจะทรงเห็นข้าเป็นคนเช่นไร”

    เหอหมิงฉือไม่ได้พูดจาสิ่งใด ในช่วงเวลาเช่นนี้พูดอะไรล้วนไม่เหมาะสม

    หลี่ชิงซานกล่าวอย่างเฉยชาว่า

    “แต่ข้าไม่นึกเสียใจ เพราะองค์หญิงกล่าวถูกต้องแล้ว แทนที่จะพูดว่าข้าเชื่อใจนางและองค์ชายฮุยหยวน มิสู้พูดว่าข้าไม่มีทางเชื่อใจพระอัครมเหสี ข้าจะให้ปราชญ์หญิงของพรรคมารกุมอำนาจสูงสุดในต้าถังได้อย่างไร

    ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ฝ่าบาทคงไม่อายุสั้นถึงเพียงนี้”

    เหอหมิงฉือเงยหน้ามองหลี่ชิงซานครั้งหนึ่ง ใจคิด เหล่าขุนนางในราชสำนักและราษฎรตามท้องถนนต่างคิดว่าพระอัครมเหสีและราชครูมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ใครเลยจะล่วงรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร

    “ระยะไม่กี่ปีมานี้ เมืองฉางอันจัดงานศพหลายงาน ขุนนางอาวุโสสามแผ่นดิน ขุนศึกชราวัยต่างทยอยกันลาโลก ตอนนี้ฝ่าบาทก็สวรรคตแล้ว แม้แต่จอมปราชญ์ยังขึ้นสวรรค์ไปแล้ว หากนี่ไม่ใช่เจตนาฟ้าแล้วคืออะไร”

    หลี่ชิงซานหันไปมองเหอหมิงฉือแล้วกล่าวว่า

    “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าเป็นคนของเขตชิงเหอ”

    “ครอบครัวข้าแยกย่อยมาจากตระกูลเหอของเขตชิงเหอ”เหอหมิงฉือก้มหน้ารับคำ

    หลี่ชิงซานหรี่ตาลง

    “คือตระกูลเหอที่เคยให้กำเนิดต้าเสินกวนผู้หนึ่ง?”

    เหอหมิงฉือเงียบอยู่ครู่ก่อนตอบ

    “ถูกต้องขอรับ”

    หลี่ชิงซานมองศิษย์รักของตน ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า

    “ดูแล้วข้าเดาไม่ผิด เจ้าเป็นคนของเจ้านิกายจริงๆ มิน่าถึงได้สนใจค่ายกลสยบเทวะนัก”

    เหอหมิงฉือรู้สึกตัวเย็นขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันโน้มตัวไปข้างหน้า สองมือยันพื้นด้วยอาการสั่นเทา ไม่รู้เวลานี้ควรพูดสิ่งใด

    หลี่ชิงซานกล่าวว่า

    “เรื่องที่ตลอดชีวิตนี้เจ้านิกายอยากทำมากที่สุดคือนำทหารม้าพิทักษ์นิกายบุกเข้าฉางอัน รับต้าถังกลับเข้าไปในแสงเจิดจรัสของอาศรมเทพอีกครั้ง มันจึงอยากทำลายค่ายกลสยบเทวะมากกว่าใครๆ

    เจ้าฝึกฌานรับใช้เฮ่าเทียนอยู่ที่อารามฝ่ายใต้มานานขนาดนี้ เป้าหมายย่อมเป็นค้นหาดวงตาของค่ายกล น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีพรสวรรค์ในมรรคาแห่งยันต์ ศิษย์พี่เหยียนเซ่อจึงไม่ได้รับเจ้าเป็นศิษย์ ดวงตาค่ายกลสุดท้ายส่งต่อให้หนิงเชวีย ตอนนี้ดวงตาค่ายกลอยู่ที่สถานศึกษา เจ้ายิ่งไม่มีทาง ดังนั้นหลายวันนี้เจ้าจึงได้แต่ไปที่หอไม้เล็กๆ นั่น คิดทดลองดูว่าจะมีวิธีอื่นที่ทำลายค่ายกลได้หรือไม่”

    เหอหมิงฉือตอนนี้จึงรู้ว่าเรื่องที่ตนกระทำในช่วงที่ผ่านมาที่แท้ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของอาจารย์ จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ราชครูแห่งต้าถังจะถูกหลอกง่ายๆ ได้อย่างไร

    เหอหมิงฉือถามเสียงสั่นว่า

    “ในเมื่ออาจารย์รู้เรื่องพวกนี้ ไฉนที่ผ่านมาจึงไม่เปิดโปงข้า”

    “เพราะเจ้าเป็นศิษย์รักของข้า และข้าก็กำลังชั่งใจ”หลี่ชิงซานตอบ

    “ชั่งใจ?”

    “ซย่าโหวเป็นคนของพรรคมาร ต่อมากลายเป็นเค่อชิงของนิกายเต๋าและเป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าถัง ชีวิตนี้ของมันถูกบีบให้หายใจอย่างยากลำบากและทุกข์ทรมานแสนสาหัส ข้านับถือเฮ่าเทียน ภักดีต่อต้าถัง มีหรือที่ข้าจะไม่ลำบากใจ

    กระนั้นข้าก็ยังไม่ต้องชั่งใจ เพราะข้าไม่ต้องเลือก ข้ารู้ว่าเส้นทางแห่งแคว้นต้าถังจะราบรื่นและมั่นคง ทว่าตอนนี้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ข้าอยากช่วยต้าถังเลือกเส้นทางที่มั่นคงกว่าเดิม ดังนั้นข้าจึงเลือกองค์หญิง และไม่เปิดโปงเจ้า…

    คนทั้งโลกล้วนพูดว่าเมืองฉางอันไม่มีทางถูกทำลาย โลกของการฝึกฌานล้วนยกย่องความแข็งแกร่งของค่ายกลสยบเทวะ แต่มีสักกี่คนที่รู้ว่าสิ่งที่ไม่อาจถูกทำลายอย่างแท้จริงคือจอมปราชญ์

    ถ้าจอมปราชญ์ไม่ขึ้นสวรรค์ไป ป่านนี้เจ้าคงตายไปแล้ว”

    หลี่ชิงซานมองเหอหมิงฉือพลางกล่าวต่อไปว่า

    “แต่สุดท้ายจอมปราชญ์ก็ขึ้นสวรรค์ หรืออาจกล่าวได้ว่าตาย พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่สามารถเอาชนะเฮ่าเทียน นิกายเต๋าต้องไม่ปล่อยสถานศึกษาไว้แน่ และไม่ปล่อยต้าถังอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีสถานศึกษาของจอมปราชญ์ย่อมไม่มีทางต่อต้านคนทั้งโลกได้โดยลำพังเหมือนอย่างพันปีที่ผ่านมา ดังนั้นต้าถังต้องพ่ายแพ้

    หากต้าถังต้องการดำรงอยู่สืบไปมีแต่ต้องกลับสู่อ้อมกอดของเฮ่าเทียน

    ข้ารู้ว่าเจ้าและองค์ชายฮุยหยวนมีพันธสัญญาต่อกัน แต่เจ้าจงอย่าลืม ชาวถังเป็นสาวกของเฮ่าเทียน และเจ้าก็เป็นชาวถัง ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ขั้นตอนนี้มีการเสียเลือดเสียเนื้อน้อยลง”

    เหอหมิงฉือนิ่งเงียบอยู่นาน จากนั้นโขกศีรษะอย่างแรงคราหนึ่ง

    “ศิษย์จะพยายามอย่างสุดชีวิต!”

     

    ฝนยังคงตกหนัก แต่เมืองฉางอันกลับเหมือนมีหิมะตก

    เมืองเก่าแก่ที่มีอาวุโสร่วมพันปีเปลี่ยนเป็นสีขาวภายในคืนเดียว ธงจำนวนมากปลิวสะบัดอยู่ตามท้องถนน ใบหน้าของราษฎรที่ยืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคาประดับด้วยความเศร้าโศก ถึงขนาดมีคนจำนวนมากใส่ชุดไว้ทุกข์

    สีขาวที่แสดงถึงการไว้อาลัยนี้มีเพียงส่วนน้อยที่มอบให้จอมปราชญ์ เพราะจอมปราชญ์เดิมทีมิได้โดดเด่นในโลกิยะ มีคนธรรมดาเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าผู้ปกปักรักษาโลกมนุษย์ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

    ผู้ที่ราษฎรเมืองฉางอันไว้อาลัยให้คือผู้ปกปักรักษาต้าถัง จักรพรรดิผู้ทรงพระปรีชาสามารถและเมตตากรุณาของพวกมัน เสียงร้องไห้ครวญคร่ำที่ดังกระหึ่มมหานครฉางอันคือการน้อมส่งเสด็จฝ่าบาทอันเป็นที่รักครั้งสุดท้าย

    บรรดาขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ต่างคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝนเบื้องหน้าตำหนักกลางของวังหลวง ชุดประจำตำแหน่งของเหล่าขุนนางเปียกชุ่มนานแล้ว ชุดเกราะของเหล่านายทหารถูกฝนชะล้างจนดูวาววับ

    ขันทีผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าบันไดหินอ่านพระราชโองการ

    ต้าเสวียซื่อ*จำนวนหนึ่ง เสนาบดีของทุกกรมกอง รวมถึงอัครเสนาบดีและแม่ทัพคนสำคัญยืนอยู่หลังขันทีผู้นั้น อารมณ์บนใบหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันไป มีทั้งตื่นตะลึงและประหลาดใจ แต่ลึกๆ แล้วต่างเศร้าสร้อย

    ต้าถังยังไม่ทันหายจากความเศร้าโศกก็ต้องต้อนรับนายคนใหม่

    หลี่ฮุยหยวนเดินไปที่บัลลังก์ จากนั้นหันกายนั่งลง

    นับแต่นี้เป็นต้นไปมันไม่ใช่องค์ชายแล้ว แต่เป็นจักรพรรดิ

    ใบหน้าของมันยังคงขาวซีดดูไม่ค่อยแข็งแรง แต่สีหน้ากลับอ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ ความเย็นชาในแววตาเปลี่ยนเป็นความน่าเกรงขาม สง่าราศีบารมีจับต้องไปทั้งร่าง

    จนกระทั่งบัดนี้เหล่าขุนนางค่อยพบว่าที่แท้องค์ชายเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

    เมื่อเห็นจักรพรรดิองค์ใหม่ที่สง่าผ่าเผยบนบัลลังก์ และใบหน้าที่ถอดแบบมาจากจักรพรรดิองค์ก่อน ขุนนางอาวุโสที่เหลืออยู่น้อยเต็มทีบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาเพราะความตื้นตันใจ

    ด้านขุนนางและแม่ทัพฝ่ายพระอัครมเหสีคุกเข่าทำความเคารพตามขุนนางคนอื่นๆ พวกมันนิ่งเงียบไม่ปริปาก ต่างแสดงความนบนอบ แต่ในใจกลับรู้สึกอัดอั้น ถึงขนาดสงสัยต่อพระราชโองการ

    ทว่าพระราชโองการทำปลอมไม่ได้ ความสงสัยของพวกมันจึงไม่มีหลักฐาน

    พวกมันได้แต่รอพระอัครมเหสีพาองค์ชายอีกพระองค์พร้อมพระศพของจักรพรรดิองค์ก่อนกลับมาฉางอัน

    จนกว่าจะถึงเวลานั้น พวกมันได้แต่ฝากความหวังไว้กับสถานที่สองแห่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างนี้ได้

    มีขุนนางคนหนึ่งไปสถานศึกษา ทว่าสถานศึกษาปิดประตูไม่รับแขก

    ขุนนางคนนั้นค่อยคิดได้ว่าจอมปราชญ์จากโลกนี้ไปแล้ว

    มีขุนนางคนหนึ่งไปอารามฝ่ายใต้ ผู้คนในราชสำนักมารู้ในภายหลังว่าพระราชโองการของฝ่าบาทเก็บรักษาไว้ที่นั่น ดังนั้นพวกมันจึงอยากถามราชครูหลี่ชิงซาน

    ประตูของอารามฝ่ายใต้เปิดแล้ว ผู้ที่เดินออกมาคือเหอหมิงฉือ ผ้าคาดเอวของมันเป็นสีขาว

    ราชครูหลี่ชิงซานล้มป่วยมานาน บัดนี้ได้จากไปแล้ว

    นับแต่นี้เป็นต้นไปมันคือเจ้าอารามคนใหม่ของอารามฝ่ายใต้ และเป็นประมุขของนิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ด้วย

    3 of 3หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook