• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน นิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 26 ตอนที่ 2

    มันประคองถ้วยสุรา นิ่งงันไปพักหนึ่ง จากนั้นยกขึ้นดื่มช้าๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเซื่องซึมว่า

    “ตอนนี้ฝ่าบาทสวรรคตแล้ว ยังจะมีใครปกป้องข้าได้”

    สวีเหลียงโส่วเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย รู้ว่ามันคิดฆ่าตัวตาย รู้สึกกังวลจึงกล่าวโน้มน้าวอย่างจริงใจว่า

    “ตอนนี้จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ องค์หญิงยังคงเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่พระอัครมเหสีและองค์ชายหกยังไม่กลับมา ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะฝ่าบาทหรือองค์หญิงล้วนไม่อยากให้เกิดการวิจารณ์ถกเถียง ตามหลักแล้วคงไม่บีบคั้นใต้เท้าจนเกินไป อีกประการ…หากองค์หญิงต้องการแก้แค้นเรื่องในอดีต เหตุใดต้องส่งคนมาถามใต้เท้า”

    เหมียวเข่อฉือมองสวีเหลียงโส่วพลางตอบว่า

    “องค์หญิงมีสติปัญญาสูงส่ง แน่นอนว่าไม่บีบข้าให้ตายเพราะเรื่องในอดีต แต่เจ้าน่าจะรู้ว่าคำทำนายสำหรับดวงจันทร์นี้นางต้องการได้ยินสิ่งใด”

    สวีเหลียงโส่วนิ่งเงียบ ต่อความคิดจิตใจขององค์หญิงสี่แห่งต้าถัง มันผู้เป็นรองหัวหน้าสำนักโหราจารย์เข้าใจเป็นอย่างดี ในเมื่อตอนนั้นที่แสงดาวหม่นหมองยามราตรี คำทำนายของสำนักโหราจารย์ชี้ไปที่องค์หญิง เช่นนั้นตอนนี้จันทราปรากฏบนท้องฟ้า ทำไมสำนักโหราจารย์จะเขียนคำทำนายเหมือนอย่างตอนนั้นเพื่อชี้ไปที่พระอัครมเหสีผู้ซึ่งยังไม่กลับมาไม่ได้

    “ข้าเฝ้ามองดูดวงดาวมานานขนาดนี้ นอกจากคืนนั้นที่ดาวมืดลงข้าก็ไม่เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวอีกเลย ดังนั้นหน้าที่ของสำนักโหราจารย์เราที่จริงไม่มีอะไรน่าสนใจ”

    ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ อารมณ์ของเหมียวเข่อฉือก็ดีขึ้น ดื่มสุราติดต่อกันหลายถ้วยพลางกล่าวอธิบายด้วยอาการเมาน้อยๆ

    “แต่เจ้าสิ่งที่เรียกว่าดวงจันทร์นี้แตกต่าง มันกลมเว้าอย่างมีแบบแผน มืดสว่างอย่างมีกฎเกณฑ์ มีการเปลี่ยนแปลงที่แยบคาย มีประโยชน์มากต่อการสร้างปฏิทินและสังเกตท้องฟ้า น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสแล้ว”

    สวีเหลียงโส่วได้ยินคำพูดนี้ก็อดร้อนใจมิได้ กล่าวโน้มน้าวอีกว่า

    “ในเมื่อองค์หญิงเมตตาปรานี ใต้เท้าน่าจะปรับตัวไปตามสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

    เหมียวเข่อฉือได้ฟังก็จ้องตาสวีเหลียงโส่ว กล่าวเสียงเข้มว่า

    “สำนักโหราจารย์เราแรกเริ่มเดิมทีล้วนเป็นไท่สื่อลิ่ง*มาควบตำแหน่ง นี่เพราะเจตนาฟ้า ใจคนและพงศาวดารมิอาจหลอกลวง!แล้วเหตุใดข้าต้องฝืนใจแต่งคำทำนายเท็จออกมา

    ตามกฎหมายของต้าถังและหลักเกณฑ์การทดแทนตำแหน่งของกรมปกครอง เมื่อข้าไม่อยู่แล้วเจ้าก็คือหัวหน้าสำนักโหราจารย์ ตอนนี้ข้าถูกบีบคั้นจนสิ้นหนทางนั่นเพราะข้ามีลูกที่ไม่เอาไหน ถูกพี่น้องในวังคู่นั้นยึดถือเป็นจุดอ่อน แต่เจ้าไม่เหมือนข้า เจ้าเที่ยงตรงทั้งกายใจ ทั้งไม่มีสิ่งใดผูกมัด หลังจากข้าไปแล้วเจ้าอย่าทำให้สำนักโหราจารย์ต้องขายหน้า!”

    สวีเหลียงโส่วนิ่งเงียบอยู่นานก่อนพยักหน้าเบาๆ

    เห็นมันแสดงออกเช่นนี้เหมียวเข่อฉือจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวช้าๆ ว่า

    “จักรพรรดิองค์ก่อนใช้ชื่อรัชสมัยว่าเทียนฉี่ (เบิกฟ้า) คนจำนวนมากไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ ตอนนี้ดูไปแล้ว…จอมปราชญ์ลาโลก ฝ่าบาทสวรรคต ขุนนางอาวุโสที่เป็นเสาหลักพากันทยอยจากไป นี่คงเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่าเทียนฉี่ เจตนาฟ้ามิอาจฝ่าฝืน…”

    พลันเสียงของเหมียวเข่อฉือดุดันขึ้น

    “แต่ใจคนยิ่งมิอาจหลอกลวง!แม้คนไม่อาจชนะฟ้า ทว่าสามารถไม่คล้อยตามฟ้า ฟ้าจะทำอะไรข้าได้!”

     

    ประตูห้องโถงของสำนักโหราจารย์ในที่สุดก็เปิดออก

    เห็นศพของเหมียวเข่อฉือหัวหน้าสำนักโหราจารย์ที่ดื่มสุราพิษฆ่าตัวตาย สีหน้าของหัวหน้าขันทีพลันไม่น่ามองยิ่ง เสียงที่พูดออกมาก็สั่นและแหลมเล็ก ระคายหูยิ่งนัก

    “บังอาจ…บังอาจนัก!กล้าฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด!”

    สวีเหลียงโส่วยืนอยู่ด้านข้าง มองภาพนี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พอนึกถึงคำพูดก่อนตายของใต้เท้า เห็นขันทีที่กำลังเต้นเร่าด้วยความโมโห มันก็อดเผยรอยยิ้มหยันออกมามิได้

    คนผู้หนึ่งซึ่งไม่ต้องการแม้กระทั่งชีวิตแน่นอนว่ากล้าหาญอย่างล้นเหลือ คนที่แม้แต่ความตายก็ไม่กลัวแล้วจะกลัวความผิดได้อย่างไร คนผู้หนึ่งซึ่งไม่ต้องการแม้แต่ชีวิต เฮ่าเทียนยังทำอะไรมันไม่ได้ แล้วพี่น้องในวังคู่นั้นจะทำอะไรได้!

    หลังจากรู้ว่าเหมียวเข่อฉือหัวหน้าสำนักโหราจารย์ตายแล้ว พวกขุนนางกรมพิธีการต่างรีบจากไป ในสีหน้าปรากฏความรู้สึกซับซ้อนยากอธิบาย

    หัวหน้าขันทีบอกให้สวีเหลียงโส่วตามตนเข้าไปในห้องข้าง จากนั้นมันไปนั่งที่เก้าอี้ กล่าวด้วยสีหน้าคล้ำเข้มว่า

    “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าจากนี้ต้องทำอย่างไร”

    “ขอกงกงโปรดชี้แนะให้กระจ่าง”

    สวีเหลียงโส่วกล่าวอย่างนอบน้อม

    หัวหน้าขันทีตบโต๊ะเบาๆ กล่าวว่า

    “พวกข้าไม่รู้วิธีดูดาว ทั้งหมดล้วนฟังเจ้า”

    สวีเหลียงโส่วเงียบไปครู่ก่อนกล่าวว่า

    “กงกงจะให้ผู้น้อยเขียนจริงๆ หรือ”

    ตอนนี้หัวหน้าขันทีร้อนใจอย่างสุดขีด จึงตวาดว่า

    “พิรี้พิไรอันใด!ยังไม่รีบไปทำให้เสร็จๆ!”

    สวีเหลียงโส่วไม่ถ่วงเวลาอีก เดินไปที่หน้าโต๊ะแล้วตวัดพู่กันเขียนข้อความ

    ‘จันทราหมองรุกรานดารา แผ่นดินจะหาความสงบสุขมิได้’

    หลายปีก่อน สำนักโหราจารย์ดูดาวแล้วเห็นท้องฟ้ายามราตรีเป็นสีเข้มผิดแผกจากปกติ จึงเขียนคำทำนายออกมา หลายปีให้หลังมีดวงจันทร์ปรากฏบนท้องฟ้า ขุนนางของสำนักโหราจารย์กระทั่งมองยังไม่มอง กลับเขียนคำทำนายออกมาแล้ว

    สีหน้าของหัวหน้าขันทีดูขัดตายิ่งนัก แต่โทสะในดวงตากลับเหมือนไฟที่ลุกโชน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า

    “ใต้เท้าสวี นี่คือความหมายใด”

    สวีเหลียงโส่วกล่าวเรียบๆ ว่า

    “ผู้น้อยเป็นรองหัวหน้าของสำนักโหราจารย์ หลังจากใต้เท้าเหมียวตาย ตามกฎหมายของต้าถังรวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ลำดับการแทนที่ตำแหน่งไม่จำเป็นต้องปรึกษาราชสำนัก กงกงในเมื่อต้องการให้ข้าเขียนคำทำนาย ข้าก็เขียนคำทำนาย มีสิ่งใดไม่เหมาะสม”

    หัวหน้าขันทีเดือดดาลแต่กลับยิ้ม ชี้จมูกของสวีเหลียงโส่วพร้อมกล่าวว่า

    “ใต้เท้าสวี ประเสริฐนัก!”    

    สีหน้าสวีเหลียงโส่วพลันเคร่งขรึม ปัดนิ้วผอมแห้งของขันทีผู้นั้นลงแล้วตวาดว่า

    “ที่ข้ายอมเรียกเจ้าว่ากงกง ขอให้เจ้าชี้แนะให้กระจ่าง เรียกตัวข้าเองว่าผู้น้อย เพราะเห็นแก่หน้าคนในวัง!ข้าเป็นขุนนางขั้นสี่ของราชสำนักอย่างเต็มภาคภูมิ ส่วนเจ้าเป็นแค่เศษสวะที่กระจอกงอกง่อย กลับกล้าเสียมารยาทต่อข้า!”

    “บังอาจ! บังอาจนัก!”หัวหน้าขันทีโกรธจนสั่นไปทั้งตัว“เจ้าอยากตายรึ!”

    สีหน้าของสวีเหลียงโส่วเย็นชาดุจน้ำแข็ง

    “ตาย?เจ้าเห็นกฎหมายของต้าถังเป็นเครื่องประดับหรือไร ขอบอกเจ้ากับนายของเจ้าให้รู้ ข้าไม่ใช่ใต้เท้าเหมียว ข้าไม่มีลูกไม่เอาไหนที่เป็นอันธพาลข้างถนน และไม่มีพี่ภรรยาที่ทุจริตรับสินบน!ข้าตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว!อยากให้ข้าตายคงไม่ง่ายดายนัก! ไสหัวไป!”

    สิ้นคำสวีเหลียงโส่วตบหน้าขันทีไปหนึ่งฉาดอย่างแรง เสียงฉาดดังชัดเจน

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook