• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน นิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 26 ตอนที่ 2

    บทที่ 3 กุญแจสำคัญของเมืองฉางอัน

    ต้าถังสถาปนาแคว้นมากว่าพันปี ซั่งกวนหยางอวี่นับว่าเป็นเจ้าเมืองฉางอันที่รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ซึ่งการเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ย่อมทำให้เจ้าตัวไม่มีความสุข แต่ไม่ว่าจะเป็นมันหรือภรรยาล้วนไม่อาจไม่ยอมรับจุดนี้ ดังนั้นเวลาที่ยืนอยู่ในตำหนักอันใหญ่โตน่าเกรงขามมันจึงรู้สึกอับอายในรูปลักษณ์ของตนมากยิ่งขึ้นไปอีก เหงื่อบนหน้าผากก็ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ตารูปสามเหลี่ยมกะพริบไม่หยุด

    หลี่อวี๋เคยพบซั่งกวนหยางอวี่หลายครั้ง รู้ว่าหน้าตามันสุดจะอัปลักษณ์ ทว่าทุกครั้งที่เห็นมันมักรู้สึกว่าความอัปลักษณ์ของคนผู้นี้คล้ายให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่อาจต่อต้าน น่าเสียดายที่เป็นความรู้สึกในแง่ลบ นั่นก็คือความรังเกียจ

    แต่นางควบคุมการแสดงอารมณ์ของตนได้เป็นอย่างดี ใช้วาจาที่ให้เกียรติ ฟังอบอุ่นดุจลมวสันต์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะนางทราบดีว่าภายใต้หน้าตาที่อัปลักษณ์ของเจ้าเมืองผู้นี้มีสติปัญญาและความสามารถที่หาได้ยากยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางนั่งตำแหน่งสำคัญซึ่งดูแลจัดการได้ยากลำบากมาได้นานขนาดนี้

    หลี่อวี๋ยึดถือประโยชน์ที่แท้จริง ขอเพียงมีความสามารถ แม้ทราบดีว่าพฤติกรรมของซั่งกวนหยางอวี่เลวทรามเหมือนหน้าตาของมัน เจ้าเล่ห์และละโมบโลภมาก แต่นางก็ยินดีจะรับไว้ใช้งาน อีกอย่างแม้ซั่งกวนหยางอวี่มีหลายอย่างไม่เหมาะสม แต่มีอยู่หนึ่งเรื่องที่น่าชื่นชม คือหลังจากมันมียศถาบรรดาศักดิ์กลับไม่ทอดทิ้งภรรยาหน้าตาธรรมดาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ยังคงมีความรักที่ลึกซึ้งต่อภรรยาดังเดิม

    ข้อนี้ทำให้หลี่อวี๋ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง บวกกับความสำคัญของตำแหน่งผู้ควบคุมดูแลเมืองฉางอัน ดังนั้นหลังจากจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ขุนนางคนสำคัญคนแรกที่นางต้องการพบจึงเป็นคนผู้นี้

    สำหรับซั่งกวนหยางอวี่ตามหลักการแล้วนี่คือโอกาสดีที่ฟ้าประทาน สำหรับมันที่ไม่เคยรู้ความหมายของคำว่าศีลธรรม การอยู่ในความปกครองดูแลขององค์หญิงและจักรพรรดิองค์ใหม่สมควรไร้ซึ่งความลังเลใดๆ เมื่อพบว่าในวาจาขององค์หญิงมีความหมายในเชิงชักชวน มันสมควรตอบรับในทันที

    ทว่าสิ่งที่ทำให้หลี่อวี๋และคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกประหลาดใจคือท่าทีของซั่งกวนหยางอวี่ แม้ว่าเคารพนบนอบ ประจบสอพลออยู่ตลอดเวลา ถึงขนาดแทบจะคลานเข้าไปจูบหลังเท้าของหลี่อวี๋ หากแต่เมื่อสนทนาเข้าประเด็นมันกลับเบิ่งสองตาโตคล้ายคนปัญญาอ่อนที่ไม่รู้เลยว่าควรต้องตอบอย่างไร

    หลี่อวี๋ขมวดคิ้วนิ่วหน้า นางย่อมทราบว่าซั่งกวนหยางอวี่ไม่มีทางโง่เขลาถึงขนาดฟังไม่เข้าใจคำพูดของตน เช่นนั้นการที่คนผู้นี้แกล้งโง่บ่งบอกได้เพียงอย่างเดียวว่ามันและขุนนางบางส่วนในราชสำนักยังไม่ตัดสินใจ

    เรื่องที่ยิ่งทำให้นางรู้สึกเศร้าหมองคือคนที่สองที่วันนี้นางต้องการพบไม่ยอมเข้าวัง!

    หัวหน้าขันทีและนางข้าหลวงตำหนิความอวดดีของคนผู้นั้นอยู่ด้านข้าง สีหน้าโกรธเกรี้ยวเบี้ยวบูดราวกับอยากจะส่งกองกำลังอวี่หลินไปจับคนผู้นั้นเข้าวังมาลงโทษในทันที

    “หุบปากให้หมด!”หลี่อวี๋ตวาด โบกมือให้ขันทีและนางกำนัลทุกคน รวมถึงนางข้าหลวงที่ใกล้ชิดที่สุดออกไปข้างนอก

    เฉาเสี่ยวซู่ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ตอนนี้นางมีฐานะสูงส่งและมีอำนาจมากล้นก็ยังไม่กล้าเสียมารยาทต่อคนผู้นี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการคิดจะใช้สอย

    เฉาเสี่ยวซู่คือหัวหน้านักเลงที่มีอิทธิพลที่สุดของเมืองฉางอัน แม้ไม่ได้ถามไถ่เรื่องในวงการมาหลายปีแล้ว อย่างปีที่แล้วกลับมาฉางอันก็ไม่ได้สนใจงานในพรรคมัจฉามังกร แต่ทุกคนล้วนทราบดีว่าโลกมืดของเมืองฉางอันยังคงอยู่ในการปกครองของมัน

    ทว่าถ้าเฉาเสี่ยวซู่เป็นแค่หัวหน้านักเลงคนหนึ่ง ใช้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักสักคนไปจัดการก็ได้แล้ว หลี่อวี๋ย่อมไม่ต้องลำบากใจอยู่เช่นนี้

    ปัญหาสำคัญอยู่ที่เฉาเสี่ยวซู่เป็นยอดผู้ฝึกฌานด่านรู้ชะตา มีไมตรีดั่งพี่น้องกับเสด็จพ่อของนาง นางพบฝ่ายตรงข้ามยังต้องเรียกท่านอาเฉา อีกทั้งเฉาเสี่ยวซู่มีพี่น้องมากมายที่ยินดีตายเพื่อมัน และพี่น้องเหล่านั้นในบางแง่มุมถึงขนาดเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเมืองฉางอัน

    หลังจากขันทีและนางกำนัลถูกไล่ออกไป ในตำหนักมิได้เหลือเพียงหลี่อวี๋ แต่เหลือขุนนางวัยกลางคนอีกคนหนึ่งคือโม่หาน ต้าเสวียซื่อที่เข้ามารับราชการเมื่อสี่ปีก่อน

    “องค์หญิงอย่าเพิ่งกังวลไป เฉาเสี่ยวซู่ไม่ยอมเข้าวังไม่ได้หมายความว่ามันมีอคติต่อพระองค์ สมัยก่อนมันปฏิเสธตำแหน่งขุนนางจากฝ่าบาทแล้วออกไปพเนจรถือเป็นการแสดงจุดยืนและท่าทีของมันแล้ว วันนี้ก็ดุจเดียวกับวันนั้นคือต้องการให้องค์หญิงทราบถึงการตัดสินใจของมันที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการปกครองในราชสำนัก”โม่หานกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

    หลี่อวี๋ขมวดคิ้ว

    “ฉางซานและเฟ่ยลิ่วเป็นที่นิยมชมชอบในกองกำลังอวี่หลิน หลิวอู่ตอนนี้เป็นถงหลิ่งของค่ายเซียวฉี เฉินชีพอกลับไปหน่วยองครักษ์ก็กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของสวีฉงซาน คนเหล่านี้ฟังเพียงคำสั่งของเฉาเสี่ยวซู่ ถ้าเสด็จพ่อยังอยู่ พวกมันย่อมไม่กล้าคิดไม่ซื่อ แต่ตอนนี้เสด็จพ่อสวรรคตแล้ว หากเฉาเสี่ยวซู่มีความคิดใดอื่น เมืองฉางอันจะไม่เป็นอันตรายหรอกหรือ ข้าไม่อยากฝากชีวิตไว้กับผู้อื่น”

    รอยยิ้มของโม่หานพลันจางหาย

    “เช่นนั้นองค์หญิงเห็นว่าควรจัดการเฉาเสี่ยวซู่อย่างไร”

    หลี่อวี๋นิ่งเงียบอยู่นาน หลังเข้าใจความหมายของต้าเสวียซื่อผู้นี้จึงตอบว่า

    “เดิมเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสด็จพ่อดำเนินการไว้จึงได้แต่ให้เวลาเป็นตัวเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าข้าหรือพระอัครมเหสีล้วนจัดการไม่ได้”

    โม่หานกล่าวชื่นชมว่า

    “เป็นเช่นนี้จริงๆ ตอนที่ฝ่าบาทก่อตั้งพรรคมัจฉามังกรดูไปเหมือนพรรคธรรมดา ถึงขนาดถูกอวี้สื่อ*ตำหนิว่าสร้างความวุ่นวาย ทว่าใครจะคิด คนของพรรคมัจฉามังกรในสมัยก่อนตอนนี้ได้กลายเป็นบุคคลที่มีความสำคัญถึงเพียงนี้ คนพวกนี้ภักดีต่อจักรพรรดิองค์ก่อนเท่านั้น เช่นนั้นพวกมันย่อมภักดีต่อผู้สืบทอดของพระองค์ซึ่งก็คือจักรพรรดิของพวกเรา องค์หญิงไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนเดิม รักษาความสัมพันธ์อันดีไว้ คิดว่าเฉาเสี่ยวซู่คงเข้าใจความคิดขององค์หญิงได้เอง”

    “ต้าเสวียซื่อกล่าวมีเหตุผล จากนี้ข้าจะจัดการเอง”

    “กองกำลังอวี่หลิน ค่ายเซียวฉี และหน่วยองครักษ์ นอกจากจักรพรรดิองค์ก่อนไม่มีใครสามารถสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว แม้แต่พระอัครมเหสีและชินอ๋อง คืนฝนตกที่ศาลาชุนเฟิงมีคนตายมากมายขนาดนั้น อีกนัยหนึ่งคือการประกาศของจักรพรรดิองค์ก่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นตามความเห็นของผู้น้อย ความปลอดภัยของเมืองฉางอันสามารถวางใจได้”

    สีหน้าของโม่หานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมก่อนกล่าวต่อไปว่า

    “เรื่องที่ผู้น้อยกังวลใจกลับเป็นเรื่องนอกแคว้น ได้ยินว่าที่ทุ่งร้าง จอมปราชญ์ชักกระบี่สู้กับเฮ่าเทียน กองทัพร่วมซีหลิงจึงหันมาเป็นศัตรู จักรพรรดิองค์ก่อนแม้นำทหารม้าชุดเกราะทำลายกองทัพของข้าศึกจนย่อยยับ แต่ตอนนี้จอมปราชญ์ไม่อยู่แล้ว จักรพรรดิองค์ก่อนก็สวรรคตแล้ว อาศรมเทพต้องไม่พลาดโอกาสนี้แน่

    ต้าถังเราแม้เข้มแข็ง แต่กลายเป็นศัตรูของทั้งโลก หากไม่ระวังต้องเจอลมมรสุมลูกใหญ่อย่างแน่นอน ได้ยินว่าองค์ชายหลงชิ่งนำทหารม้าราชสำนักเผ่าจั่วจั้งประกาศจะบุกต้าถังแล้ว เตรียมลงใต้โดยจะขอยืมเส้นทางของแคว้นเยี่ยน องค์หญิงควรแนะนำองค์จักรพรรดิให้เอาใจใส่เรื่องกองทัพให้มากๆ ด้วย ไม่ใช่สนใจแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในราชสำนัก ศัตรูภายนอกอยู่ตรงหน้า ภายในไม่อาจเกิดความวุ่นวายโดยเด็ดขาด”

    หลี่อวี๋รู้ว่าต้าเสวียซื่อหมายถึงเรื่องของสำนักโหราจารย์และหน่วยเทียนซู สีหน้าพลันเคร่งขรึม ซาบซึ้งใจที่ต้าเสวียซื่อผู้นี้ชี้ความผิดของจักรพรรดิออกมาตามตรงจึงกล่าวว่า

    “ต้าเสวียซื่อโปรดวางใจ ข้าจะพูดกับฝ่าบาทเอง”

    โม่หานพยักหน้า

    “เช่นนี้ดีมากพ่ะย่ะค่ะ”

    “เรื่องราชสำนักจั่วจั้งบุกต้าถังและที่ว่าหลงชิ่งจะขอยืมเส้นทางลงใต้ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล คนทั้งโลกล้วนรู้ว่ามันหมายปองตำแหน่งจักรพรรดิแคว้นเยี่ยน รัชทายาทฉงหมิงกับข้ามีสัมพันธ์อันดีต่อกัน คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว แม่ทัพใหญ่เสี่ยนจื๋อหลางมีสติปัญญาเป็นเลิศ ย่อมรู้ว่าควรดำเนินการอย่างไร”

    โม่หานเป็นขุนนางบุ๋นซึ่งหลายปีมานี้สนับสนุนองค์หญิงอย่างเต็มกำลัง เป็นคนสนิทที่ยิ่งกว่าคนสนิท ย่อมรู้ว่าเสี่ยนจื๋อหลางคือคนขององค์หญิง ได้ฟังดังนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง

    “เรื่องชายแดนแคว้นเยี่ยนอาจพักไว้ก่อนได้ เรื่องที่ผู้น้อยกังวลใจอย่างแท้จริงคือทิศเหนือ”โม่หานกล่าวอย่างเป็นกังวล“ตอนนี้เพราะพระอัครมเหสียังอยู่ที่เมืองเฮ่อหลัน กองกำลังฝ่ายเหนือมีฐานะไม่ธรรมดา แม้ไม่ควรยื่นมือเข้าไปส่งเดช แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจ ไม่ทราบองค์หญิงมีแผนการอย่างไรต่อเรื่องนี้”

    กองกำลังฝ่ายเหนือพิทักษ์รักษาพรมแดนยาวเหยียดทางตอนบนของแคว้นต้าถัง มีทหารม้ามากที่สุดและดีที่สุด รับผิดชอบหน้าที่ที่สำคัญและอันตรายที่สุด เป็นปราการป้องกันราชสำนักเผ่าจินจั้งที่แข็งแกร่งมาไม่รู้เป็นเวลานานเท่าใด

    แม่ทัพผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายเหนือคือหนึ่งในสี่แม่ทัพใหญ่ของต้าถัง แม่ทัพใหญ่เจิ้นฮวง (พิทักษ์ทุ่งร้าง) สวีฉือ แม่ทัพใหญ่ผู้นี้เงียบขรึมถ่อมตัวตลอดมา ไม่โดดเด่นสะดุดตา

    ทว่าไม่ว่าหลี่ฮุยหยวนจะนั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงหรือไม่ หรือต้าถังจะต้านทานโลกทั้งใบได้หรือไม่ สวีฉือผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่อาจมองข้าม

    สี่แม่ทัพใหญ่ในอดีต แม่ทัพใหญ่เจิ้นจวินซย่าโหวเป็นคนสนิทของพระอัครมเหสี แม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยคนปัจจุบันเสี่ยนจื๋อหลางเป็นคนของหลี่อวี๋ มีเพียงแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋วสวี่ซื่อและแม่ทัพใหญ่เจิ้นฮวงสวีฉือผู้นี้เท่านั้นที่วางตัวเป็นกลาง

    พวกมันจงรักภักดีต่อจักรพรรดิหลี่จ้งอี้พระองค์เดียวเท่านั้น

    เรื่องที่โม่หานต้าเสวียซื่อกังวลในตอนนี้คือความจงรักภักดีของแม่ทัพใหญ่สวีฉือที่มีต่อจักรพรรดิองค์ก่อนจะสามารถส่งผ่านมายังจักรพรรดิองค์ปัจจุบันได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หรือพูดอีกอย่างคือเปลี่ยนมาภักดีต่อจักรพรรดิองค์ใหม่หรือไม่…

    หลี่อวี๋กล่าวว่า

    “แม่ทัพใหญ่สวีฉือไม่มีทางก้าวก่ายเรื่องการสืบทอดบัลลังก์เป็นแน่ นี่เป็นเรื่องที่เสด็จพ่อบอกข้าเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นข้าเชื่อว่ามันจะรักษาความเป็นกลาง”

    โม่หานพลันส่ายหน้า

    “ในเมื่อฝ่าบาทขึ้นครองราชย์แล้ว แม่ทัพใหญ่ยังรักษาความเป็นกลางเป็นเรื่องไม่เหมาะสม”

    “ต้าเสวียซื่อกล่าวมีเหตุผล ด้วยเหตุนี้ข้าจึงส่งฮว่าซานเยวี่ยไปแล้ว”

    โม่หานขมวดคิ้ว

    “ความภักดีของผู้บัญชาการฮว่าซานเยวี่ยที่มีต่อองค์หญิงแน่นอนว่าเชื่อถือได้ มันกับแม่ทัพใหญ่สวีฉือก็มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ แต่เรื่องพวกนี้…ไม่มีความหมายใด”

    “ในเมื่อข้ามอบหมายงานที่สำคัญที่สุดให้ฮว่าซานเยวี่ย ข้าย่อมเชื่อมั่นว่ามันต้องทำได้สำเร็จ ท่านโปรดวางใจ”

    หลี่อวี๋กล่าวเสียงเรียบ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook