Uncategorized
ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่ม 1 ตอน 1
มินจุนใช้ช้อนตักซูเฟล่ที่อยู่ในแก้วกาแฟขึ้นมาชิม เนื้อสัมผัสนั้นทั้งกรอบและอ่อนนุ่มผสมกัน เวลาเคี้ยวก็จะเหมือนกับการก้าวเหยียบลงไปบนหิมะปุกปุย รสชาติที่ยอดเยี่ยมมันต้องเป็นแบบนี้ การผสมผสานระหว่างรสหวานกับรสเปรี้ยวนั้นเป็นการผสมผสานของรสชาติที่เขาชื่นชอบที่สุด
“แม่…เสร็จแล้ว”
“ยกมาสิ”
“ได้เลย”
ระหว่างที่ฮเยซอนตักเข้าปากเขาก็อดไม่ได้ที่จะลุ้นอย่างตื่นเต้น และแล้วความหวังของเขาก็ไม่แตกสลาย ผู้เป็นแม่ทำตาโตแล้วมองซูเฟล่สลับกับใบหน้าของเขา
“แกทำเองเหรอ”
“เมียผมทำมั้งแม่”
“นี่มันระดับภัตตาคารเลยนะ”
ฮเยซอนพูดพร้อมกับใช้ช้อนจิ้มลงไปที่ซูเฟล่อีกครั้ง
“ว้าว นุ่มมาก”
ฮเยซอนตักเข้าปากอีกคำพร้อมกับจ้องหน้ามินจุนราวกับไม่เชื่อ
“ลูกชายแม่แอบไปเรียนทำอาหารมาเหรอเนี่ย”
มินจุนหัวเราะแห้งๆ แล้วทันใดนั้น…
[ลีฮเยซอนประทับใจใน‘ซูเฟล่เลมอน’ ของคุณ]
[ทักษะการทำอาหาร ณ ปัจจุบันก้าวข้ามขั้นไปแล้ว เลเวลประสบการณ์จึงเพิ่มขึ้น!]
[เลเวลการทำของหวานเพิ่มขึ้น!]
[เลเวลการทำอาหารเพิ่มขึ้น!]
“หน้าต่างสถานะ…”
[โชมินจุน]
เลเวลการทำอาหาร : 5
เลเวลการทำของหวาน : 4
เลเวลการชิม : 6
เลเวลการตกแต่งจาน : 4
การได้เห็นอะไรพวกนี้มันช่างเหนือจินตนาการจริงๆ เหมือนกำลังเล่นเกมทำอาหารอยู่เลย มินจุนมองดูหน้าต่างสถานะของตัวเองด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสับสนอยู่พักใหญ่ พอหันไปมองที่แม่ของตัวเอง หน้าต่างสถานะของอีกฝ่ายก็เด้งขึ้นมา
[ลีฮเยซอน]
เลเวลการทำอาหาร : 3
เลเวลการทำของหวาน : 0
เลเวลการชิม : 4
เลเวลการตกแต่งจาน : 2
ช่างเป็นสกิลการทำอาหารที่น่าสงสารมาก ตั้งแต่เกิดมามินจุนจำไม่ได้เลยว่าแม่ของเขาทำอาหารอร่อย ดังนั้นเลเวลการทำอาหารได้เท่านี้ก็น่าจะสมเหตุสมผลแล้ว
“หน้าต่างสกิล”
พูดไม่ทันขาดคำหน้าต่างสกิลก็เด้งขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสกิลการหั่น สกิลการควบคุมไฟ หรือความเข้าใจในอาหารเกาหลี ซึ่งในบรรดาสกิลเหล่านั้นมีอยู่สองสกิลที่มินจุนให้ความสนใจ
[ความเข้าใจในอาหารอิตาเลียน]– ความชำนาญ 23%
ระดับความเข้าใจเกี่ยวกับการทำอาหารอิตาเลียน อย่างเช่น พาสต้า พิซซ่า ของหวาน และซุปเพิ่มขึ้น
โอกาสล้มเหลวในการทำอาหารอิตาเลียนลดลง
มีโอกาสต่ำที่จะสร้างสรรค์ผลงานได้สูงกว่าเลเวลการทำอาหาร
[ความมุ่งมั่นในการทดลองของเชฟ]
ความมุ่งมั่นในการทดลองของเชฟจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำสูตรอาหารใหม่ๆ
ในกรณีที่อยากท้าทายลองทำเมนูใหม่ๆ นั้นมีโอกาสน้อยมากที่สูตรอาหารจะเด้งขึ้นมา
ความเข้าใจในการทำอาหารอิตาเลียนถือเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้เอง ความชำนาญจะถูกสะสมเองในทุกครั้งที่ได้เรียนรู้หรือได้ทำ แล้วการทำอาหารก็จะถูกปรับปรุงแก้ไขไปเองไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ไม่มีใครชำนาญในการทดลองทำสูตรอาหารใหม่ๆ หรอก คนที่ชำนาญสิแปลก คำอธิบายที่เด้งขึ้นมานับว่ากำกวมอยู่เหมือนกัน ตรงที่บอกว่ามีโอกาสน้อยมากที่สูตรอาหารจะเด้งขึ้นมา…คือมันจะเด้งขึ้นมากลางอากาศเหมือนกับหน้าต่างสกิลหรือหน้าต่างสถานะอย่างนั้นเหรอ หรือว่ามันจะเด้งเข้ามาในหัว แล้วที่บอกว่าเมนูใหม่ๆ ก็กำกวมอีกเช่นกัน หมายถึงเมนูที่ไม่มีใครคิดได้บนโลกใบนี้ หรือว่าเมนูที่เราทำเป็นครั้งแรกกันแน่
เจอกับตัวแล้วคงจะรู้เองมั้ง
มินจุนยิ้ม ตอนนี้เขาไม่ใช่เชฟน้องใหม่อายุสามสิบที่มีประสบการณ์การทำงานเพียงน้อยนิดอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาอายุยี่สิบสามปี แม้จะไม่ใช่วัยรุ่น แต่ก็เป็นอายุที่ไม่แก่เกินไปสำหรับความท้าทายในการทำอาหาร ถึงแม้จะเริ่มตอนอายุสามสิบปีก็ถือว่ายังไม่สายเช่นกัน
อุปสรรคด่านแรกเลยก็คือพ่อกับแม่ พวกท่านจะยอมง่ายๆ หรือ ลูกชายที่หวังไว้จะให้เป็นอาจารย์หลังเรียนจบจู่ๆ จะกลายมาเป็นเชฟแบบนี้ ด้วยเหตุนี้มินจุนจึงคิดวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนอื่นต้องทำให้พ่อแม่ได้รู้เสียก่อนว่าฝีมือการทำอาหารของเขาไม่ได้ย่ำแย่
ทันใดนั้นสิ่งที่ผุดเข้ามาในหัวก็คือรายการที่คุ้นเคยมากอย่าง‘แกรนด์เชฟโคเรีย (Grand Chef Korea)’มันเป็นรายการที่เขาชื่นชอบ ดูทุกซีซั่น ถ้าได้ไปออกรายการระดับนี้ แม้จะไม่ชนะเลิศ แต่ถ้าทำผลงานออกมาได้ดี พ่อแม่ก็น่าจะยอมรับเขาในระดับหนึ่ง แต่…
ตอนนี้เปิดรับสมัครอยู่รึเปล่านะ
รายการนี้ออกอากาศที่อังกฤษกับอเมริกา จากนั้นก็ถูกนำเข้ามาในเกาหลี เขารีบกดมือถือเพื่อเสิร์ชหารายการแกรนด์เชฟ แต่ยังไม่มีข่าวที่เกาหลีเลย อาจจะเซ็นสัญญาปลายปีนี้ กว่าจะออกอากาศก็ประมาณกลางปีหน้า
“แกรนด์เชฟโคเรียคงไม่ได้แล้วมั้ง”
มินจุนถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับเสิร์ชหาต่อไป ถึงแม้จะเจอการแข่งทำอาหารในเกาหลีเต็มไปหมด แต่ไม่มีรายการใหญ่ๆ เลย ถ้าเขาไปแข่งก็มีสิทธิ์ชนะแน่นอน แต่มันยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับ
หลังจากเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตอยู่ได้พักใหญ่ บทสรุปก็ไม่พ้นการแข่งขันระดับนานาชาติ แม้ไม่มั่นใจว่าจะชนะหรือไม่ แต่ก็มั่นใจว่าอย่างน้อยต้องผ่านเข้ารอบแน่นอนไม่ว่าจะรายการไหน
ถ้าพ่อแม่มีทัศนคติที่ดีกับการทำอาหารมากกว่านี้สักนิดก็ดีสินะ แต่พวกท่านคิดว่าอาชีพเชฟเป็นแค่อาชีพหาเช้ากินค่ำเท่านั้น แถมช่วงนี้ไม่ได้เป็นช่วงที่กระแสรายการทำอาหารกำลังเป็นที่นิยม การจะเปลี่ยนความคิดและความเชื่อของพ่อแม่นั้นมีเพียงอย่างเดียวก็คือแสดงความสามารถที่ตัวเองมีให้ดู และเขาก็เชื่อว่าตนจะทำผลงานที่ดีในการแข่งขันทำอาหาร
แต่ในเกาหลีไม่มีการแข่งขันดีๆ ที่พอจะให้เขาไปแข่งได้เลย รายการที่พอสมน้ำสมเนื้อหน่อยส่วนใหญ่ก็เน้นอาหารเกาหลีหรือไม่ก็แข่งแบบทีมไปเสียหมด ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพุ่งเป้าไปที่ต่างประเทศ
และรายการที่เข้าทีก็เหลือเพียงรายการเดียว
“แกรนด์เชฟ”
แกรนด์เชฟเฉยๆ ที่ไม่ใช่แกรนด์เชฟโคเรีย มันเป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นในอเมริกา ประเด็นสำคัญของแกรนด์เชฟคือเป็นการแข่งขันสำหรับมือสมัครเล่น ซึ่งในบรรดาการแข่งขันสำหรับมือสมัครเล่นทั้งหลายก็ไม่มีที่ไหนที่ได้รับความนิยมมากเท่าแกรนด์เชฟอีกแล้ว
ไม่ใช่เฉพาะที่อเมริกาเท่านั้น ที่ออสเตรเลียก็กำลังเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันอยู่ด้วย แต่อเมริกาเตะตาเขาที่สุด เขาคิดว่าไหนๆ ก็จะไปต่างประเทศแล้ว ในเมื่อเงื่อนไขเหมือนกัน ขอเลือกอเมริกาน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นถึงอาจารย์สอนภาษาอังกฤษมาแล้ว
“ติดอยู่ปัญหาเดียว”
นั่นคือพ่อแม่ เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเขาทำงานพิเศษเก็บหอมรอมริบเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเข้ากรมทหาร ก็น่าจะพออยู่ แต่ถ้าบอกพ่อแม่ว่าจะไปแข่งทำอาหารที่อเมริกาล่ะก็ พวกท่านจะต้องคัดค้านแน่ๆ หรือจะบอกว่าไปเที่ยวเฉยๆ ดี?ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นสับสน
ก่อนที่จะย้อนเวลากลับมาเขาเคยลาออกจากการเป็นอาจารย์ ตอนนั้นพ่อแม่ถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยับยั้งห้ามปราม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุดความดื้อรั้นของเขาได้ จนกลายเป็นความขัดแย้งที่ทิ้งบาดแผลลึกให้กับทุกคน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจแบบนั้นอีก
“แต่สงสัยจะหลีกเลี่ยงไม่ได้…”
ยังไงก็ต้องไม่บอกความจริง มันเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวไม่ร้าวฉาน เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็รีบเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อดูตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา ระหว่างนั้นเสียงกดรหัสปลดล็อกประตูก็ดังมาจากหน้าบ้าน เขาจึงรีบวางมือถือแล้วเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นพ่อ แต่คนที่เดินเข้ามาคือโชอาราน้องสาวของเขา ร่างกายที่ผอมบางของเธอถูกสวมทับด้วยกระโปรงนักเรียนที่สั้นจู๋
“แม่ หนูกลับมาแล้ว~ พ่อกลับมารึยัง”
ภาพของน้องสาวที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายคือสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนว่าเขาได้ย้อนกลับมาในอดีตจริงๆ
“อารามานี่เร็ว ลองชิมนี่หน่อย พี่แกทำเองเลยนะ”
“หา นี่น่ะเหรอ”
อาราตักขนมเข้าปากโดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วทันใดนั้นเองเธอก็ทำตาโตพร้อมตะโกนดังลั่น
“อร่อยเหนือคำบรรยาย!นี่พี่ทำเองเหรอ!”
“ใช่มั้ยล่ะ แม่ได้กินยังตกใจเลย”
“พี่มินจุน บอกมาซะดีๆ นะว่าซื้อแป้งสำเร็จรูปมาอบเฉยๆ ใช่มั้ย”
มินจุนยิ้มมุมปากแล้วหันไปหาผู้เป็นแม่
“แม่ ถ้าเหนื่อยที่จะทำอาหารเย็น เดี๋ยวผมทำให้เอง”
“แกเนี่ยนะจะทำอาหารเย็น”
ฮเยซอนมองลูกชายอย่างไม่เชื่อสายตา ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นเขามีท่าทีกระตือรือร้นถึงขั้นอยากจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเองเลย จู่ๆ กลับลุกขึ้นมาทำขนม แถมยังอร่อยเสียด้วย แต่ในเมื่อลูกชายอาสาจะทำอาหารเย็นที่แสนน่าเบื่อให้แทนก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ
“ก็ได้ ลองดู วันนี้ขอชิมอาหารเย็นฝีมือลูกชายสักหน่อย”
“จะดีเหรอแม่ จะเชื่อมือพี่เค้าได้เหรอ”
“เมื่อกี้แกก็ได้กินขนมแล้วนี่ ดูท่าทางพี่แกจะมีพรสวรรค์เรื่องทำอาหารนะ”
“มันก็ใช่ แต่ว่า…”
อารามองมินจุนอย่างสงสัย
“พี่มั่นใจว่าตัวเองทำอาหารได้จริงๆ เหรอ”
มินจุนแสยะยิ้มมุมปากพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูอารา
“มั่นใจว่าอร่อยกว่าฝีมือแม่นะ”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
อาราพยักหน้าอย่างไม่ลังเล พี่น้องได้ลงความเห็นเหมือนกันว่าฝีมือการทำอาหารของฮเยซอนนั้นเข้าขั้นแย่มาก แต่ต่อให้ฝีมือการทำอาหารของฮเยซอนจะดี มินจุนก็มั่นใจว่าตัวเองเก่งกว่าแน่นอน เพราะฝีมือของเขาอยู่อันดับต้นๆ ของระดับเชฟมือสมัครเล่น จึงไม่ควรเอามาเทียบกับฝีมือระดับแม่บ้านธรรมดาๆ
“อาราอยากกินอะไร เลือกเลย”
“ให้เลือกด้วยเหรอ”
“ทำไมล่ะ จะเป็นอาหารฝรั่ง แกง หรือเมนูเส้นก็ว่ามา ทำได้หมด”
“โห…”
อาราถึงกับงง พี่ชายที่ปกติเอาแต่เกียจคร้านเวลาอยู่บ้าน ตอนนี้กลับทำตัวน่าหมั่นไส้โดยการลุกขึ้นมาเป็นพ่อครัว เธอจึงนึกถึงเมนูอาหารที่น่าจะทำยากที่สุด
“อะไรนะ”
“ทำจัมปงให้กินหน่อย ทำไม ทำไม่ได้เหรอ”
มินจุนแสร้งหัวเราะออกมา เขารู้จุดประสงค์ของอาราจึงไม่โกรธ
“เดี๋ยวทำให้กิน”
“ฮะ?”
“ก็บอกว่าเดี๋ยวทำให้กินไงล่ะ”
แล้วมินจุนก็เริ่มหาวัตถุดิบในตู้ครัวทันที ถึงจะไม่มีเส้นบะหมี่แบบจีน แต่ก็น่าจะใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวแบนๆ แทนได้ ส่วนอาหารทะเลก็มีหอยลาย แต่ไม่มีเวลามาแช่หอยลายให้คายตะกอนเพราะตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ซึ่งถ้าจะแช่หอยลายจริงๆ มันต้องใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเลยทีเดียว
“อาราลองดูหน่อยซิว่าในตู้เย็นมีเนื้อหมูรึเปล่า”
“โอเค”
อารารีบลุกขึ้นทำตามแต่โดยดี หลังจากเปิดตู้เย็นได้สักพักอาราก็หยิบเนื้อหมูมาให้หนึ่งชิ้น
“อ่ะ”
Related
Comments
