Uncategorized
ทดลองอ่าน สยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 30 ตอนที่ 1
รุ่งเช้า สายฝนตกลงมาอีกครั้ง
ต้าถังรับปากคำขอส่วนใหญ่ที่ฝ่ายอาศรมเทพเสนอมา ชินอ๋องหลี่เพ่ยเหยียนลงนามในสัญญา ขณะเดียวกันก็เท่ากับเขียนชื่อตัวเองลงบนเสาแห่งความน่าละอายใจในประวัติศาสตร์ด้วย
เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทั้งในและนอกราชสำนักพลันเกิดเสียงฮือฮา ไม่มีใครรู้ว่าในค่ำคืนที่ยาวนานนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมบุคคลระดับสูงในวังหลวงจึงกล้าลงนามในสัญญาที่ทุกคนเห็นว่าไม่ถูกต้องฉบับนี้
ชาวถังที่รวมตัวกันอยู่หน้าวังหลวงไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนอีกต่อไป จึงก่นด่าอย่างหยาบคาย ถ่มน้ำลายใส่กำแพงวังสีชาด ก่อนที่จะมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องในอดีตแพร่สะพัดไปในหมู่ผู้คน
ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องในอดีตพวกนั้นอันที่จริงไม่ใช่ข่าวลือ แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ดี เช่นคดีฆ่าล้างหมู่บ้านที่ชายแดนแคว้นเยี่ยน ชินอ๋องและเจ้านิกายแห่งอาศรมเทพมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเลือดของนิกายเต๋าที่ถูกเปิดโปงในฉางอันชินอ๋องจึงถูกจักรพรรดิองค์ก่อนปลดให้เป็นสามัญชนจนกระทั่งหลี่ฮุยหยวนขึ้นครองบัลลังก์จึงกลับสู่ฐานะเดิม
ประตูวังเปิดออกช้าๆหลี่เพ่ยเหยียนเดินเข้าไปในฝูงชน มันสวมเสื้อคลุมยาวสีดำแดงลายทอง ดูสะดุดตามากท่ามกลางสายฝนยามเช้าที่ตกปรอยๆ
คนจำนวนนับไม่ถ้วนมองมัน สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเหยียดหยามถึงขั้นมีคนพุ่งเข้าไปจะทำร้ายมันขุนนางชั้นผู้น้อยในที่ว่าการของทางการคนหนึ่งถามว่าเพราะเหตุใดราชสำนักจึงจะยกเขตตงซานและที่ราบเซี่ยงหวั่นให้ศัตรู เสียงของขุนนางคนนี้ฟังดูเจ็บปวดมาก คล้ายกำลังหลั่งโลหิตคนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตั้งคำถาม กำลังตำหนิ กำลังด่าทอหรือว่าราชสำนักไม่คิดจะยึดเขตชิงเหอกลับมา เพราะเหตุใดถึงจะส่งพวกกบฏในชุมนุมชิงเหอกลับไป
หน้าวังหลวงเต็มไปด้วยเสียงที่ดุดัน ถ้าไม่ใช่ทหารกองกำลังอวี่หลินคุ้มครองอย่างเข้มแข็งยามนี้หลี่เพ่ยเหยียนคงถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ แล้ว จู่ๆ หลี่เพ่ยเหยียนก็หยุดเดิน มองไปยังมหาสมุทรแห่งฝูงชนที่โกรธเคืองโดยรอบ สีหน้าของมันสงบนิ่งมาก อารมณ์ในแววตาสลับซับซ้อน ผู้คนค่อยๆ สงบนิ่งลง
“เพราะเหตุใดกระนั้นหรือ โลกนี้ไม่มีเหตุผลให้อธิบายมากมายอย่างนั้นหรอก ต้าถังต้องการเวลา ข้าก็ช่วยพวกเจ้ายื้อเวลา ต้าถังต้องการความสงบ ข้าก็ช่วยพวกเจ้านำความสงบมาให้ ทั้งโลกจะโค่นล้มต้าถัง ต้าถังจะอยู่ด้วยตนเองได้อย่างไร จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ ถ้าคิดว่าข้าทำผิด วันหน้าพวกเจ้าก็พิสูจน์ให้ข้าเห็นเถอะ” สีหน้าของมันเฉยเมย แต่มือทั้งสองข้างในแขนเสื้อสั่นไม่หยุด
หลี่เพ่ยเหยียนกลับถึงตำหนักของตน
ราษฎรที่โกรธแค้นเข้าล้อมตำหนัก
ศิษย์สถานศึกษาที่ตึกหน้าและศิษย์ในสถานศึกษาชั้นสูงของทางการกำลังช่วยกรมโยธาซ่อมแซมบ้านเรือนที่พังเสียหายจากการสู้รบอยู่ในเมืองพอรู้ข่าวก็หอบก้อนอิฐก้อนหินมากมายมาที่นี่
ทหารกองกำลังอวี่หลินและทหารองครักษ์ตั้งแนวป้องกันอย่างแน่นหนาแต่พวกมันมีจำนวนคนน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะปราบปรามฝูงชนที่โกรธแค้น รอบตำหนักมีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ถึงขั้นมีคนยกถังน้ำมันมาจุดไฟ
และในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง ภายในตำหนักชินอ๋องพลันมีเสียงร้องไห้อย่างโศกเศร้าดังขึ้น หลังประตูตำหนักมีธงขาวผืนหนึ่งยื่นออกมา
ชินอ๋องหลี่เพ่ยเหยียนแห่งต้าถังเสียชีวิตแล้ว
บนถนนเงียบสนิทลงทันทีเห็นธงขาวท่ามกลางสายฝนที่ดูอ้างว้างผืนนั้นแล้วผู้คนต่างวางก้อนอิฐก้อนหินลงคบไฟที่เพิ่งจุดก็ค่อยๆ มอดดับ
หนิงเชวียยืนอยู่ตรงปากซอยที่ห่างไกล มองภาพนี้อยู่เงียบๆ ใบหน้าไร้ความรู้สึก
หลี่เพ่ยเหยียนเป็นตัวแทนของต้าถังลงนามในสัญญาสำหรับฝ่ายอาศรมเทพนี่ไม่ได้หมายความว่าการเจรจาสิ้นสุดลงหรือได้ชัยชนะแล้ว เพราะอาศรมเทพยังต้องการการลงนามจากสถานศึกษา ถ้าเป็นไปได้ แน่นอนว่าพวกมันปรารถนาการลงนามจากเซียนเซิงใหญ่ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเมตตาธรรม หรือเซียนเซิงรองผู้เที่ยงตรงรักษาจรรยา เพียงแต่ในสถานศึกษามีคนเดียวที่เข้าสู่โลกิยะ นั่นคือหนิงเชวีย
ทะเลสาบเยี่ยนหมิงยามนี้มีฝนตกหนักแต่กลับไม่เย็นสบาย คณะทูตของอาศรมเทพรวมถึงบรรดาต้าเสวียซื่อของต้าถังล้วนอยู่ในห้องโถง ไม่มีใครพูดจา ต่างคนต่างมีสภาพจิตใจที่ต่างกัน ฝ่ายอาศรมเทพนั้นไม่ต้องกล่าวถึง ส่วนเจิงจิ้งต้าเสวียซื่อและขุนนางคนอื่นๆ ของต้าถังสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนกำลังรอหนิงเชวียกลับมาลงนาม เยี่ยหงอวี๋ก็รออยู่ในสวนดอกเหมยแต่หนิงเชวียไม่ปรากฏตัวสักที เพราะก่อนที่มันจะกลับไปทะเลสาบเยี่ยนหมิงมันไปยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อน
หน้าหอชุมนุมเขตชิงเหอเป็นถนนสายตรง ด้านหลังเป็นทะเลสาบและภูเขา ตอนนี้ฝนตกลงมาปกคลุมทำให้ทัศนียภาพดูสวยงาม
องครักษ์จำนวนหนึ่งและคนของพรรคมัจฉามังกรยี่สิบกว่าคนจับตาดูความเคลื่อนไหวรอบๆ หอชุมนุมอยู่อย่างระแวดระวัง
คืนนั้นฉางอันเกิดความโกลาหล ลูกหลานตระกูลใหญ่ในชุมนุมอาศัยความชุลมุนวุ่นวายหลบหนีไป หลังเหตุการณ์สงบต้องเสียเวลาและกำลังอย่างมากถึงจับคนพวกนี้กลับมาได้ พวกมันไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก ถ้าให้พวกมันรู้ว่าคนในชุมนุมพวกนี้อีกไม่นานจะถูกตัวส่งกลับเขตชิงเหอ ไม่รู้ว่าจะเดือดดาลถึงขั้นไหน
ในเวลานี้หนิงเชวียเดินเข้ามาในหอชุมนุมแล้ว มันรับผ้ามาเช็ดผมที่เปียกฝน ปัดน้ำฝนที่อยู่บนเสื้อผ้าออก กิริยาของมันดูเป็นธรรมชาติราวกับว่ากลับมาบ้าน
Related
Comments
