• Connect with us

    Enter Books

    บทความ

    เร็วกว่านี้มีอีกไหม! ทบทวนไทม์ไลน์ความเก่งของ ‘ชอนยออุน’

    ในบรรดาตัวเอกของเอ็นเธอร์บุ๊ค ‘ชอนยออุน’ น่าจะเป็นพระเอกที่เก่งอย่างว่องไวที่สุดแล้ว และเนื้อหาของเรื่องก็กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญ เพราะตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหนึ่งในสัตว์เทพผู้น่าหวาดกลัวอย่างเต่ามังกร ทว่ากว่าจะมาสู้กับเต่ามังกรได้ ชอนยออุนต้องก้าวผ่านอะไรมาบ้าง เรามาย้อนดูกันหน่อยดีกว่า

    จากคนไร้วรยุทธ์สู่ยอดฝีมือคลื่นลูกใหม่

    แน่นอนว่าหลังจากได้รับนาโนแมชชีนมา ร่างกายของชอนยออุนก็ถูกปรับแต่งอย่างดี แต่นั่นก็เป็นเพียงการเตรียมร่างกายให้พร้อมเท่านั้น ยังไม่อาจเรียกกว่าเป็นยอดฝีมือด้วยซ้ำ ทว่าด้วยความช่วยเหลือจากนาโนแมชชีนในร่างและซอบแมงผู้เป็นอาจารย์ ชอนยออุนก็สามารถพัฒนากำลังกำลังภายในและวรยุทธ์ จนผ่านระดับสูงและระดับเลิศล้ำมาได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่เดือน

    บรรลุสู่ระดับแปรสภาพ เทียบเท่าผู้อาวุโสแห่งพรรคมาร

    ในเล่ม 3 หลังจากผ่านการทดสอบขั้นที่ 4 เหล่าศิษย์สำนักมารรวมถึงชอนยออุนก็ได้เข้าฝึกสันโดษเป็นเวลาหลายปีเพื่อฝึกวรยุทธ์ต่างๆ และชอนยออุนก็ใช้โอกาสนี้ได้อย่างคุ้มค่า เพราะหลังออกมาเขาก็เข้าสู่ระดับแปรสภาพแล้ว ซึ่งระดับนี้เทียบเท่ากับผู้อาวุโสพรรคมารได้เลย หลักฐานสำคัญก็คือเขาสามารถเอาชนะไม้เท้ามารพิษแพ็กโอหนึ่งในผู้อาวุโสจากหนึ่งในพรรคเสาหลักทั้ง 6 ได้!

    ก้าวสู่ระดับลึกล้ำ เทียบเคียงห้ายอดฝีมือแห่งยุทธภพ

    เป็นจอมยุทธ์จะตกเขาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเล่ม 6 ชอนยออุนออกเดินทางตามหาพรรคพวกที่หายไปในหุบเขากระบี่มรณะ เขาเองก็เคยตกเขาครั้งหนึ่ง เพียงแต่เป็นการตกเขาที่ค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากเขาโดนระเบิดซัดจนกระเด็นตกลงไปในเหวลึก ทว่าที่นั่นเขากลับได้พบร่องรอยของปฐมาจารย์มารสวรรค์และเทพดาบอรหันต์! และแนวคิดการรวมสุดยอดวิชาทั้งสองเข้าด้วยกัน การได้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ทำให้ชอนยออุนบรรลุถึงระดับลึกล้ำ ซึ่งเทียบเคียงได้กับห้ายอดฝีมือแห่งยุทธภพ!

    เปิดประตูสู่ระดับกำเนิดแตกดับในตำนาน

    กล่าวกันว่าระดับกำเนิดแตกดับนี้เป็นระดับในตำนาน มีแต่เพียงถ้อยคำเล่าขาน ทว่าหาตัวคนที่บรรลุถึงไม่เจอ และการบรรลุถึงระดับนี้ก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ แม้ฝึกจนตัวตายก็อาจไปไม่ถึง ไม่มีใครทราบว่าการจะบรรลุไปถึงระดับนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง แม้แต่ชอนยออุนก็เข้าสู่ระดับนี้ด้วยความบังเอิญผสมความจำเป็น เพราะตามขัดขวางแผนการของสำนักหกดาบอรหันต์ ชอนยออุนจึงได้พบจุดกำเนิดพลังของกิเลนเพลิง เมื่อเขาดูดซับมันเข้าไปและประสานกับปราณมารสวรรค์และปราณเย็นในร่าง เขาก็ก้าวสู่ระดับกำเนิดแตกดับในที่สุด และสามารถใช้วิชากระบี่ไร้ร่างและดาบไร้ร่างอันเป็นวิชาเฉพาะของผู้บรรลุระดับนี้ได้ ใครอยากไปบรรลุไปถึงบ้างก็ลองตามหาจุดกำเนิดพลังของสัตว์เทพมาดูดซับดูนะ!

    ระดับต่อไปคือ?

    ถึงตอนนี้คนที่ติดตามชอนยออุนมานานคงทราบแล้วสัตว์เทพในตำนานนั้นมีถึงห้าตัว ชอนยออุนที่ดูดซับมาไม่กี่ตัวยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วหากได้รับมาทั้งหมดล่ะ เขาจะไปได้ถึงขั้นไหน แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว แต่ก่อนอื่นตอนนี้ชอนยออุนต้องจัดการเต่ามังกรที่กำลังคุกคามวังน้ำแข็งทะเลเหนือนี้ให้ได้เสียก่อน ใครที่อยากชมการต่อสู้สุดอลังการระหว่าง ‘สัตว์เทพ’ กับ ‘เทพมาร’ ก็ต้องไปติดตามกันใน ‘นาโนมาชิน’ เล่ม 9 ที่ร้านหนังสือชั้นนำได้เลย

    สัตว์เทพผู้ทรงพลังทั้ง 5 จากนาโนมาชิน

    เชื่อเหลือเกินว่านักอ่านทุกท่านที่ติดตามนิยายของ Enter Books มาจะต้องรู้จักสัตว์เทพทั้งสี่ในตำนานจีนอย่างแน่นอน ทั้งมังกรคราม พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำ และบางคนอาจจะรู้จักไปถึงมังกรทองผู้ปกปักษ์รักษาใจกลางของทั้งสี่ทิศ  และในเรื่อง ‘นาโนมาชิน’ เองก็มีการกล่าวถึงสัตว์เทพเหล่านี้เช่นกัน ทว่ารายละเอียดกลับแตกต่างไปบ้าง ดังนั้นเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักสัตว์เทพทั้งห้าแห่งโลกนาโนมาชินกันอีกครั้ง

    1. อีมูกี

    นี่คือสัตว์เทพตนเแรกที่ปรากฏในเรื่องนาโนมาชิน กล่าวกันว่าอีมูกีมีลักษณะเป็นงูขนาดใหญ่ มีเขา และเกล็ดสีขาว เมื่อมันโตเต็มที่ก็จะกลายร่างเป็นมังกร ในเรื่องนาโนมาชิน อีมูกีไม่ได้ปรากฏตัวออกมาจริงๆ หากแต่เป็นร่างจำแลงจากพลังจิตของอีมูกีที่อยู่ในกระบี่มารสวรรค์ แต่เพียงร่างจิตของมันก็น่ากลัวและอันตรายจนยากจะรับมือแล้ว

    2. กิเลนเพลิง

    สัตว์เทพตนที่สองในเรื่องนาโนมาชินก็คือ กิเลนเพลิง แต่สัตว์เทพตนนี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นในเรื่อง จึงไม่อาจบรรยายลักษณะ เราจะรู้เพียงว่ามันมีพลังของปราณอันร้อนแรง และถึงแม้จะเหลือแค่จุดกำเนิดพลัง แต่อานุภาพความร้อนของมันก็ทำให้ไม่มีใครเข้าไปใกล้ได้ แม้เวลาจะผ่านมาแล้วนับร้อยปี

    3.เต่ามังกร

    กล่าวได้ว่าเป็นสัตว์เทพตัวแรกที่ปรากฏขึ้นในโลกนาโนมาชินแบบมีชีวิต สัตว์เทพตนี้มีลักษณะลำตัวเป็นเต่าขนาดใหญ่ยักษ์และมีหัวเป็นมังกร อาจมีได้ตั้งแต่สองหัวไปจนถึงสี่หัว ซึ่งยิ่งมีหัวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น พลังของมันคือปราณสายฟ้า ซึ่งสามารถสร้างสายฟ้าให้ผ่าลงได้ รวมไปถึงการรวบรวมพลังยิงออกมาเป็นลำแสงที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับแปรสภาพก็ยังตายทันทีโดยไม่มีทางตอบโต้

    4. นกเผิง

    สัตว์เทพตัวที่สี่ที่ปรากฏในเรื่องนาโนมาชินนั่นคือ นกเผิง พญาวิหคที่อาศัยอยู่ในดินแดนทางเหนือ พลังของมันปราณเย็นสุดขั้วที่สามารถสร้างน้ำแข็งออกมาโจมตีหรือแช่แข็งสิ่งต่างๆ ได้ ภายในเรื่องนาโนมาชิน นกเผิงไม่ได้มีบทบาทมากนัก ทว่าก็เป็นหนึ่งในสัตว์เทพที่อันตรายจนยากจะหาผู้ต่อกร

    5. เสือขาววายุ

    และก็มาถึงสัตว์เทพตัวสุดท้าย ที่อาจกล่างได้ว่าลี้ลับที่สุดในเรื่อง ว่ากันว่าเสือขาววายุนั้นอาศัยอยุ่ในเขาฉางไป๋ และมีผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหามัน ทว่ายากนักที่จะมีคนรอดกลับไป ซึ่งพลังของมันก็เป็นดั่งชื่อ เสือขาววายุมีพลังของปราณลม สามารถสร้างพายุคมกริบดุจใบมีเชือดเฉือนร่างศัตรูได้ ด้วยพลังที่รุนแรงและยากจะป้องกันนี้จึงแทบจะหาใครมาต่อกรกับมันไม่ได้เลย!

    แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ตัวไหน และมีปราณแตกต่างกันอย่างไร แต่ที่พวกมันมีเหมือนกันนั่นคือพลังจิตมหาศาลที่แฝงอยู่ในเลือดเนื้อ ทำให้ผู้ที่ดื่มเลือดของมันได้รับพลังปราณของสัตว์เทพ และมีพลังฟื้นฟูเหนือมนุษย์! นอกจากนี้หากได้ดูดซับพลังจิตจากจุดกำเนิดพลังของสัตว์ครบทั้งห้า มนุษย์ผู้นั้นก็จะมีชีวิตเป็นอมตะ! ทว่าเรื่องอมตะนี้กลับมีเพียงบันทึกในตำราโบราณเท่านั้น แต่มองหาผู้เป็นอมตะจริงๆ กลับไม่เจอ อาจเพราะไม่เคยมีใครเคยรวบรวมจุดกำเนิดพลังทั้งหมดไว้ได้ เนื่องจากสัตว์เทพแต่ละตัวล้วนร้ายกาจ หรือไม่…ผู้ที่ทำสำเร็จอาจไม่เคยเปิดเผยตัว

    และในนาโนมาชินเล่ม 9 นี้ ชอนยออุนก็จะได้ประมือกับสัตว์เทพเป็นครั้งแรก ศึกระหว่างสัตว์เทพกับเทพมาร ผู้ได้จะถูกกำราบ ผลลัพธ์อยู่ในเล่มนี้แล้ว!

     

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in บทความ

    นิยายยอดนิยม

    Facebook