• Connect with us

    Enter Books

    เพลงกลอนคลั่งยุทธ์

    ทดลองอ่านนิยายเพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 14 บทที่ 3

    บทที่ 3

    พยัคฆ์ออกกรง

     

    ในขณะเดียวกับที่เจียงอวิ๋นหลันและนักสู้เจ็ดสิบกว่าคนฝ่าออกจากอารามอวี้เจิน หู่หลิงหลันกับฮั่วเหยาฮวากำลังเดินอยู่ในป่าทึบตรงส่วนลึกของเขาด้านหลังอู่ตัง

    คนทั้งสองเพิ่งออกจากลานยุทธ์ชางอวิ๋นของสำนักอู่ตัง ขณะนี้กำลังกลับไปตามเส้นทางเดิมก่อนหน้าอย่างรีบร้อนเพื่อหลีกเลี่ยงการศึกของสำนักอู่ตังกับราชองครักษ์ เตรียมหนีออกเขาอู่ตังจากเนินเขาทางตะวันออกขณะมา

    ขี้ผึ้งลอกคราบอันล้ำค่าสามเม็ดถูกผ้าน้ำมันห่อหุ้มไว้แน่น เก็บซ่อนอยู่ในอกเสื้อของหู่หลิงหลัน ขณะนางก้าวเดินก็อดมิได้ที่จะคลำยาประหลาดที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อนี้ ในใจคิดว่าความหวังในการกลับมาเป็นเหมือนเดิมของจิงเลี่ยอยู่ตรงนี้แล้ว ยากที่จะปิดบังความตื่นเต้นในสายตา

    ข้าทำได้แล้ว! ข้าช่วยมันได้ มีสิ่งนี้…ชะตาแห่งการต่อสู้ของมันก็จะยืนยาวต่อไปได้…

    ก่อนหน้าพวกนางอาศัยคำแนะนำของซีเสี่ยวเหยียนหลบสมรภูมิที่การบุกโจมตีกำลังปะทุมาตลอดทางจนพบที่อยู่ของลานยุทธ์ชางอวิ๋น พวกนางมิอาจแน่ใจว่าสำนักอู่ตังยังยื้อสงครามนี้ได้นานเท่าใด หากสถานการณ์ศึกของอารามอวี้เจินเปลี่ยนแปลง การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนย้ายเหยียดยาวไปถึงลานยุทธ์ชางอวิ๋นและแถบเขาด้านหลัง พวกนางก็จะสูญเสียโอกาสนำยาไป ด้วยเหตุนี้แม้จะเหนื่อยล้า แต่คนทั้งสองก็ยังคงเร่งเดินทางสุดฝีเท้า

    ดังเช่นคาดการณ์ ทั่วทั้งลานยุทธ์ชางอวิ๋นไร้ผู้คน ทั้งสองรีบหาจนพบเรือนอันโล่งกว้างด้านข้างลานยุทธ์ หลังเข้าไปกลับมองเห็นตู้เก็บของในคลังว่างเปล่าแล้ว ขณะกำลังสิ้นหวัง พวกนางก็พบว่าที่แท้ทรัพย์สินของลานยุทธ์ทั้งหมดล้วนถูกห่อหุ้มและวางกองอยู่ในมุมด้านนอกเรือนแล้ว ในนั้นรวมถึงยาหลากประเภท

    ที่แท้ก่อนเหยาเหลียนโจวแสร้งสั่งการให้สำนักอู่ตังอพยพขึ้นเขาเพื่อหลอกลวงเจียงหนิงเอ้อร์ไส้ศึกขององครักษ์เสื้อแพร เป็นเหตุให้สิ่งของของลานยุทธ์ล้วนถูกจัดเก็บไว้อย่างดี ภายหลังเหยาเหลียนโจวตัดสินใจทำศึกกับค่ายพลเสินจี ทรัพย์สินที่หุ้มห่อจึงถูกทิ้งไว้ที่ลานฝึกยุทธ์โดยไม่มีผู้ใดสนใจ

    ลานยุทธ์ชางอวิ๋นคือขั้นแรกในสามลานยุทธ์ใหญ่แห่งอู่ตัง ยารักษาแผลที่เก็บอยู่ในคลังก็มีอย่างเพียงพอถึงที่สุด เพราะศิษย์ที่ประสบการณ์และทักษะไม่พอย่อมมีอันตรายจากการบาดเจ็บในการประลองและฝึกฝนอันดุเดือดเข้มงวดมากที่สุด

    หู่หลิงหลันและฮั่วเหยาฮวารีบแก้ห่อของ ค้นหาว่ามีขี้ผึ้งลอกคราบซ่อนอยู่จริงหรือไม่ ในใจเคร่งเครียดและกระวนกระวายผิดปกติ โดยเฉพาะหู่หลิงหลัน นางขึ้นเขาลงห้วยเดินทางมาถึงที่นี่ ไม่อยากเห็นเปลวไฟแห่งความหวังมอดดับลงตรงนี้

    ขอร้อง…ให้ข้าหาพบ…

    ฮั่วเหยาฮวาเคยเห็นขี้ผึ้งลอกคราบที่จอมเวทปัวหลงเก็บซ่อนจึงจำลักษณะกับกลิ่นของมันได้ ผลสุดท้ายนางพบยาสามเม็ดนั้นในห่อของผ้าน้ำมันก่อน

    หากเป็นแต่ก่อน ฮั่วเหยาฮวาต้องเก็บยาไว้เองเป็นแน่ เพื่อป้องกันหู่หลิงหลันทิ้งนางไว้และจากไป แต่ขณะนั้นฮั่วเหยาฮวายื่นขี้ผึ้งลอกคราบให้หู่หลิงหลันโดยไม่แม้แต่จะคิด

    ในตอนนั้นหู่หลิงหลันถือยาไว้อย่างระมัดระวังด้วยสองมือ จ้องมองอย่างละเอียดพักหนึ่ง จากนั้นมองดวงตาของฮั่วเหยาฮวาราวกับจะบอกนางว่า ‘ขอบคุณ’

    หลังออกจากลานยุทธ์ชางอวิ๋นกระทั่งตอนนี้คนทั้งสองมิได้พูดคุยกันสักประโยค เพียงแค่ก้าวเดินมาโดยตลอดและเงี่ยหูฟังเสียงปืนใหญ่ถี่ยิบจากระยะไกล

    หู่หลิงหลันคิดไม่ออกว่าควรกล่าวอะไรบ้าง บัดนี้นางย่อมกระจ่างอย่างมากว่าความรักที่ฮั่วเหยาฮวามีต่อจิงเลี่ยเป็นเช่นไร ถึงขั้นหนีจากจอมเวทปัวหลงด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ไม่มีแค้นเก่าที่หลูหลิง เพียงแค่เหตุผลข้อนี้หู่หลิงหลันก็สมควรชักดาบตัดสินเป็นตายกับสตรีผู้นี้ก่อน

    เพียงแต่ผ่านบุพเพที่ได้รู้จักกันที่เมืองเซียงหยางเป็นต้นมา หู่หลิงหลันพบว่ายากที่จะยกดาบหาฮั่วเหยาฮวาอีก โดยเฉพาะหลังพบเจอจอมเวทปัวหลงคราวก่อนและคนทั้งสองเคยเคียงไหล่ทำศึกร่วมกัน

    แต่ว่า…ข้าจะนำนางไปพบบุรุษที่ข้ารักจริงหรือ…

    หู่หลิงหลันแค่นยิ้ม เรื่องนี้นางรับปากซีเสี่ยวเหยียนแล้ว ทว่ามิเพียงเท่านี้ ยังมีเหตุผลที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า…เหตุผลที่หู่หลิงหลันจะไม่ยอมรับก็มิได้ข้อหนึ่ง หู่หลิงหลันมองเห็นตนเองแต่ก่อนในตัวของฮั่วเหยาฮวา

    ในวันนั้นหู่หลิงหลันหนีจากแคว้นซ่าหมัวโดยพลการ เดินทางพันหลี่เสาะหาจิงเลี่ย ขณะเดียวกันในใจก็ปะปนไปด้วยความรักอันร้อนแรง ความอาฆาตที่ถูกหลบหนีการแต่งงาน และความพยาบาทที่น้องชายเสียชีวิต ตอนออกเดินทางนางหารู้ไม่ว่าความรู้สึกชนิดใดจะชนะในตอนสุดท้าย ยิ่งไม่รู้ว่าขณะจิงเลี่ยมองเห็นตนเองปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าจะมีการตอบสนองอย่างไร นางก้าวสู่เส้นทางอันยาวนานสายนี้ภายใต้ความไม่สบายใจใหญ่หลวงที่แบกเอาไว้ หนึ่งปีให้หลังจึงพบจิงเลี่ยที่เฉิงตู

    หู่หลิงหลันพบว่าสภาพของฮั่วเหยาฮวาในตอนนี้เหมือนกับตนเองในวันนั้นเพียงไร…

    จุดที่คล้ายคลึงกันที่สุดของอุปนิสัยหู่หลิงหลันกับจิงเลี่ยคือพวกมันมักเลือกไปกระทำเรื่องที่สัญชาตญาณคิดว่าถูกต้อง ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจออกจากเกาะลู่เอ๋อร์ก็เช่นกัน ตอนพลัดพรากกับจิงเลี่ยก็เช่นกัน บัดนี้สัญชาตญาณบอกนางว่าการนำฮั่วเหยาฮวาไปพบจิงเลี่ยคือเรื่องที่สมควรกระทำ

    อย่างน้อย…ข้าควรให้โอกาสนาง

    ครั้นตัดสินใจแล้วหู่หลิงหลันก็ลอบคิดกับตนเองในใจ ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรค่าแก่การยินดี ขี้ผึ้งลอกคราบอยู่ในมือแล้ว การเดินทางของนางจะสิ้นสุดแล้ว จากนี้เพียงกลับไปหาจิงเลี่ยและพวกพ้องหกกระบี่บ้านแตก ที่เหลือล้วนรอภายหลังค่อยว่ากัน

    ความคิดของฮั่วเหยาฮวาสับสนกว่าหู่หลิงหลันเสียอีก ตลอดมานางเดินอยู่ด้านหน้าในป่าเงียบๆ แต่ในใจกลับคิดวกไปวนมา ก่อนหน้าขณะอยู่ที่ลานยุทธ์ชางอวิ๋นนางถึงขั้นเคยมีความปรารถนาชั่ววูบว่าอย่าได้หาขี้ผึ้งลอกคราบพบ…เช่นนั้นนางก็จะไม่มีคุณสมบัติขอร้องหู่หลิงหลันให้พานางไปพบจิงเลี่ยอีก…

    ไม่!

    นางตะโกนใส่ตัวเองในใจ

    จะหลบหนีมิได้ การพบกับจิงเลี่ยคือความปรารถนาตลอดมาของข้ามิใช่หรือ จะให้เขาดูข้าที่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าจะพบจิงเลี่ยหรือไม่ อย่างน้อยหวังว่าเขาจะไม่รังเกียจข้าอีก

    หากสิ่งที่มันจำไว้ในใจชั่วนิรันดร์คือฮั่วเหยาฮวาปีศาจสาวตนนั้นเช่นเมื่อก่อน ข้าก็คงเสียใจไปชั่วชีวิต…

    คนทั้งสองต่างพกความคิดยุ่งเหยิงพลางเดินสืบต่อโดยไม่กล่าวคำ

    ขณะผ่านต้นไม้หนาทึบพุ่มหนึ่งนั้นเอง จู่ๆ หัวใจของคนทั้งสองก็ผุดความหนาวเย็นขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนกบในป่ารู้สึกว่างูพิษเข้ามาใกล้

    มีคน!…อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลนัก

    แม้กล่าวว่าทั้งสองเสียสมาธิพอสมควรเพราะตกอยู่ในห้วงความคิด แต่การที่สามารถเข้าใกล้นักดาบหญิงที่หาได้ยากในปัจจุบันสองนางนี้อย่างไร้สุ้มเสียง ผู้มาก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน

    พวกนางใช้เพลงหัตถ์อันฉับไวกระชากปมของแถบผ้าตรงหน้าอก รับดาบใหญ่ที่ไถลลงมาบนหลังเอาไว้ ฝ่ามือจับด้ามดาบระแวดระวัง

    เงาร่างเงาหนึ่งปรากฏในป่าที่ห่างจากด้านหน้าพวกนางไม่ถึงสิบห้าก้าว ชุดคลุมกว้างสีเทาที่ซอมซ่ออย่างยิ่งตัวนั้นหลอมกลืนกับป่าที่มืดสลัวรอบด้านได้ง่ายดายยิ่งนัก มิน่าจึงสังเกตเห็นได้ยาก ผู้มาเรือนร่างค่อนข้างสูงใหญ่ ไหล่ทั้งสองกว้างขวางเป็นพิเศษ แต่ภายใต้การปิดบังของชุดคลุมขาดยังคงมองออกว่าซูบผอมอย่างยิ่ง ในมือค้ำไว้ด้วยพลองยาวเล่มหนึ่งต่างไม้เท้า มองดูอย่างละเอียดจึงพบว่าความจริงเป็นทวนพู่เล่มหนึ่ง เพียงแต่หัวทวนและพู่แดงล้วนทาปูน เห็นได้ชัดว่าเพื่ออำพรางแสงสะท้อนและสีสัน

    ฮั่วเหยาฮวามองใบหน้าของคนผู้นั้น ผมยาวม้วนขดประหนึ่งปุยเมฆ เพียงผูกส่วนท้ายไว้เรื่อยเปื่อย แม้สกปรกยุ่งเหยิงแต่ยังคงดูดีอย่างยิ่ง ชวนให้รู้สึกติดตรึงลึกซึ้ง ระหว่างเส้นผมที่ม้วนงอลงมาตรงหน้าผาก เห็นได้ถึงดวงตาแฝงขอบตาดำคล้ำคู่หนึ่ง ถุงใต้ตาหย่อนคล้อยเฉกเช่นมิได้นอนมาสิบวันสิบคืนก็ปาน แต่สายตากลับดุดันจนน่าใจหาย หน้าตาขาวซีดดูเหมือนอายุเลยสี่สิบปีแล้ว แต่สายตานี้กลับทำให้มันเยาว์วัยอย่างเห็นได้ชัด

    เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของคนผู้นี้ ฮั่วเหยาฮวาใจสั่นสะท้าน ภายใต้การจับจ้องของสายตานั้นฮั่วเหยาฮวารู้สึกราวกับเปลือยเปล่าทั่วร่าง

    ความรู้สึกนี้หาได้แปลกใหม่ไม่ ก่อนหน้าขณะถูกจอมเวทปัวหลงมองก็เป็นเช่นนี้

    ไม่…สายตาของคนผู้นี้น่ากลัวกว่าจอมเวทเสียอีก…

    หู่หลิงหลันยืนอยู่ค่อนข้างไกล แต่ก็มีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน นางพลันหวังให้จิงเลี่ยอยู่ข้างกายเป็นอย่างมาก

    พวกนางยากที่จะแน่ใจได้ว่าบุรุษที่เหมือนยาจกผู้นี้ตรงหน้าคือผู้ใดกันแน่ มองอย่างไรก็มิใช่คนในราชองครักษ์ของราชสำนักเป็นอันขาด อนึ่งในกองทัพก็คงไม่มีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ เช่นนั้นกล่าวว่าเป็นคนของสำนักอู่ตัง? ทว่าพวกนางรู้ว่าทั่วทั้งอู่ตังทุกคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับราชองครักษ์ที่มารุกราน คนผู้นี้มาทำอะไรอยู่ในป่าว่างเปล่าไร้ผู้คนแห่งนี้กันแน่

    หู่หลิงหลันเคยประมือกับนักสู้สำนักอู่ตังหลายคน รู้จักพวกมันมากกว่าฮั่วเหยาฮวา อำนาจที่แผ่ออกมาจากท่วงท่าของบุรุษผู้นี้ตรงหน้าใกล้เคียงกันกับยอดฝีมือสำนักอู่ตัง แต่ในขณะเดียวกันความปรารถนากับไอชั่วร้ายแรงกล้าที่พกพากลับเป็นสิ่งที่คนในอู่ตังที่เคยพบก่อนหน้าไม่มี…

    นอกจากคนผู้เดียว อูจี้หงอดีตหัวหน้าอสรพิษน้ำตาลแห่งอู่ตัง จอมเวทปัวหลง

    บุรุษสังเกตคนทั้งสองซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายสายตาตกทอดบนฮั่วเหยาฮวา จ้องเขม็งดวงตาทั้งสองของนาง

    ช่วงเวลาแสนสั้น แต่ฮั่วเหยาฮวากลับรู้สึกยาวนานยิ่งนัก ราวกับสายตาของบุรุษกำลังเผาไหม้นาง นางใกล้อดมิได้ที่จะชักดาบแล้ว…

    บุรุษผู้นั้นพลันเอ่ยปาก สุ้มเสียงแหบแห้งอยู่บ้างเหมือนมิได้พูดคุยกับผู้คนเนิ่นนาน

    “พวกเจ้าใช่คนของอูจี้หงหรือไม่”

    ระหว่างฟังคำพูดประโยคนี้ฮั่วเหยาฮวาสั่นสะท้านทั้งร่าง

    เรื่องราวมากมายพลันผุดขึ้นในใจนาง

    ในขณะเดียวกันหู่หลิงหลันเองก็รู้ว่าตรงหน้าคือผู้ใด ขณะพบกับจอมเวทปัวหลงที่เมืองเซียงหยาง ในบทสนทนาของเขากับซีเสี่ยวเหยียนกล่าวถึงคนผู้นี้อยู่ตลอด ภายหลังแม้ซีเสี่ยวเหยียนไม่ยอมกล่าวถึงอีก แต่อย่างไรอู่ตังก็เป็นศัตรูของจิงเลี่ย ในที่นั้นหู่หลิงหลันฟังอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ จำได้ว่าจอมเวทปัวหลงเรียกคนผู้นี้ว่า ‘ศิษย์พี่ซาง’ แต่ซีเสี่ยวเหยียนยังยกย่องเขาเป็น’รองเจ้าสำนัก’…

    เป็นบุคคลที่เป็นรองเพียงเจ้าสำนักอู่ตังผู้นั้นหรือ

    จากบทสนทนาครั้งนั้นหู่หลิงหลันก็รู้ว่าศิษย์พี่ซางผู้นี้เป็นศัตรูกับเหยาเหลียนโจว แต่จอมเวทปัวหลงกลับมาเขาอู่ตังเพื่อจะรับมัน…

    ขณะหู่หลิงหลันครุ่นคิด ฝ่ามือที่จับด้ามยาวของดาบเหยี่ยไท่เหงื่อที่ซึมออกมาเปียกแถบผ้าบนด้ามแล้ว

    วิทยายุทธ์และเพลงดาบของหู่หลิงหลันหมู่นี้แม้มีความก้าวหน้า แต่ตรงหน้าคือยอดฝีมือขั้นสุดยอดของ ‘อู้ตัน’ นางมิอาจแน่ใจว่าตนเองห่างกับฝ่ายตรงข้ามเท่าใด

    เมื่อหู่หลิงหลันแน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูอย่างมิต้องสงสัย จึงส่งผลกระทบต่อไอสังหารในใจอย่างควบคุมมิได้ ฝ่ามือใคร่ชักดาบแล้ว

    ในขณะเดียวกันซางเฉิงอวี่กลับสังเกตเห็นความคิดของหู่หลิงหลันได้ทันที ด้ามทวนในมือเฉียงเล็กน้อย หัวทวนชี้ไกลไปยังนาง

    ท่าทางเล็กๆ นี้กลับทำให้แผ่นหลังของหู่หลิงหลันมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา เพราะการขยับปลายทวนเช่นนี้ มุมอันแยบยลนั้นชี้จุดอ่อนของท่าต่อสู้ชักดาบของนางพอดี หากคนทั้งสองประมือระยะใกล้ หู่หลิงหลันออกดาบเช่นนี้ ท่าของนางต้องถูกทำลายเป็นแน่ ท่าทางนี้ของซางเฉิงอวี่เหมือนกำลังบอกหู่หลิงหลันว่า ‘เพลงดาบของเจ้า ข้าล้วนมองออกทะลุปรุโปร่ง’

    วรยุทธ์ของคนผู้นี้…น่ากลัวนัก!

    แต่ความหวั่นไหวในใจของหู่หลิงหลันมิอาจเทียบกับฮั่วเหยาฮวาได้เลย

    ในหลายปีที่ติดตามอูจี้หงจอมเวทปัวหลง ฮั่วเหยาฮวาเคยได้ยินมันสรรเสริญศิษย์พี่ซางท่านนี้นับครั้งไม่ถ้วน แม้จอมเวทไม่เคยกล่าวถึงบุญคุณความแค้นครั้งแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักในปีนั้น ไยตัวมันเองหลบหนีออกจากอู่ตัง หรือศิษย์พี่ซางผู้นี้อยู่ที่ใด…แต่ความเคารพและความหวาดกลัวที่แสดงออกมาทุกครั้งที่จอมเวทกล่าวถึงศิษย์ฑี่ซาง ฮั่วเหยาฮวาจำได้แม่นยำ…เนื่องเพราะมีเพียงเวลาเช่นนั้นจึงมองเห็นนิสัยแท้จริงที่จอมเวทปัวหลงเผยออกมา

    ในตอนนั้นฮั่วเหยาฮวาอดมิได้ที่จะสงสัยว่าศิษย์พี่ซางผู้นี้เป็นเพียงเทพที่จอมเวทจินตนาการขึ้นเองหรือไม่ ทว่าบัดนี้ บุคคลผู้นี้พลันยืนทนโท่อยู่เบื้องหน้านาง

    ฮั่วเหยาฮวามิอาจแน่ใจว่าเหตุใดฝ่ายตรงข้ามคิดว่าพวกนางเป็นคนที่จอมเวทส่งมา

    ความสงสัยของฮั่วเหยาฮวากลับถูกมองออกทันทีเช่นกัน

    “สีของลูกตาเจ้า ภายในแฝงร่องรอยว่าเคยใช้ลูกกลอนเจาหลิง”

    ซางเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องรอให้ฮั่วเหยาฮวาถามไถ่ก็ชี้ใบหน้าของนางพลางตอบก่อน ความสามารถในการวินิจฉัยเช่นนี้ทำให้ฮั่วเหยาฮวาพรั่นพรึง

    ฮั่วเหยาฮวางดลูกกลอนเจาหลิงได้ระยะหนึ่งแล้ว ร่องรอยยาที่หลงเหลือในดวงตาความจริงเล็กน้อยอย่างยิ่ง แต่ซางเฉิงอวี่กลับมองออกได้จากไกลๆ ที่แท้เจ็ดปีมานี้มันถูกกักขังอยู่ในถ้ำหินอันมืดสลัว ดวงตามิเพียงไม่เสียหาย แต่กลับฝึกจนเฉียบคมกว่าเดิม

    เหมือนเช่นพบกับจอมเวทปัวหลงอีกครั้งที่เมืองเซียงหยางในครั้งนั้น ฮั่วเหยาฮวาพอได้ยินซางเฉิงอวี่กล่าวถึงลูกกลอนเจาหลิง ความทรงจำของอาการลงแดงที่หลงเหลือในร่างกายก็ถูกจุดชนวนขึ้นมา ทำให้ร่างของฮั่วเหยาฮวาสั่นเทาเล็กน้อย สุ้มเสียงและวิธีพูดของซางเฉิงอวี่มีผลต่อนางเช่นเดียวกันกับจอมเวทปัวหลง

    ฮั่วเหยาฮวาเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ความสามารถในการดึงดูดจิตวิญญาณของอูจี้หงจอมเวทปัวหลง แต่ก่อนย่อมเรียนมาจากคนผู้นี้

    ยามนี้ฮั่วเหยาฮวาครุ่นคิดว่าแม้จอมเวทท่าทางคล้ายบ้าคลั่ง แต่ความจริงการกระทำและความคิดละเอียดรอบคอบ การมารับซางเฉิงอวี่ที่อู่ตังในครั้งนี้เป็นไปได้มากว่าติดต่อกับมันไว้ก่อนแล้ว…โดยเฉพาะจอมเวทพึ่งพาอาศัยหนิงอ๋องแห่งหนานชางแล้ว และตำหนักหนิงอ๋องยังไปมาหาสู่กับขุนนางใหญ่องครักษ์เสื้อแพรแห่งราชสำนัก จะลอบติดต่อสื่อสารกันหาได้ลำบากไม่ ด้วยเหตุนี้ การพบกันในตอนนี้ซางเฉิงอวี่จึงเห็นพวกนางเป็นลูกน้องที่จอมเวทส่งมาสืบหาและรับตัวมัน…อย่างไรพวกนางทั้งสองก็แต่งกายแปลกประหลาดและเป็นสตรีที่พกดาบใหญ่ คงมิใช่ศิษย์สำนักอู่ตัง และไม่คล้ายคนในราชสำนัก นี่คือสถานะที่เป็นไปได้ที่สุด และร่องรอยลูกกลอนเจาหลิงที่ตกค้างในดวงตาฮั่วเหยาฮวายิ่งเป็น ‘เครื่องพิสูจน์’

    เมื่อเข้าใจสภาพในตอนนี้ ฮั่วเหยาฮวาคิดหนักว่าต่อไปควรทำอย่างไร อีกทั้งต้องชี้ขาดให้เร็วที่สุด ที่นี่คือจุดที่ฝ่ายตรงข้ามนัดหมายรวมกัน จอมเวทปัวหลงสามารถปรากฏตัวที่เขาด้านหลังแห่งนี้ได้ทุกเมื่อ

    ฮั่วเหยาฮวาไม่จำเป็นต้องหันหน้ามองดูหู่หลิงหลันก็รู้ว่าขณะนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่ คนทั้งสองล้วนเป็นนักสู้หญิงที่ห้าวหาญ ความคิดที่ตรงไปตรงมาที่สุดย่อมเป็นการรวมพลังขับไล่ซางเฉิงอวี่ เมื่อครู่ฮั่วเหยาฮวารับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ในการชักดาบของหู่หลิงหลันแล้ว

    ผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดที่หลูหลิงก่อนหน้า ทั้งยังมีวันเวลาช่วงนี้ที่ร่วมเดินทาง ฮั่วเหยาฮวากระจ่างถึงฝีมือของหู่หลิงหลันยิ่งนัก วรยุทธ์นางเทียบเท่ากับตน หากทั้งสองร่วมกันโจมตี ผู้ที่ต้านทานพวกนางได้เพียงลำพังบนโลกคงหาได้ยากนัก

    ทว่าหาได้ยาก…ใช่ว่าจะไม่มี คนแรกที่ฮั่วเหยาฮวาคิดถึงคือจอมเวทปัวหลง แต่ตรงหน้ากลับเป็นบุรุษที่แม้แต่จอมเวทปัวหลงเองก็เคารพดั่งเทพ

    แม้ฮั่วเหยาฮวาเคยได้ยินจากปากจอมเวทว่าศิษย์พี่ซางถูกสำนักอู่ตังกักขังหลายปี วรยุทธ์อาจไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเช่นนี้ฮั่วเหยาฮวามิกล้าเดิมพันกับคำว่า ‘อาจ’

    สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือซางเฉิงอวี่ที่สวมเสื้อผ้าซอมซ่อตรงหน้า ทั่วร่างกลับแผ่ไอแห่งความบ้าระห่ำ บีบคั้นจนพวกนางหายใจลำบาก

    ไอบ้าระห่ำนี้ของซางเฉิงอวี่เพิ่งเกิดขึ้นจากการต่อสู้กับซือซิงเฮ่าผู้มีฝีมือขั้นสุดยอดก่อนหน้า ย่อมไม่ธรรมดา ฮั่วเหยาฮวาครุ่นคิดพักหนึ่งและชี้ขาดได้ว่า

    คนผู้นี้มิใช่เราสองคนจะรับมือได้ง่ายดาย

    ถึงแม้มีความหวังขับไล่เขาได้ แต่หากขณะต่อสู้จอมเวทปัวหลงปรากฏตัว…เราสองคนตายอย่างมิต้องสงสัยเป็นแน่

    ยามนี้หู่หลิงหลันเฉกเช่นหนูที่ถูกแมวไล่ต้อนจนมุม บีบจนต้องแยกเขี้ยว ชักดาบได้ทุกเมื่อ

    ฮั่วเหยาฮวารู้ว่าตนเองต้องตัดสินใจอย่างฉับไว

    “ใช่แล้ว…”

    ฮั่วเหยาฮวากล่าวพลางก้มศีรษะคุกเข่าลงให้ซางเฉิงอวี่

    “ท่านอูจี้หงจอมเวทปัวหลง ให้พวกเราตามหา…ผู้อาวุโสซาง เพื่อรับตัวลงเขา”

    หู่หลิงหลันมองเห็นฮั่วเหยาฮวาทำเช่นนี้ก็แปลกใจอย่างยิ่ง

    ซางเฉิงอวี่สังเกตเห็นหู่หลิงหลันเผยสีหน้าแปลกใจ แต่คิดว่าการแต่งกายและรูปร่างหน้าตามอมแมมเช่นนี้ของตนเอง ลูกน้องของอูจี้หงเห็นแล้วย่อมรู้สึกผิดคาดอย่างมาก จึงมิได้นำพามาใส่ใจ

    “จอมเวทปัวหลง? ฮ่าๆ จี้หงเถลไถลอยู่ภายนอกหลายปีใช้ฉายาเช่นนี้แล้วหรือ” ซางเฉิงอวี่แค่นยิ้มอย่างเหยียดหยาม มันคิดว่าฉายา ‘จอมเวทปัวหลง’ นี้คล้ายคลึงกับฉายาทางธรรมของหัวหน้าในลัทธิอู้อี๋ในปีนั้นเล็กน้อย อูจี้หงใช้เลียนแบบก็หาได้แปลกประหลาดไม่ ฮั่วเหยาฮวาพูดถึงฉายานี้ออกมาก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเป็นลูกน้องของอูจี้หง

    ยามนี้ฮั่วเหยาฮวายืนขึ้น หันหน้ามองดูหู่หลิงหลัน

    “เจ้ายังไม่รีบไปเชิญจอมเวทและเหล่าสาวกคนอื่นๆ มา? ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนผู้อาวุโสซางก็พอแล้ว”

    หู่หลิงหลันได้ฟังแล้วพลันประหลาดใจกว่าเดิม แต่ก็เข้าใจความหมายของฮั่วเหยาฮวาทันที

    นางให้ข้าไปก่อน

    ทั้งสองประสานสายตา ขณะนี้หู่หลิงหลันจึงมองเห็นความหวาดกลัวที่ฝังลึกในดวงตาฮั่วเหยาฮวา

    นางต้องรู้เรื่องราวของบุรุษผู้นี้มากมายเป็นแน่ จึงได้กลัวเช่นนี้…

    หู่หลิงหลันไม่ยอมรับ การยอมแพ้โดยไม่สู้หาใช่คำสั่งสอนของตระกูลนักสู้แห่งซ่าหมัวที่นางได้รับมาตั้งแต่เด็กไม่ มือของนางยังคงมิได้ปล่อยด้ามดาบเหยี่ยไท่ออก

    ทว่าฮั่วเหยาฮวากล่าวคำอีกครั้ง

    “รีบไป มันรอนานมากแล้ว”

    กำปั้นที่จับดาบของหู่หลิงหลันหยุดนิ่งแล้ว นางย่อมฟังออกว่า ‘มัน’ คำนี้ที่ฮั่วเหยาฮวากล่าวคือใคร

    ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการนำขี้ผึ้งลอกคราบให้จิงเลี่ย

    นี่คือความหมายแท้จริงที่ฮั่วเหยาฮวาถ่ายทอดผ่านสายตาและสุ้มเสียง

    หู่หลิงหลันเองก็มิได้โง่ คิดได้เช่นเดียวกับฮั่วเหยาฮวา จอมเวทปัวหลงสามารถปรากฏตัวในป่าเขาผืนนี้ได้ทุกเมื่อ หากจอมเวทเคียงไหล่กับบุรุษผู้นี้ด้านหน้าล่ะก็ ไม่มีโอกาสที่พวกนางสองคนจะหนีรอดเป็นอันขาด

    เช่นนั้นความหวังที่จิงเลี่ยจะฟื้นฟูวรยุทธ์ก็จะดับสลายลงเพียงนี้…

    แต่หากข้าไปเช่นนี้ นางก็จะ…

    เสียสละให้ผู้อื่นหนีรอด ฝ่าฝืนหลักการแห่งชีวิตของหู่หลิงหลันอย่างสิ้นเชิง ทว่าอีกด้านหนึ่งของตาชั่งกลับเป็นจิงเลี่ยคนรักของนาง

    หากขณะนี้ขี้ผึ้งลอกคราบอยู่บนตัวนาง เป็นข้าก็คงให้นางไปเช่นกัน…

    หู่หลิงหลันขัดขืนในใจพักหนึ่ง ฝ่ามือค่อยๆ ห่างจากด้ามดาบ นางยอมรับการตัดสินใจของฮั่วเหยาฮวา

    นักดาบหญิงงดงามทั้งสองจับจ้องซึ่งกันและกัน หู่หลิงหลันมองเห็นความโศกเศร้าลุ่มลึกในดวงตาฮั่วเหยาฮวา นางรู้ว่านั่นคือความเสียดายของฮั่วเหยาฮวา ขาดเพียงก้าวเดียวกลับมิอาจไปพบจิงเลี่ยได้อีกแล้ว

    ในขณะเดียวกันฮั่วเหยาฮวาเองก็มองเห็นความซาบซึ้งและความอาลัยที่พรั่งพรูจากในดวงตาหู่หลิงหลันเช่นกัน

    ประหลาดนัก…พวกเราไม่นับว่าเป็นพวกพ้องกัน

    แค่ชอบบุรุษร่วมกันเท่านั้น

    การจับจ้องของคนทั้งสองความจริงเป็นเพียงเวลาอันแสนสั้น แต่กลับแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยมากมาย

    สุดท้ายหู่หลิงหลันพยักหน้า กล่าวก่อนจากไป

    “ข้าจะกลับมาหา…พวกเจ้า”

    มีชีวิตอยู่ต่อไป สักวันหนึ่งข้าจะมาหาเจ้า

    นี่ต่างหากคือสิ่งที่หู่หลิงหลันอยากกล่าวอย่างแท้จริง ฮั่วเหยาฮวาฟังออก

    กล่าวจบหู่หลิงหลันจึงไปทางตะวันออกของป่าสืบต่อโดยไม่แม้แต่หันหน้า หลังเดินไปสิบกว่าก้าวนางอดมิได้ที่จะลูบไล้ขี้ผึ้งลอกคราบในอกอีกครั้ง ในที่สุดก็หลั่งน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

    ฮั่วเหยาฮวามองคล้อยหู่หลิงหลันเลือนหายไปในป่า ในใจอธิษฐานให้นางกลับไปข้างกายจิงเลี่ยอย่างปลอดภัย และขี้ผึ้งลอกคราบก็สามารถรักษาแผลของจิงเลี่ยให้หายได้จริง

    ส่วนภายหน้ายังมีโอกาสพบจิงเลี่ยอีกหรือไม่ นางมิกล้าคิดอีกแล้ว

    ในป่าเหลือเพียงซางเฉิงอวี่และฮั่วเหยาฮวาสองคน ในขณะเดียวกันเสียงยิงระดมของอารามอวี้เจินในที่ไกลก็ค่อยๆ เบาบางลง

    ดวงตากระหายนิทราคู่นั้นของซางเฉิงอวี่สังเกตร่างกายของฮั่วเหยาฮวาไม่หยุดอีกครั้ง

    เป็นสายตาอันตรายเช่นนั้นอีกแล้ว ฮั่วเหยาฮวาพยายามหลบหลีกสุดความสามารถ

    “ดาบของเจ้า…ให้ข้าดูหน่อย” ซางเฉิงอวี่พลันกล่าว

    ฮั่วเหยาฮวาชักดาบเลื่อยใหญ่ออกมาอย่างเชื่อฟัง สองมือจับคมดาบอันหนาหนักคล้ายแผ่นเหล็ก ยื่นปลายด้ามไปยังซางเฉิงอวี่ด้วยความเคารพ

    ซางเฉิงอวี่รับดาบเลื่อยมา มันมิได้ถืออาวุธหนักอึ้งเช่นนี้มาเจ็ดปีแล้ว ความทรมานที่ถูกกักขังเป็นเวลานานยิ่งทำให้กล้ามเนื้อของมันหดตัว แต่อาศัยร่างกายที่มิได้เสื่อมสภาพประสานกับทักษะและพรสวรรค์อันเฉลียวฉลาดเฉพาะตัว ยามซางเฉิงอวี่ร่ายรำดาบใหญ่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนเล่มนี้กลับราบรื่นผ่อนคลายอย่างยิ่ง เหมือนเดิมทีเป็นอาวุธที่สร้างมาเพื่อมัน

    หรือกล่าวได้อย่างเหมาะสมว่าดาบเลื่อยเป็นเพียงของเล่นอีกชิ้นหนึ่งในมือมัน

    เมื่อมองดูซางเฉิงอวี่ร่ายรำดาบ ฮั่วเหยาฮวายิ่งแน่ใจว่าการชี้ขาดของตนเองถูกต้อง

    ยามนี้ซางเฉิงอวี่เหมือนเล่นจนเบื่อแล้ว มันพลันโยนดาบเลื่อยใหญ่ไปด้านข้างอย่างเรื่อยเปื่อย คมดาบปักอยู่บนพื้น พู่ผมที่ย้อมโลหิตมนุษย์กระจุกนั้นตรงหัวด้ามพลิ้วไหวเล็กน้อย

    สายตาที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาของซางเฉิงอวี่ทอดบนร่างกายฮั่วเหยาฮวาอีกครั้ง

    “ถอดเสื้อผ้าออก”

     

     

    ติดตามต่อได้ในหนังสือ เพลงกลอนคลั่งยุทธ์เล่ม 14 ฉบับเต็ม

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in เพลงกลอนคลั่งยุทธ์

    นิยายยอดนิยม

    Uncategorized

    สุดมันกับนิยายเรื่องใหม่ เล่มต่อ และเล่มจบ ที่ทุกท่านรอคอย… บูธ ENTER BOOKS Q02

    บูธ ENTER BOOKS Q02 งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 21 ณ ฮอลล์ 5-7 ชั้น LG ศูนย...

    Facebook