Uncategorized
ทดลองอ่าน คดีปีศาจแห่งเมืองไคเฟิง เล่ม 1 ตอนที่ 3
บทที่ 5
เรื่องเกิดขึ้นมาเมื่อสองเดือนก่อน
วันนั้นจั่นเจาไปทำคดีข้างนอกกลับมาและเดินผ่านถนนซีซื่อช่วงตลาดเที่ยงพอดี ผู้คนจอแจขวักไขว่ คึกคักเป็นพิเศษ ไม่รู้ม้าบ้านใครตื่นตกใจวิ่งพุ่งเข้ามาที่กลางถนน ผู้คนแตกตื่นหลบกันชุลมุน ขณะผลักกันไปมา หญิงสาวในชุดสีกลีบบัวคนหนึ่งถูกชนล้มลงกับพื้น เห็นชัดว่าหากกีบเท้าม้าที่ชูขึ้นสูงเหยียบขยี้หญิงงามโลหิตคงสาดกระจาย…
เคราะห์ดี จั่นเจายื่นมือช่วยเหลือหญิงงามผู้นั้นได้อย่างหวุดหวิด
หญิงงามมีนามว่าฉยงเซียง เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของสกุลสวี่ครอบครัวมั่งคั่งมากอิทธิพลแห่งเมืองไคเฟิง แต่หญิงสาวแบบบางที่ควรอยู่ในเหย้าในเรือนเหตุใดจึงมาปรากฏตัวในตลาดจอแจขวักไขว่นี้ได้ หรืออาจเพราะนึกสนุกขึ้นมา จึงแอบหลบออกจากบ้านมาเที่ยวเล่นก็เป็นได้
ประเด็นสำคัญก็คือหญิงสาวอ่อนหวานแช่มช้อยผู้นี้ปกติถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในบ้าน บิดาและพี่ชายทำการค้า มีเงินทองผ่านมือ ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเงินตรา เด็กรับใช้ในบ้านถ้าไม่ใช่พวกคิ้วโจรตาหนู*ก็เป็นพวกดีแต่เออออ ไหนเลยจะเคยเห็นบุรุษที่ถ่อมตัวสุภาพอ่อนโยนคิ้วดาบนัยน์ตาเจิดจรัสดุจดวงดาวท่วงท่าองอาจห้าวหาญเช่นนี้ อย่าว่าแต่เมื่อครู่ความเป็นความตายแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าไม่ใช่เพราะเขา…
เพียงมองแวบเดียว สองแก้มก็พลันแดงฉาน แอบชื่นชอบอยู่ในใจ หัวใจกลัดกลุ้มระทม…
ทว่าจั่นเจากระทั่งนางคิ้วยาวหรือดวงตาสั้นก็ยังไม่ทันมอง เห็นคนรับใช้บ้านสกุลสวี่เข้ามาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
การพบกันครั้งนี้สำหรับนาง เป็นเรื่องที่งดงามน่าตื่นเต้นในชีวิตที่จืดชืด นับแต่นั้นมาดวงจิตก็พันผูกหลับฝันก็ยังพะวงเฝ้านึกถึงตลอดเวลา สำหรับเขากลับเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยคล้ายขยับนิ้วมือเท่านั้น
แน่นอน จั่นเจาย่อมไม่รู้ นี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
“พี่ใหญ่จั่น พี่ใหญ่จั่น…” จั่นเจาเพิ่งก้าวออกจากประตูใหญ่ศาลไคเฟิงก็ได้ยินหวังเฉาร้องเรียกด้วยท่าทางร้อนรนอยู่ข้างหลัง
จั่นเจาหมุนตัวกลับไป เกือบจะชนกับหวังเฉาที่วิ่งมาอย่างเร่งร้อน
“ได้ยินท่านกงซุนบอกพี่ใหญ่จั่นจะไปกระท่อมตวนมู่” หวังเฉายิ้มแย้มเบิกบาน “ข้าเพิ่งซื้อขนมดอกกุ้ยใส่เหอเถา**มาสองตำลึง ฝากพี่ใหญ่จั่นไปให้พี่ตวนมู่ด้วย พี่ตวนมู่ของข้าชอบกิน”
พี่ตวนมู่…ของเจ้า? ตวนมู่ชุ่ยยังอายุน้อยกว่าเจ้าหลายปี เป็นพี่สาวทางไหนของเจ้า
เอาเถิด จั่นเจายอมรับ นับแต่คดีร้านผ้าจิ่นซิ่วเป็นต้นมา ชื่อเสียงของตวนมู่ชุ่ยในศาลไคเฟิงก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงยามใต้เท้าเปาเอ่ยถึงก็ชมไม่ขาดปาก แม้แต่ท่านกงซุนก็พยายามเอาชนะความหวาดกลัวของตนไปมาหาสู่กับตวนมู่ชุ่ย การแสดงออกของพวกจางหลงจ้าวหู่ก็ใช่จะเกินเลย…จั่นเจาไร้คำพูด รับขนมดอกกุ้ยใส่เหอเถาจากมือหวังเฉา จากนั้นก็โบกมือเป็นสัญญาณคล้ายจะบอกหวังเฉาว่าที่ไหนเย็นสบายก็ไปที่นั่น*
“ความจริงยังมีขนมโก๋แผ่นเมฆ**ที่ใส่ลูกจ๊อกวน” หวังเฉาพูดร่ำไรต่อ “ครั้งนี้ลืมซื้อ ถ้าพี่ตวนมู่ชอบ…”
ตอนเงยหน้าขึ้นมาจั่นเจาก็เดินไปไกลแล้ว
ขณะเดินผ่านตลาดนัดบนถนนซีซื่อก็บังเอิญเหลือบไปเห็นคนขายตุ๊กตารูปคนอยู่ริมถนน หนึ่งในนั้นเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงสวมชุดสีเขียวมรกต เมื่อพินิจดูก็ออกจะมีส่วนคล้ายกับตวนมู่ชุ่ยในรูปแบบตุ๊กตา จั่นเจาอดคลี่ยิ้มมุมปากไม่ได้ เจ้าของแผงรู้จักดูสีหน้าคน รีบเอาตุ๊กตาตัวนั้นมาห่อ ยื่นส่งให้จั่นเจา
จั่นเจาชำระเงินและรับตุ๊กตามา ขณะหมุนตัวจะเดินจากไปก็มีนักพรตตกยากคนหนึ่งเดินเข้ามาตรงหน้าพอดี คนผู้นี้อายุราวสี่สิบ สวมเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งดูสกปรกยิ่ง ไว้หนวดสองเส้นและเคราแพะ ดวงตาล่อกแล่กราวกับมุสิกหมุนกลอกไปมา…กวาดมองทั่วร่างจั่นเจา
จั่นเจาถูกคนผู้นี้มองจนขนลุกอยู่ในใจ ขณะจะเดินอ้อมไป คนผู้นั้นกลับร้องอุทานออกมาคำหนึ่งแล้วกระโจนเข้ามาพูดด้วยเสียงอันดัง “คุณชายมีวาสนายิ่ง ดาวหงหลวน***เคลื่อนที่ จะพบสิริมงคลใหญ่…”
โชคดีที่จั่นเจาไม่ได้กำลังดื่มน้ำ หาไม่แล้วต้องสำลักตายแน่นอน
ต้องสิ้นเปลืองแรงไปเท่ากับวัวเก้าตัวเสืออีกสองตัวจึงสลัดหลุดจากคนผู้นั้นมาได้
เมื่อเร่งรุดมาถึงกระท่อมตวนมู่ก็พบตวนมู่ชุ่ยกำลังจะออกจากบ้านพอดี
“ทางภูเขาตะวันตกมีกลิ่นอายปีศาจรุนแรง ไม่รู้จะมีปีศาจร้ายอะไรถือกำเนิดขึ้นมา ข้าจะต้องไปดูสักหน่อย…หวังเฉาฝากขนมดอกกุ้ยมาให้หรือ เอาไปกินระหว่างทางได้พอดี…ตุ๊กตารูปคนหวังเฉาก็เป็นคนให้หรือ ตุ๊กตาที่ผู้อื่นให้อย่างน้อยก็ดูดี ไม่เหมือนเจ้าชอบให้แต่ตุ๊กตาภูตผีปีศาจ…”
“เจ้า…” จั่นเจาไม่ทันได้เอ่ยปาก ตวนมู่ชุ่ยก็วูบหายไปไร้ร่องรอยราวกับลมหอบหนึ่ง ทิ้งจั่นเจาที่กำลังโมโหให้ยืนอยู่ตรงนั้น
โมโหอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้าฝืนยิ้ม ขณะจะเข้าไปในบ้านเอาตุ๊กตารูปคนไปวาง ตวนมู่ชุ่ยก็พลันย้อนกลับมา “ลืมบอกเจ้าไป บนโต๊ะมีน้ำแกงข้นปลาที่เจ้าแคว้นอู๋แห่งยุคชุนชิวทำไว้ บำรุงร่างกายดีที่สุด…หลังจากดื่มแล้วก็ล้างชามน้ำแกงให้ข้าด้วย”
ฟังตอนแรกก็รู้สึกอบอุ่นใจ ฟังต่อไปกลับหนาวราวกับน้ำค้างแข็ง
ตวนมู่ชุ่ยหมุนตัวจะจากไป แต่พลันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจนร้อง “เอ๋?” ออกมาคำหนึ่ง “จั่นเจา มีเมฆแดงแผ่คลุมศีรษะเจ้า…”
“ดาวหงหลวนเคลื่อนใช่หรือไม่” จั่นเจาไม่ชอบใจนัก
“ดาวหงหลวนเคลื่อน? ฝันหวานไปแล้ว” ตวนมู่ชุ่ยแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง “เมฆแดงแผ่คลุมศีรษะกลางหน้าผากมีรอยดำ กล่าวว่าคู่ครองกลายเป็นภัยพิบัติต่างหาก ไปก่อเรื่องกับสาวบ้านใดเข้า”
จั่นเจายังไม่ทันตอบ ตวนมู่ชุ่ยก็หายฟุ่บไปไม่เหลือร่องรอยราวกับสายลมพัด
หลังกลับจากกระท่อมตวนมู่ พอก้าวเข้ามาในศาลไคเฟิงก้าวแรก จั่นเจาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เจ้าหน้าที่ศาลที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพอเห็นจั่นเจาก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่คลี่ยิ้มเต็มหน้า พอเข้าประตูมาก็พบเด็กรับใช้สองคนกำลังพรมน้ำกวาดพื้น ทั้งสองประสานมือให้จั่นเจา “ใต้เท้าจั่นยินดีด้วย”
ยินดีด้วย? นี่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน
จั่นเจาขนลุกอยู่ในใจ ครั้นเข้ามาในห้องโถง กงซุนเช่อก็ยิ้มด้วยใบหน้าอิ่มเอิบมีความสุข ยื่นมือมาตบๆ บ่าจั่นเจา “องครักษ์จั่น ยินดีด้วย” พูดจบก็บุ้ยปากไปทางห้องโถง
คนที่ยิ้มแหยๆ อยู่ที่หน้าโต๊ะนั่น ถึงกับเป็น…
คนรับใช้เก่าแก่ของบ้านสกุลจั่น จั่นจง!
จั่นจงมาด้วยเรื่องแต่งงานของจั่นเจา
“นายหญิงรับปากเรื่องงานมงคลนี้แล้ว สกุลสวี่เป็นครอบครัวที่มีเงินและมีอิทธิพลในเมืองหลวง ได้ยินว่าคุณหนูฉยงเซียงรูปโฉมงดงามเหนือผู้อื่นมีคุณธรรมปัญญาจิตใจดีงาม เหมาะสมกับคุณชายที่สุดแล้ว…” จั่นจงยิ้มเบิกบาน ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าหัวคิ้วของจั่นเจาขมวดแน่นขึ้นทุกที
“องครักษ์จั่นก็สมควรมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว” ผู้ไม่รู้สถานการณ์เช่นกงซุนเช่อพูดกระเซ้า “ทั้งมีคำพูดของแม่สื่อแม่ชักและมีคำสั่งของบิดามารดา ครั้งนี้ศาลไคเฟิงคงจะมีงานมงคลแล้ว…”
“แต่ท่านอาจั่นจง เรื่องนี้กะทันหันเกินไปแล้ว…” จั่นเจาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไร
“กะทันหัน เรื่องนี้ไม่ใช่คุณชายรับปากเองหรอกหรือ” จั่นจงงุนงง “แม่สื่อยังเอาพู่ห้อยกระบี่ที่คุณชายมอบให้คุณหนูฉยงเซียงมาด้วย พู่ห้อยกระบี่นี้นายหญิงถักเองกับมือ มีมุกสมปรารถนาผูกอยู่สามเม็ด นายหญิงเห็นแล้วจำได้ทันที รู้ว่าคุณชายรับปากอยู่ก่อนแล้วจึงได้ผลักเรือตามน้ำรับปากงานมงคลนี้ ได้ยินว่าคุณหนูฉยงเซียงมอบพู่ห้อยกระบี่ลูกปัดหยกเป็นของขวัญตอบคุณชาย คุณชายก็ใช้มาตลอดมิใช่หรอกหรือ”
เหลวไหลสิ้นดี ข้าใช้พู่ห้อยกระบี่ลูกปัดหยกของแม่นางสวีผู้นั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน เห็นอยู่ว่าที่ข้าใช้คือ…
จั่นเจาหยิบกระบี่จวี้เชวี่ยขึ้นมาขวางไว้ที่หน้าอก ขณะจะเรียกจั่นจงมาพิจารณาดูให้ละเอียด ตนเองกลับตะลึงงันไป
พู่ห้อยกระบี่ทำจากเส้นไหมห้าสีถักเป็นเงื่อนร่วมใจ*ตรงปลายมีลูกปัดหยกแข็งเม็ดเล็กๆ ผูกติดอยู่สองเม็ด แวววาวเกลี้ยงเกลา แกว่งไปมาน่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง
นี่…นี่…นี่…
นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไรกัน