บทความ
เป็นตัวของตัวเองแบบ ‘หนิงเชวีย’ เคล็ดไม่ลับของความสำเร็จ
‘หนิงเชวีย’ นายน้อยจากนิยายเรื่อง‘สยบฟ้าพิชิตปฐพี’ ซึ่งใครที่เป็นแฟนนิยายENTER BOOKS คงรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านหรือดูนิยายเรื่องนี้ รับรองได้เลยว่าเมื่อคุณอ่านบทความนี้จบคุณจะอยากรู้เลยว่า ‘หนิงเชวีย’เป็นคนพิเศษอย่างไร
‘ความสำเร็จ’ คงเป็นความต้องการหลักของมนุษย์ไม่ว่าจะทำอะไรผู้คนย่อมต้องการ‘ความสำเร็จ’ ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็อีกนั่นแหละใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จเหมือนกันทุกคน เราต่างต้องค้นหาเส้นทางของตนเองและวิธีการที่นำไปสู่ความสำเร็จนั้นๆ สิ่งหนึ่งที่คนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มี ก็คือสิ่งที่ตัวละครในนิยายอย่าง ‘หนิงเชวีย’ มีอยู่ มันคืออะไรนั้นเชิญทุกท่านอ่านและทำความเข้าใจในตนเองไปพร้อมกับ ‘หนิงเชวีย’ ได้เลย
‘ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน’ ไม่บิดพริ้วเหมือนหญ้าที่ขึ้นในกำแพง
ตอนเด็ก ‘หนิงเชวีย’ เป็นผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ใช้ชีวิตในฐานะเด็กกำพร่าจนเมื่อเติบใหญ่ได้เป็นทหารของเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง มีความฝันอยากจะเป็นผู้ฝึกตนเพื่อนำวิชาไปใช้ในการ ‘แก้แค้น’ เหล่าคนที่พรากทุกสิ่งไปจากเขา
ถึงแม้แรงจูงใจของ ‘หนิงเชวีย’ จะไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้องสักเท่าไรแต่ก็นับว่าเป็น‘เป้าหมาย’ ที่มีพลังอย่างแรงกล้า ‘ความแค้น’ ที่เขามีต่อศัตรูทำให้เขาต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึง‘เป้าหมาย’ แม้จะมีบางครั้งที่เขาได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องยึดติดกับความแค้นของเขา แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธเส้นทางเหล่านั้นเพื่อเส้นทางของตัวเขาเอง เพราะเขาเชื่อว่า
‘คนที่กำหนดเส้นทางของตัวเองได้ก็มีเพียงตัวเองเท่านั้น’
ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจและ ‘อภิสิทธิ์ชน’
หลายครั้งที่ ‘หนิงเชวีย’ ไม่เป็นที่พอใจต่อเหล่าลูกขุนนางรวมไปถึงคนใหญ่คนโตบางคนในสายตาของคนพวกนั้น‘หนิงเชวีย’ ถูกมองว่าเป็นผู้ต่ำต่อยไม่คู่ควรที่จะอยู่ร่วมกับพวกเขาและถูกกลั่นแกล้งสารพัด แต่ก็ไม่เคยเลยที่ ‘หนิงเชวีย’ จะยอมก้มหัวให้กับคนพวกนั้น‘หนิงเชวีย’ มักจะตอบโต้ไปด้วยประสบการณ์จริงที่คนเหล่านั้นไม่มีเสมอ และแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมในการเรียนรู้ ว่าถึงแม้จะเป็นคนที่มีฐานะสูงส่งเพียงใด แต่ในเรื่องการฝึกฝนแล้วทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ส่วนนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆ คนหลงรักในตัวละครนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงองค์ชาย อัจฉริยะหรือคนธรรมดา ‘หนิงเชวีย’ ล้วนให้ความเท่าเทียมกับทุกคนเสมอ
สิ่งนี้แหละคือความกล้าที่ทำให้เขาเรียนรู้อย่างไม่ย่อท้อแม้จะถูกกลั่นแกล้งขนาดไหนก็ตาม
‘ไม่ใส่ใจคำพูดคนอื่น’ แม้แต่ฟ้าดินก็หยุดเขาไม่ได้
คำว่า ‘ไม่ใส่ใจ’ กับ ‘ไม่สนใจ’ ให้ความหมายที่แตกต่างกันคำว่า ‘ไม่ใส่ใจ’ คือการไม่เก็บคำพูดที่ไร้ประโยชน์มาคิดให้ปวดหัวปล่อยวางต่อสิ่งที่คนอื่นพูดเพื่อให้เราล้มเลิกในเป้าหมาย ส่วนคำว่า ‘ไม่สนใจ’ คือการที่ไม่รับฟังสิ่งใดเลยแม้สิ่งที่พูดจะเป็นความจริงก็เลือกที่จะไม่รับมัน
‘หนิงเชวีย’ เป็นคนที่ไม่ใส่ใจคำพูดคนอื่นเพราะเชื่อว่าการกระทำสำคัญกว่า แม้ตัวเขาจะไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้ฝึกตนเลยชีพจรของเขาอุดตันเป็นแค่คนธรรมดา เขาก็ไม่เลือกที่จะยอมแพ้ให้กับสิ่งที่หลายๆ คนพูด เขาพยามตามหาวิธีที่ทำให้เขาฝึกตนได้และสิ่งสำคัญที่ทำให้เขามุมานะพยายามขนาดนี้ก็คือ‘ความเชื่อ’
ยึดมั่นใน ‘ความเชื่อ’ พยายามเพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อ
ทุกความฝันล้วนเกิดมาจาก‘ความเชื่อ’ และเมื่อคนเรามีความเชื่อสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ก็จะบังเกิด ‘หนิงเชวีย’ ที่ไม่สามารถฝึกตนได้เขาได้ตามหาวิธีที่จะปฏิเสธคำพูดเหล่านั้นและโชคชะตาก็ไม่เคยทรยศผู้ที่มี‘ความเชื่อ’ เขาได้รับบางอย่างจนเขาสามารถฝึกตนได้ในที่สุด(เพราะอะไรต้องไปอ่านเอง)
จากสิ่งนี้ทำให้เห็นว่าเราสามารถทำทุกสิ่งได้ในชีวิตนี้เพียงแค่เราต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่า‘เราเชื่อว่าเราทำสิ่งนั้นได้รึเปล่า’ ถ้าเรามีความเชื่ออย่างแรงกล้า มันจะขับเคลื่อนเราไปยังสิ่งที่เราต้องการเสมอ แม้ต้องใช้เวลาแค่ไหนก็ตาม
‘เคารพ’ ต่อแหล่งความรู้
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษพี่ครูบาอาจารย์ไปจนถึงผู้มีพระคุณน้อยใหญ่ทั้งหลาย‘หนิงเชวีย’ จะให้ความเคารพต่อบุคคลเหล่านี้อยู่เสมอ ไม่เกี่ยวว่าจะเก่งขนาดไหน ไม่เกี่ยว่าจะมีชาติตระกูลยิ่งใหญ่อย่างไร ไม่เกี่ยวว่าจะต่ำต่อยเพียงไร ฯลฯ ผู้ที่สอนเราในชีวิตล้วนแต่ต้องให้ความเคารพด้วยกันทั้งนั้นเพราะการที่เราจะประสบความสำเร็จได้นั้นย่อมต้องได้รับความช่วยเหลือไม่ว่าใครก็ตาม สิ่งที่ควรเคารพอาจไม่ใช่เพียงมนุษย์ เพียงแค่อาจจะเป็นสิ่งของบางอย่างหรือความล้มเหลว ที่ช่วยสอนให้เราเข้าใจในบางสิ่ง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องเคารพในฐานะ ‘อาจารย์’ ด้วยกันทั้งนั้น
ความสำเร็จที่แท้จริงต้องใช้ ‘เวลา’
ข้อนี้คงจะพูดยาก!เพราะในโลกยุคปัจจุบันที่ความสำเร็จมันเร็วเหลือเกิน แต่เชื่อเถอะ ‘คามสำเร็จที่แท้จริง’ ย่อมมาจากการใช้เวลาทั้งนั้น
หลายครั้งในยุคนี้ที่เรามักจะเห็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างเรวดเร็ว ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นเรื่องของจังหวะและเวลา บางคนมุ่งมั่นทำบางสิ่งโดยใช้เวลาอย่างยาวนานกว่าจะประสบความสำเร็จบางคนก็สำเร็จได้เพียงใช้เวลาเพียงแค่นิดเดียวจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า‘ฟ้าลำเอียง’ ความเป็นจริงนั้นเราไม่ควรคาดหวังว่าสิ่งที่ทำจะต้องประสบความสำเร็จโดยเร็วหรือคิดว่ามันง่ายเพราะมีคนทำได้โดยใช้เวลาอันสั้น
ทุกสิ่งล้วนมากจากการใช้เวลา ‘ความสำเร็จที่แท้จริง’ไม่ได้มาจากโชคช่วยแต่มาจากความพยายามอย่างไม่ย่อท้อจะประสมความสำเร็จตอนไหนนั้นขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาส
สิ่งที่ ‘หนิงเชวีย’ สอนให้เรารู้จากสิ่งนี้คือการเชื่อในสิ่งที่เราทำว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จในสักวันไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ ‘หนิงเชวีย’ มีและยึดมั่นอยู่เสมอ ซึ่งมันไม่ใช่เคล็ดลับอะไรเลยแค่มันเป็นสิ่งที่มักถูกบดบังไปด้วยความคิดของคนอื่นจนเราหลงลืมไปตอนไหนก็ไม่รู้ยิ่งในยุคสมัยที่ความคิดของผู้คนเชื่อมต่อกันง่ายผ่านโซเชียลมีเดียยิ่งทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเราถูกทับถมด้วยตัวตนของคนอื่น เราต้องยึดมั่นในสิ่งที่ตนเองเชื่อยึดมั่นในเป้าหมายอย่าให้ใครก็ตามมาบังคับเราเพียงแค่คำพูด ถ้าเรามัวแต่รับความคิดของคนอื่นไหลไปตามสังคมสุดท้ายแล้ว