หน้าเนินหญ้า มีทหารม้าอย่างน้อยสามสิบนายกำลังล้อมโจมตีตัวรถอยู่
ตัวรถหยุดนิ่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่เดิม ไม่อาจเคลื่อนไหว มองไปคล้ายแกะรอถูกเชือด ทว่าเมื่อทหารม้าพยายามทำลายตัวรถ พวกมันจึงค่อยตกตะลึงเมื่อพบว่าอย่าว่าแต่ทำลายรถเลย ดาบโค้งในมือพวกมันถึงกับทำอะไรตัวรถไม่ได้แม้แต่รอยขีดข่วน
ตอนนี้พวกทหารม้าจึงค่อยเข้าใจว่าตัวรถแท้แล้วไม่ใช่แกะ แต่เป็นทหารม้าเสวียนฉีเกราะดำที่น่ากลัวแห่งแคว้นต้าถัง สวมชุดเกราะหนา แม้ยืนอยู่ตรงนั้นให้ฟันได้ตามใจ อย่างไรก็ฟันไม่เข้า!
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทหารม้าที่ล้อมตีตัวรถก็ยิ่งร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ พวกมันถึงกับเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง ทหารม้าหลายนายตะโกนก้องลงจากหลังม้าแล้ววิ่งเข้าไปข้างตัวรถ แล้วกระหน่ำฟันล้อรถอย่างบ้าคลั่ง
ในความคิดของพวกมัน ต่อให้ตัวรถทำขึ้นจากเหล็กกล้า แต่ล้อรถอย่างมากก็เป็นแค่ล้อไม้หุ้มแผ่นเหล็ก อาศัยความกล้าของตนและความคมของดาบโค้ง อย่างไรก็ต้องฟันล้อรถให้พังได้
ถ้าฟันล้อรถพังได้ ต่อให้คนในรถจะยังมีชีวิตอยู่ แต่จากนี้ไปก็ไม่อาจเดินทางในทุ่งร้างได้อีก สุดท้ายต้องถูกพวกนักรบของราชสำนักและเหล่าเสินกวนของอาศรมเทพบดขยี้จนตาย
ทว่าทหารม้าพวกนี้ก็ต้องสิ้นหวังอีกครั้ง เพราะหลังจากกระหน่ำฟันอย่างเต็มที่แล้ว พวกมันก็พบว่าล้อรถของรถม้าคันนี้ทั้งภายในและภายนอกล้วนทำจากเหล็กกล้าเช่นกัน
เพราะสิ้นหวังเต็มที จึงรู้สึกไม่ยินยอมอย่างรุนแรง และคั่งแค้นอย่างไม่สุดสิ้น รถม้าที่ทำจากเหล็กกล้าทั้งคันไยมิใช่หนักกว่าพระพุทธรูปทองคำที่ราชสำนักสักการะอยู่ รถม้าหนักขนาดนี้วิ่งบนทุ่งร้างได้อย่างไร ทั้งยังวิ่งได้เร็วขนาดนั้นด้วย!
ขณะนั้นเอง ทหารม้านายหนึ่งก็สังเกตเห็นว่าการต่อสู้บนเนินหญ้าสิ้นสุดแล้ว พอเห็นสายฟ้าสีดำวิ่งลงมาจากเนินอย่างรวดเร็ว ก็อดร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวมิได้ ความวุ่นวายจึงเริ่มบังเกิด
มีทหารม้าอาวุโสนายหนึ่งร้องตวาดเสียงดังด้วยรู้ว่าตนเองและพวกไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ ภายในเวลาอันสั้นจึงตัดสินใจส่งทหารม้าสองนายที่มีทักษะในการขี่ม้าดีที่สุดออกจากสนามรบ ให้พวกมันทุ่มสุดชีวิต ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปส่งข่าวให้ทัพทหารม้าหลักของราชสำนักรู้ให้ได้ ส่วนทหารม้าที่เหลือค่อยรวมกลุ่มกัน แล้วบุกเข้าหาศัตรู
เห็นทหารสองนายขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็ว หนิงเชวียก็เดาได้ถึงเจตนาของฝ่ายตรงข้าม จึงเอาธนูที่เมื่อครู่เก็บได้ขึ้นมา พาดศรแล้วเล็ง
ธนูเป็นธนูไม้หวงหยาง อาวุธมาตรฐานของทหารม้าชั้นดีแห่งดินแดนทุ่งหญ้าและโจรขี่ม้าที่เก่งกาจ ซึ่งก็เป็นอาวุธที่เมื่อก่อนหนิงเชวียใช้สังหารโจรขี่ม้าได้อย่างเชี่ยวชาญอีกด้วย ก่อนที่ปฐมธนูสิบสามดอกจะถือกำเนิด ธนูที่มันใช้มาตลอดก็คือธนูชนิดนี้
ธนูที่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย สนามรบที่คุ้นเคย รวมกับคนตัดฟืนแห่งทะเลสาบซูปี้ที่ร้ายกาจ การสู้รบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในครั้งนี้ก็ไม่สามารถมีผลลัพธ์เป็นอย่างอื่นได้
สายธนูดีดผึงสองครั้ง ตามมาด้วยเสียงสายธนูขาดดังเผียะอย่างชัดเจน
ทหารม้าสองนายที่ควบตะบึงหนีไปเพื่อส่งสาร ร่างกระตุกแล้วร่วงลงจากม้า ศพที่ลูกธนูปักทะลุอกถูกม้าศึกลากไปอีกไกลก่อนหยุดลง
มองธนูไม้หวงหยางที่สายขาดในมือ หนิงเชวียก็คิ้วขมวด
หลังฝึกลมปราณสุดไพศาล ความแข็งแกร่งของร่างกายและพละกำลังก็เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ตอนนี้อาวุธที่ร่างกายนี้ใช้อยู่คือธนูเหล็กและลูกธนูเหล็ก นานแล้วที่ไม่ได้ใช้อาวุธธรรมดา จึงยังปรับตัวไม่ค่อยได้
อาการขมวดคิ้วเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตา เพราะในมือมันยังมีธนูไม้หวงหยางอีกหนึ่งคัน มันเล็งไปที่พวกทหารม้าตรงหน้าเนิน เอาลูกธนูขึ้นพาดสายยิงอีกครั้ง เสียงลูกธนูแหวกอากาศดังขึ้น ทุกครั้งที่สายธนูสั่นจะมีทหารหนึ่งนายตกม้าตาย
จากนั้นดาบจึงออกจากฝักอีกครั้ง…