เจวียนจื่อพยักหน้าอย่างจริงจัง “ในตำนาน ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ ว่าไว้ สัตว์จำนวนมากหลังบำเพ็ญเพียรสำเร็จพวกมันก็กลายเป็นปีศาจ เหมือนอย่างพวกหมาจิ้งจอก หมาป่า งู เม่น รวมถึงผึ้งกับผีเสื้อ”
ผมหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ในเวลาแบบนี้พูดเรื่องพวกนี้มีประโยชน์อะไร หรือเธอคิดจะมาเล่าเรื่องผีให้ผมฟังกลางดึก?
ทว่าค่ำมืดดึกดื่น หนำซ้ำยังสภาพอากาศแบบนี้ ผมคิดว่าตัวเองจะไม่มีอารมณ์นึกสนใจเรื่องพวกนี้
ผมกระแอมตัดบทเจวียนจื่อ “เจวียนจื่อ ผมว่าเรื่องภูตผีปีศาจพวกนี้พวกเราไว้ค่อยๆ คุยกันวันหลังก็แล้วกัน นี่ก็มืดมากแล้ว พวกเราคุยเรื่องพี่ของเธอก่อนจะดีกว่า”
เจวียนจื่อกลับพูดหนักแน่น “พี่เสี่ยวชี ที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้ ก็เพราะมันเกี่ยวข้องกับพี่ชายของฉัน”
ผมจนปัญญาจึงได้แต่ปล่อยตามน้ำไป “ได้ๆ งั้นก็เล่ามา”
เธอบอก “ฉันเชื่อว่าโลกนี้มีภูตผีปีศาจอยู่จริงๆ และฉันก็เคยขอคำชี้แนะจากอาจารย์มาแล้วหลายท่าน พวกเขาล้วนบอกว่าโลกนี้มีปีศาจอยู่ พระพุทธองค์ตรัสว่าขอเพียงเป็นผู้มีทวารทั้งเจ็ด ย่อมบรรลุซึ่งเพียรบำเพ็ญ ดังนั้นสัตว์จำนวนมากจึงบำเพ็ญเพียรกลายเป็นปีศาจได้”
ผมนึกสงสัย หรือบอดใหญ่จ้าวจะป้อนความคิดเหลวไหลพวกนี้ใส่หัวของเจวียนจื่อ? ภูตผีปีศาจสัตว์อะไร เหลวไหลทั้งนั้น!
ถึงตรงนี้ จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นประโยคหนึ่ง “พี่เสี่ยวชี ความจริง…ตอนนั้นฉันเห็นว่าใครจับตัวพี่ชายของฉันไป”
ผมเป็นคนปากไวเลยโพล่งถามออกไปทันที “ใคร”
เธอตอบ “ไม่ใช่คน…”
“ไม่ใช่คน?แล้วเป็นอะไร”ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด หรือจะเหมือนกับที่บอดใหญ่จ้าวพูด เสี่ยวหม่าถูกผีจับตัวไปซ่อน?
ในตอนนั้นจู่ๆ ฟ้าก็แลบแปลบปลาบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องคำราม ฉลุหน้าต่างสั่นกึกๆ ฝนเทกระหน่ำลงมาโครมใหญ่แทบจะในเวลาเดียวกัน
น้ำฝนสาดผ่านหน้าต่างเข้ามา ผมรีบลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง
ดวงตากลมโตของเจวียนจื่อเป็นประกาย เธอจ้องมองดูผมนิ่ง ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
บรรยากาศอึมครึม ผมอ้างว่าฝนตกแบบนี้ในห้องมีแต่จะยิ่งร้อนอบอ้าว ขณะที่กำลังค้อมเอวเตรียมรินน้ำชา เจวียนจื่อก็พูดออกมาอีกประโยค ทำเอาผมชะงักค้าง
เธอลุกขึ้นยืน น้ำเสียงวิตกกังวล “พี่เสี่ยวชี พี่ชายของฉันไม่ได้ถูกคนลักพาตัวไป แต่ถูกอินทรีตัวหนึ่งจับตัวไป”
ผมไม่เข้าใจ “อินทรี?อินทรีอะไร”
เธอบอก “ก็อินทรี อินทรีที่บินอยู่บนฟ้า!ปากงุ้ม ตากลมๆ มีขนงอกอยู่บนตัว ตอนนั้นฉันเห็นมันชัดเจน พี่ชายของฉันถูกมันจับตัวไป!”
ผมไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เฮ้อ เด็กสาวเพียบพร้อมคนหนึ่งทำไมจู่ๆ สมองถึงมีปัญหาขึ้นมาได้แบบนี้ แล้วคราวนี้จะทำยังไงดี
ผมคิดพลางรินน้ำชาให้เธอแก้วหนึ่ง บอกเธอว่าอย่าเพิ่งร้อนใจไป ดื่มชาสักคำก่อน จู่ๆ เสี่ยวหม่าก็มาหายตัวไปแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ร้อนใจด้วยกันทั้งนั้น พรุ่งนี้ทันทีที่ฟ้าสาง ผมจะไปติดประกาศตามหาคนหาย ส่วนที่สถานีตำรวจเฉียนเหมินพวกเราก็พอมีเส้นสายอยู่ น้องสาวของเมียของน้องชายคนโตของลูกพี่สามของป้ารองดูแลท้องที่เขตวัดยงเหอ ทางนั้นรับปากแล้วว่าจะช่วยพวกเราหาคน!
เจวียนจื่อกัดริมฝีปากแน่น มองผม “พี่เสี่ยวชี พี่ไม่เชื่อที่ฉันพูดใช่หรือเปล่า”
ผมโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “ใครบอก ไม่เชื่อเธอแล้วยังจะเชื่อใครที่ไหนได้อีก”
เธอยืนกราน “พี่เสี่ยวชี ฉันรู้ว่าพี่ไม่เชื่อ แต่ฉันเห็นจริงๆ”