• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่ม 1 ตอน 1

    [โชมินจุน]

    เลเวลการทำอาหาร : 5

    เลเวลการทำของหวาน : 4

    เลเวลการชิม: 7

    เลเวลการตกแต่งจาน : 4

     

    หลังจากที่ย้อนเวลากลับมา สิ่งเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นคือเลเวลการชิมที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งเลเวล นั่นเป็นผลมาจากความพยายามที่จะรับรู้ถึงรสของอาหารทีละรส เมื่อใดก็ตามที่ได้กินอาหาร เขาจะยิ่งสนุกมากขึ้นกว่าเดิม สามารถรับรู้รสชาติได้อย่างแม่นยำด้วยปลายลิ้น และยังรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจถึงส่วนผสมแต่ละอย่างได้ลึกซึ้งกว่าเดิม

    “ต้องเพิ่มเลเวลการทำอาหาร”

    มินจุนบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงเสียดาย ผลจากการตระเวนไปตรวจสอบตามร้านต่างๆ ก็พบว่าเลเวลการทำอาหารของเชฟในร้านอาหารที่พอกินได้นั้นเฉลี่ยอยู่ที่สี่ถึงห้าคะแนน หมายความว่าความสามารถของเขาอยู่ในระดับนั้นพอดี ถึงแม้ในบรรดามือสมัครเล่นด้วยกันเขาจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างพอใช้ได้ แต่แค่นั้นยังไม่พอ

    อยากจะชนะ อยากจะเป็นเชฟที่สามารถทำอาหารได้อร่อยกว่าใคร ไม่ใช่แค่เชฟธรรมดาทั่วไปที่ใครก็เป็นได้ และแกรนด์เชฟคือบททดสอบแรกในการได้เป็นสิ่งนั้น

    สงสัยจังว่าเลเวลการทำอาหารของคาย่า โลตัสอยู่ที่เท่าไหร่นะ

     

    หน้าด่านตรวจความปลอดภัยในสนามบิน ฮเยซอนถอนหายใจเบาๆ

    “เฮ้อ ทำไมจะต้องไปด้วย”

    “ผมขอโทษที่ไปคนเดียว ไว้คราวหน้าไปด้วยกันนะครับ”

    “มีใครเค้าไปคนเดียวกันบ้าง อันตรายจะตายไป”

    ดูเหมือนฮเยซอนจะคิดว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีแต่ปืน แก๊งอันธพาลแล้วก็ยาเสพติด จริงๆ แล้วก็ถูกในระดับหนึ่ง เพราะถึงแม้อเมริกาจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่กลับมีอัตราการเกิดอาชญากรรมในระดับที่สูงลิ่ว

    “แต่ถึงยังไงนิวยอร์กก็เป็นเมืองใหญ่ คงไม่อันตรายขนาดนั้นหรอก”

    “แล้วที่เกาหลีอันตรายมันเกิดเฉพาะที่บ้านนอกเหรอไง”

    มินจุนหัวเราะกับคำพูดนั้นก่อนตอบไปว่า

    “นิวยอร์กมีสไปเดอร์แมนช่วยปกป้องอยู่นะ”

    “เฮ้อ”

    ฮเยซอนถอนหายใจเสร็จก็หัวเราะแบบกระอักกระอ่วน มินจุนจึงดึงมากอดอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า

    “ผมไปแป๊บเดียวก็กลับแล้ว”

    “ถึงแล้วโทรมาด้วยนะ”

    “ครับแม่”

    หลังจากร่ำลากันเสร็จแล้ว มินจุนก็ผ่านด่านตรวจความปลอดภัยและด่านตรวจผู้โดยสารขาออก จากนั้นเดินตรงไปยังทางออกขึ้นเครื่องซึ่งแน่นอนว่าเขานั่งชั้นประหยัด

     

    “สวัสดีค่ะ ท่านผู้โดยสาร เราขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ท่านให้ความไว้วางใจ ใช้บริการสายการบินมกดง เที่ยวบินที่หนึ่งสองเจ็ดของเราค่ะ…”

    ระหว่างที่เสียงประกาศดังอยู่นั้น เครื่องบินก็กำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า กว่าจะถึงนิวยอร์กก็ใช้เวลานานถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ถ้าบินตรงจะใช้เวลาประมาณสิบสี่ชั่วโมง แม้จะประหยัดเวลาถึงสิบชั่วโมง แต่เขาไม่สามารถซื้อตั๋วที่แพงกว่าถึงสามแสนวอนได้

    แกรนด์เชฟ…นายต้องทำให้ได้นะมินจุน!

     

    เวลาบนเครื่องบินผ่านไปอย่างน่าเบื่อ อาหารและเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาหารพวกนี้อยู่ระหว่างสี่ถึงห้าคะแนน มันถูกทำเอาไว้ก่อนแล้วค่อยนำมาอุ่นก่อนเสิร์ฟ ได้คะแนนประมาณนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่สำหรับลิ้นที่เพิ่งผ่านการฝึกชิมและเจอแต่อาหารอร่อยๆ มาก็ถือว่าเป็นอาหารที่ด้อยคุณภาพมาก

    และตอนนี้มินจุนกำลังจะได้พบกับอาหารบนเครื่องบินเป็นรอบที่สี่

     

    [เรดจัมบาลาย่า]

    ความสด : 76%

    แหล่งที่มา : (เนื่องจากใช้วัตถุดิบหลายชนิดจึงไม่เปิดเผยแหล่งที่มา)

    คุณภาพ : สูง (เฉลี่ยวัตถุดิบ)

    คะแนน : 6/10

     

    อันที่จริงแค่นี้ก็น่าพอใจแล้ว ลองคิดดูสิ ของที่ถูกทำไว้ก่อนแล้วนำมาอุ่นอีกครั้งกลับได้คะแนนขนาดนี้ สงสัยอยู่เหมือนกันว่าตอนที่ทำเสร็จใหม่ๆ มันจะอร่อยขนาดไหน น่าจะเป็นเมนูที่เชฟมากมายต้องกังวลแล้วกังวลอีกอย่างแน่นอน

    จัมบาลาย่าคือข้าวผัดชนิดหนึ่งที่นิยมกินกันทางตอนใต้ของอเมริกา โดยเรียกจัมบาลาย่าที่ใส่มะเขือเทศบดหรือซอสมะเขือเทศจนมีสีแดงว่าเรดจัมบาลาย่า รสชาตินุ่มนวลเหมือนริซ็อตโต้*แต่ขณะเดียวกันก็อร่อยล้ำลึก ให้ความรู้สึกเหมือนข้าวผัดแฉะๆ

    มินจุนหลับตาเพื่อสัมผัสถึงรสชาติวัตถุดิบของจัมบาลาย่าทีละอย่าง แน่นอนว่าความคิดส่วนหนึ่งของเขากำลังนึกถึงสูตรเรดจัมบาลาย่าจานนี้ แต่เขาก็พยายามจะใช้ความสามารถของตัวเองเพียงอย่างเดียวโดยไม่ดึงความสามารถของระบบมาใช้ เขานำไส้กรอกใส่ปาก สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากปฏิกิริยาเมลลาร์ด**พูดง่ายๆ ก็คือมันถูกย่างจนเป็นสีเหลืองอ่อนนั่นเอง

    สูตรการทำจัมบาลาย่าทั่วไปเริ่มจากการเทน้ำมันลงบนกระทะเพื่อทอดเนื้อก่อน จากนั้นก็ผัดหัวหอม กระเทียม ขึ้นฉ่ายฝรั่ง ตามด้วยเห็ด ต้นหอม และเครื่องปรุงซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ปกติจะใช้ซอสทาบาสโก้ รสชาติของจัมบาลาย่าเปลี่ยนไปได้หลากหลายขึ้นอยู่กับว่าจะใช้สมุนไพรอะไร หรือใช้ซอสทาบาสโก้แบบไหน

    “ทาบาสโก้…พูดตรงๆ นะว่าไม่รู้เลย แล้วใช้สมุนไพรอะไรล่ะนี่ หญ้าฝรั่นมันก็จะอ่อนไปหน่อย…หรือจะเป็นน้ำมะนาว”

    มินจุนพึมพำพลางมองดูหน้าต่างสูตร เขายิ้มบางๆ มีน้ำมะนาวอยู่ในนั้นอย่างแน่นอนเพราะมันมีรสเปรี้ยวอมหวานผสมกับรสเผ็ดของซอส สูตรเป็นไปตามที่เขาคิดไว้จริงๆ หลังจากใส่น้ำมะนาวกับซอสทาบาสโก้ก็ใส่อาหารทะเลแล้วรอจนสุก จากนั้นก็ใส่ข้าวและน้ำซุปไก่ลงไป พอต้มจนข้าวสุกได้ที่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

    มินจุนรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวของตัวเอง เขายกมือขึ้นสัมผัสกับอากาศตรงคำว่าซอสทาบาสโก้ แล้วก็ต้องถอนหายใจกับข้อความที่เด้งขึ้นมา

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook