• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่มที่ 1 ตอนที่ 4

    “เธอเก่งที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันในวันนี้ครับ แต่ผมเองก็อาจจะเก่งกว่าคนอื่นๆ ในการแข่งขันนี้เหมือนกัน”

    “ที่คุณบอกว่าเธอเก่งที่สุดในรายการนี้ หมายความว่าเธอจะเป็นผู้ชนะรึเปล่าครับ”

    “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะเป็นเช่นนั้น”

    “ออกตัวซะแรงเลยนะ”

    มาร์โค่กระซิบเบาๆ คำพูดของมาร์โค่เหมือนเป็นการพูดแทนใจผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่อยู่ตรงนี้ การที่บอกว่าคาย่าจะชนะก็เหมือนกับบอกว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจะต้องตกรอบ

    มินจุนถอนหายใจอยู่ในใจ ทำไมต้องตัดต่อให้ออกมาเป็นแบบนี้ด้วย แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะมันจะทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกและตื่นเต้น สำหรับทีมงานแล้วคงไม่มัวมานึกถึงความรู้สึกของผู้เข้าแข่งขันที่นั่งดูรายการหรอกว่าจะรู้สึกอึดอัดใจแค่ไหน ที่แน่ๆ คือตอนนี้คนส่วนใหญ่ส่งสายตาไม่ดีมาทางเขา

    มินจุนพยายามไม่สบตากับใครเลยและหันไปมองทางอื่น แต่สุดท้ายก็ไปสบตากับคาย่าเข้า เธอกำลังจ้องเขาราวกับไม่ค่อยถูกใจนัก เขาจึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาวิจารณ์เธอในแง่ดีแท้ๆ แต่เธอกลับมีท่าทีแบบนี้ใส่เขาเนี่ยนะ

    คำพูดประโยคนั้นของมินจุนถูกทิ้งเอาไว้เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่รายการตอนที่หนึ่งจะจบลง พาให้ทั้งห้องโถงตกอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน

    การที่ผู้เข้าแข่งขันซึ่งไม่ใช่คนอเมริกันพูดออกมาแบบนั้นตั้งแต่รายการออกอากาศตอนแรกไม่มีทางจะถูกมองในแง่ดีได้เลย แต่อย่างน้อยมาร์โค่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ดูไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอะไรเขา

    “พูดแบบนี้อยากถูกแบนหรือไงนะ”

    ผู้เข้าแข่งขันทยอยลุกออกไปจากห้องโถงทีละคน โดยหลายคนบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ มินจุนถึงกับถอนหายใจ แต่แล้วใครบางคนก็หยุดอยู่ตรงหน้าเขา พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายผมทองหน้าตาหล่อเหลา แอนเดอร์สันนั่นเอง

    “ฉันสงสัยจริงๆ นายมีความสามารถถึงขั้นที่จะประเมินทุกคนได้เลยหรือ”

    น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มินจุนจึงเพียงแค่มองนิ่งๆ โดยไม่ตอบอะไร แล้วแอนเดอร์สันก็ขยับมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของมินจุน

    “นายอย่าทำอาหารอุบาทว์ๆ ออกมาล่ะ ไม่งั้นมันคงน่าโมโหสิ้นดี”

    คำพูดจบลงแค่นั้นแล้วแอนเดอร์สันก็เดินจากไป มาร์โค่จึงตบไหล่ของมินจุนเบาๆ เป็นการปลอบใจ

    “ไม่ต้องสนใจหรอก เดี๋ยวคนก็ลืมกันแล้ว”

    “แต่ฉันคงไม่ลืม”

    คนที่ตอบกลับมาร์โค่ไม่ใช่มินจุน แต่เป็นคาย่า เธอกำลังจ้องมินจุนด้วยสายตาแข็งกระด้างตามแบบฉบับของเธอ

    “นายเป็นอะไรของนาย”

    “จะให้เป็นอะไรล่ะ ก็เป็นผู้เข้าแข่งขันน่ะสิ”

    “ทำไมต้องพูดชื่อคนอื่นแล้วบอกว่าจะชนะด้วย เป็นเพราะนายฉันก็เลยซวย”

    สมควรแล้วที่คาย่าจะพูดแบบนี้ ทุกคนรับรู้ว่าคาย่ามีพรสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรมากมาย จนกระทั่งบทสัมภาษณ์ของมินจุนที่กลายเป็นเหมือนสวิตช์ ชี้ชัดว่าคาย่า โลตัสเป็นตัวเก็งที่มาพร้อมพรสวรรค์อันน่ากลัว

    คาย่ามองว่ามันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจมากที่อยู่ๆ ต้องถูกหมั่นไส้เพราะบทสัมภาษณ์ของคนอื่น ไม่ใช่ความผิดพลาดจากคำพูดของตัวเอง จริงอยู่ที่มินจุนดูทำตัวเป็นมิตรกับเธอ แต่มันก็คนละส่วนกัน

    “ขอโทษที”

    “…ทำไมยอมรับผิดง่ายๆ แบบนี้ล่ะ ถ้าทำเป็นหน้าด้านหน้าทนซะก็ดีหรอก จะได้ด่าได้เต็มที่หน่อย”

    “อยากด่าก็ด่าได้เลย เพราะวันนี้ฉันเป็นคนก่อเรื่องให้เธอจริงๆ”

    คำพูดนั้นทำให้คาย่าจ้องมินจุนอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมายาวๆ

    “ช่างเหอะ ด่าไปก็เท่านั้น ฉันไม่เสียเวลากับเรื่องขี้ปะติ๋วนี่หรอก”

    “ฉันคิดตามที่สัมภาษณ์จริงๆ เธอจะเป็นผู้ชนะในซีซั่นนี้ ถ้าไม่มีความผิดพลาดอะไร”

    คำพูดของมินจุนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ นั่นเป็นเพราะเขาพูดในสิ่งที่รู้แน่ชัดอยู่แล้ว ไม่ใช่การคาดเดา ไม่มีใครในบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่สามารถเอาชนะคาย่าได้ แต่…

    “แต่ฉันนี่ล่ะจะเป็นความผิดพลาดนั้นของเธอเอง”

    มินจุนจะไม่ยอมแพ้ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องกลัวคาย่า เขาไม่อยากทำอาหารในฐานะของผู้ที่เตรียมตัวจะพ่ายแพ้ ในการแข่งขันนั้นทุกคนสู้กันด้วยฝีมือและความมุ่งหวังในใจว่าจะชนะ

    “จะเป็นความผิดพลาดหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่เลย”

    คาย่าบ่นพึมพำแล้วเดินออกไปจากห้องโถง มาร์โค่จึงหันมายิ้มกรุ้มกริ่มก่อนพูดว่า

    “คู่รักทะเลาะกัน?”

    “ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย”

     

    TinyJung: ได้ดูแกรนด์เชฟกันรึเปล่า ฉันว่าเหมือนเคยเห็นคนที่ชื่อคาย่าที่ไหนสักแห่ง

    Abdul N: เห็นว่าเคยทำงานในตลาดนี่ อาจจะเคยเห็นบ้างแหละ

     

    Cercei Lannister: ฉันไม่ค่อยชอบผู้เข้าแข่งขันคนที่ชื่อทีเรียนเลยอ่ะ

    George Martin: ฉันเฉยๆ นะ

    Eve Rose: ฉันไม่ถูกชะตากับคาย่าเอาซะเลย ชอบจ้องคนอื่นเขม็งแบบนั้น น่ากลัวชะมัด

    Devy Jones: @Eve Rose ก็คงแค่ระวังตัวแหละ อายุแค่สิบแปด ออกทีวีก็คงจะตื่นเต้น

     

    Golden Rosemary: ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหาร เลยไม่รู้จะวิจารณ์อะไร แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนคนเกาหลีคนนั้นจะเก่งสุดนะ ทำไมทุกคนพูดถึงแต่คาย่าล่ะ

    Christine R: ดูเผินๆ เหมือนมินจุนจะเก่งกว่า แต่อาหารที่ทำยากกว่าก็คือปลาไหลย่างของคาย่า ไม่คิดเลยว่าจะมีเชฟอายุเพียงสิบแปดปีที่ทำเมนูย่างไฟระดับนั้นได้

     

    Evil Empire: เจ๋งเป้ง!คาย่า!คนที่ชื่อมินจุนพูดดีมาก ฉันก็ขอพูดบ้างแล้วกัน ยังไงคาย่าก็ชนะ!

    Troll Trull: จะหัวหรือจะก้อยก็ต้องลองวัดกันดูสักตั้งถึงจะรู้ แต่ฉันก็เห็นด้วยนะ อยากเห็นคาย่าชนะ ฉันขอสมัครเป็นแฟนคลับของคาย่า

     

    Taylor Love: เมนูปลาของมินจุนดูมีเสน่ห์มากเลย ของโคลอี้ก็ดีเหมือนกัน แต่ปลาไหล ไม่รู้สิ ไม่ค่อยดึงดูดใจเท่าไหร่ เมนูที่อยากกินที่สุดคือของมินจุน แล้วมินจุนก็ดูเซ็กซี่ด้วยนะ

     

    มินจุนอ่านข้อความทั้งหมดที่ถูกโพสต์บนโซเชียลมีเดีย หลังการออกอากาศตอนแรกจบลงก็มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายการมากมาย บางข้อความทำให้เขายิ้ม บางข้อความก็ทำให้เขาหน้าบูดบึ้ง แต่ผ่านไปสักพักใบหน้าของเขาก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มีข้อความมากเกินไป การแสดงความเห็นก็หลากหลายเกินกว่าที่มินจุนจะแค่ดีใจหรือเศร้าใจ บางข้อความก็เป็นการวิจารณ์ในแง่ลบอย่างไร้เหตุผล บางข้อความทำให้เขารู้สึกเกินคาด แม้แต่คนเกาหลีที่อาศัยอยู่ในอเมริกาหรือคนเกาหลีที่อยู่ในเกาหลีก็ยังพูดถึงเขา

     

    Erina Choi: ฉันว่านะ การพูดว่าคาย่าชนะออกจะรีบร้อนเกินไปหน่อย แม้อาหารของเธอจะยอดเยี่ยม แต่คำพูดที่เหมือนสรุปทุกอย่างมันไม่ค่อยโอเคเลย

    Helena Vodianova : เห็นด้วย หรือไม่มินจุนก็อาจจะเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกตัดต่อ เขาดูไม่น่าจะกล้าขนาดนั้น

     

    มาถึงตอนนี้มินจุนคงต้องยอมรับว่าการที่เขาพูดออกไปแบบนั้นเป็นความผิดพลาด เขาคงทะนงตนเกินไปเพราะรู้อนาคต…ไม่สิ บางทีมันอาจเป็นแค่ความรู้สึกภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นแฟนคลับของคาย่า เพราะเขาชื่นชอบฝีมือทำอาหารของเธอ อยากเป็นแบบเธอ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่จบลงแค่เพียงความภาคภูมิใจในฐานะแฟนคลับ เขาไม่ควรหลงคิดว่าความเก่งของคาย่าเป็นของตัวเขาเอง ตอนนี้ทั้งตัวเขาและคาย่าอยู่ในสถานะเดียวกัน ถ้าไม่อยากจะพ่ายแพ้ก็จะต้องมุ่งมั่นเอาชนะเธอให้ได้ เขาจะไม่เป็นอย่างคนดูที่ได้แต่มองอาหารของเธอและพูดแต่เรื่องพรสวรรค์ของเธอ

    การพูดเรื่องชัยชนะของคาย่าเป็นเรื่องที่ใจร้อนเกินไปและไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อนจริงๆ แม้เขาจะคิดว่าตัวเองคิดอย่างดีก่อนพูดแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายผลที่ตามมายังคงเป็นแบบนี้ มินจุนพลันเข้าใจว่าที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนและไม่ใช่ห้องครัวของร้านอาหารที่เขาตอนอายุสามสิบเคยทำงาน ที่นี่คือแกรนด์เชฟรายการโทรทัศน์ที่โด่งดังซึ่งเป็นที่ที่ทำให้ทุกคนสามารถจดจำตัวเราได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

    มินจุนไม่ได้หดหู่หรือรู้สึกหมดแรง แต่เขาสำนึกเสียใจที่ตัวเองพูดแบบนั้นออกไป เขาเป็นเพียงผู้เข้าแข่งขัน ไม่ควรพูดในเชิงเก็งผู้ชนะอย่างมั่นอกมั่นใจ คำพูดเชิงนี้ควรจะเป็นคำพูดของผู้ชมเท่านั้น เขาในตอนนี้ไม่ใช่ผู้ชมเหมือนเขาที่อยู่ในอนาคต

    จะไม่มีชัยชนะหรือการพ่ายแพ้ที่แน่นอนอีกต่อไป

    สายตาของมินจุนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แล้วเขาก็ตัดสินใจเขียนข้อความลงไปโดยใช้นามแฝง

     

    Cooking Man:คนเป็นเชฟจะพูดผ่านอาหารเท่านั้น

     

     

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook