• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่มที่ 1 ตอนที่ 4

    7

    อาหารจานเดียวกับอาหารสามจาน

     

    “คราวนี้จะเป็นการแข่งขันแบบทีม”

    เมื่อเสียงประกาศของโจเซฟดังขึ้น ผู้เข้าแข่งขันก็ส่งเสียงอื้ออึง แต่มินจุนกลับนิ่งเฉยเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ารอบนี้เป็นการแข่งขันแบบทีม และรู้อยู่แล้วว่าหัวข้อในการแข่งขันคืออะไร

    “หัวข้อในการแข่งขันก็ไม่มีอะไรมาก ทีมหนึ่งจะมีสามคน แบ่งหน้าที่กันทำอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน แต่ละคนต้องทำอาหารในความรับผิดชอบของตัวเอง แต่จำไว้นะครับ นี่คือการแข่งขันแบบทีม”

    มันเป็นอาหารคอร์สสามจานซึ่งเป็นพื้นฐานที่สุด ต้องรักษาสมดุลโดยรวมของอาหารสามจานเอาไว้ จึงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ยิ่งต้องทำงานกับคนที่ไม่เคยทำอาหารด้วยกันมาก่อนยิ่งแล้วใหญ่ มินจุนถึงกับคิดหนัก หลังจากมีประเด็นถูกเกลียดไปไม่นานก็ต้องมาเจอกับการแข่งขันแบบทีม แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก

    “พวกคุณสามารถเลือกสมาชิกในทีมได้เอง แต่มีสิ่งที่ต้องจำเอาไว้ นั่นคือตัวเองจะรับผิดชอบแค่อาหารจานเดียวของทั้งคอร์ส ผมจึงขอแนะนำว่าเวลาเลือกสมาชิกเข้าทีมให้นึกเรื่องการแบ่งหน้าที่กันด้วยนะครับ”

    พอโจเซฟพูดจบผู้เข้าแข่งขันก็หันมองไปรอบๆ ตัวเอง มินจุนมองหามาร์โค่เป็นคนแรก เลเวลการทำของหวานของมาร์โค่คือเลเวลเจ็ด มินจุนจึงคิดว่าถ้าเป็นเรื่องการทำของหวานมาร์โค่น่าจะทำออกมาได้ดีกว่าใคร แต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าข้างๆ มาร์โค่มีคนอื่นยืนอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นใคร มินจุนถึงกับตกใจมาก เพราะเธอคือโคลอี้ ชอง

    “อ้าว มินจุน!”

    มาร์โค่ยิ้มกว้างแล้วเอ่ยเรียก

    “นี่โคลอี้ ชอง ส่วนนี่มินจุน”

    “สวัสดี นายคนดัง”

    “สวัสดี”

    คำทักทายของโคลอี้ทำให้มินจุนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ

    “กำลังคุยเรื่องทีมกับโคลอี้อยู่พอดีเลย มินจุน นายว่าไงล่ะ มาอยู่ด้วยกันมั้ย”

    “ฉันโอเคนะ แต่ไม่รู้ว่า…”

    มินจุนพูดแค่นั้นแล้วก็มองไปทางโคลอี้

    “ฉันก็โอเคเหมือนกัน เมื่อวานเห็นอาหารของนายในรายการแล้ว น่าสนุกดี”

    “ขอบคุณที่คิดแบบนั้น อาหารของเธอก็ดีเหมือนกัน”

    โคลอี้ยิ้มกว้าง เมื่อวานเธอได้ดูรายการแล้ว แต่กลับไม่มีท่าทางอึดอัดใจเมื่อเห็นหน้าเขา เขาจึงรู้สึกโล่งใจ อาจเป็นเพราะหน้าตาของโคลอี้มีเค้าโครงของความเป็นคนเอเชียอยู่ด้วย ส่วนหนึ่งในใจเขาจึงไม่อยากให้เธอเกลียดเขา

    “ถ้างั้นก็ครบทีมแล้วใช่มั้ย”

    โคลอี้ถามพร้อมยิ้มกว้างเช่นเคย

    “น่าจะใช่ล่ะนะ คิดเอาไว้ในใจกันรึยังว่าอยากจะทำอาหารจานไหน”

    มินจุนพูดพลางหันไปมองมาร์โค่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่ามาร์โค่จะเลือกทำอะไร เพราะมาร์โค่มีเลเวลการทำของหวานตั้งเจ็ด

    “ฉันอยากทำของหวาน ฉันชอบทำพวกเบเกอรี่”

    “โอเค แล้วมินจุนล่ะ อยากทำอะไร”

    “ฉันขอทำอาหารเรียกน้ำย่อยดีกว่า”

    “ถ้างั้นฉันคงต้องทำอาหารจานหลักสินะ”

    “เธออยากทำอยู่แล้วรึเปล่า”

    “ฉันได้ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อยและจานหลัก แต่ไม่เอาของหวาน”

    มินจุนฟังโคลอี้พูดพลางหันไปมองรอบๆ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่คาย่า เธอกำลังพูดคุยอยู่กับแอนเดอร์สัน หรือว่าสองคนนั้นจะอยู่ทีมเดียวกัน จำไม่ค่อยได้แล้วสิ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจคนอื่น

    “จะทำธีมไหนกันดีล่ะ”

    “นั่นสิ โจทย์บอกแค่ให้ทำเป็นอาหารคอร์สสามอย่าง ยากเนอะ”

    มินจุนเห็นด้วยกับคำพูดของโคลอี้ โจทย์น่าจะกำหนดลงมาให้ชัดเจน แบบนั้นจะง่ายกว่า การที่ต้องทำให้อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวานกลมกลืนกันเป็นเรื่องที่ลำบากมาก

    ถ้าได้เลเวลการทำอาหารที่สูงกว่านี้ เราจะมองเห็นคะแนนการจัดอาหารคอร์สด้วยรึเปล่านะ

    มินจุนไม่มีทางรู้ได้เลย ว่าไปแล้วถ้าได้เลเวลการทำอาหารระดับแปดตั้งแต่แรก เขาไม่ต้องสนใจระบบเลยก็ได้ แต่ถ้าจะทำให้เลเวลขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ก็คงจะต้องใช้ความพยายามและประสบการณ์อีกมากมายนัก

    “ฉันว่าเราทำแบบที่มันเป็นมาตรฐานดีกว่า เพราะตอนนี้ไม่น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการท้าทาย”

    “อืม ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน”

    “เราไปตรงมุมวัตถุดิบกันก่อนเถอะ”

    ระหว่างที่กำลังเดินไปยังมุมวัตถุดิบ มินจุนก็ถามโคลอี้

    “คิดจะทำอะไรเป็นอาหารจานหลักเหรอ”

    แนวทางของอาหารเรียกน้ำย่อยและของหวานนั้นขึ้นอยู่กับจานหลัก โคลอี้ครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็ตอบออกมา

    “อยากทำเอ็นหอยราดซอส”

    อาหารประเภทนี้ปกติแล้วจะใช้เนื้อสัตว์ มินจุนคิดไม่ถึงว่าโคลอี้จะเปลี่ยนไปใช้เอ็นหอย แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เขาเชื่อในฝีมือการทำอาหารของเธอ

    โคลอี้มองมินจุนพลางถามกลับ

    “แล้วอาหารเรียกน้ำย่อยล่ะ นายคิดจะทำอะไร”

    “เต้าหู้อ่อนทอด ไม่รู้จะเหมาะสำหรับเสิร์ฟก่อนเอ็นหอยมั้ย”

    “อืม น่าจะเข้ากันได้อยู่นะ แล้วนายล่ะมาร์โค่”

    คำถามของโคลอี้ทำให้มาร์โค่กลอกตาไปมาอยู่สักพักราวกับมีตัวเลือกหลายอย่างอยู่ในใจ จนในที่สุดมาร์โค่ก็ตอบออกมา

    “มอคค่าบิสกิต คิดว่าจะทำแบบเอาครีมสดวางไว้ด้านบนน่ะ จะหนักไปมั้ย”

    “อืม ก็เหมือนจะหนักไปนิดนึงนะ ใช้เป็นโยเกิร์ตแทนครีมสดดีมั้ย ให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและสดชื่น”

    “เอาสิ”

    มาร์โค่ยิ้มกว้าง โคลอี้จึงตบมือเบาๆ พร้อมพูดว่า

    “เอาล่ะ ถ้างั้นก็หมดห่วงเรื่องเมนู ที่เหลือแค่ลงมือทำอย่างสุดฝีมือ”

     

    “ไปไงมาไงนายถึงไปคุยกับโคลอี้ได้เนี่ย”

    “ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก พอรู้ว่าต้องหาทีม เธอก็เข้ามาทักฉันก่อนเลย”

    “งั้นเหรอ”

    เมื่อมาอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ มินจุนก็หันไปถามมาร์โค่เบาๆ อันที่จริงจะมองว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ที่โคลอี้เข้ามาทักมาร์โค่ มินจุนก็แค่คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ หนึ่งในสามของคนที่มีเลเวลการทำอาหารสูงสุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันจะเข้ามาข้องเกี่ยวกับเขา เขาจำไม่ได้เลยว่าเดิมทีโคลอี้อยู่ทีมเดียวกับผู้เข้าแข่งขันคนไหน เพราะโคลอี้ในรายการที่เขาเคยดูนั้นไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก

    ก่อนเริ่มทำอาหาร กรรมการได้แจ้งกติกาให้ฟัง นั่นก็คือผู้เข้าแข่งขันจะทำได้แค่อาหารในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเท่านั้น ภายในห้องมีเคาน์เตอร์ทำอาหารอยู่เพียงสามเคาน์เตอร์เท่านั้น ทั้งหมดมีเก้าทีม ดังนั้นต้องแบ่งให้ทำอาหารรอบละสามทีม โดยทีมที่เหลือต้องขึ้นไปยืนดูอยู่ที่ชั้นสอง ซึ่งทีมของมินจุนได้แข่งเป็นรอบแรก โดยส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าแข่งรอบแรกแบบนี้ดีกว่า เพราะจะได้ไม่ต้องดูทีมอื่นๆ แล้วกดดัน

    มินจุนเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์ข้างๆ คาย่ากับแอนเดอร์สันกำลังเตรียมทำอาหารอยู่ นึกถึงตอนที่คาย่าโมโหเมื่อวานแล้วเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดี แต่สิ่งที่เขาจะต้องสนใจในเวลานี้ก็คือการทำอาหาร

    เขาคิดสูตรเต้าหู้อ่อนทอดขึ้นในหัว…

     

    [คะแนนที่คาดการณ์คือเจ็ดคะแนน]

     

    เป็นสูตรที่สมบูรณ์แบบ อย่างน้อยก็ในมาตรฐานของเขา มันเป็นอาหารที่เขาลองทำมาหลายหนแล้วเพราะเขาชอบกินเต้าหู้ โดยเฉพาะเต้าหู้อ่อนทอดนั้นเขาชอบกินมากเป็นอันดับที่สองรองจากเมนูเต้าหู้ทั้งหมด ส่วนอันดับแรกก็คือเต้าหู้ที่อยู่ในแกงกิมจิ

    การทอดเต้าหู้ในกระทะที่ใส่น้ำมันลงไปน้อยๆ จะทำให้รสชาติออกมาไม่ดี ดังนั้นจึงต้องนำเต้าหู้ที่รีดเอาน้ำออกมาคลุกกับแป้งแล้วทอดลงไปในน้ำมันเดือดๆ ให้ท่วมมิดเต้าหู้ จะทำให้สีของมันออกมาสวยน่ากินและได้เท็กซ์เจอร์ที่ดีกว่า

    มินจุนจ้องมองไปที่กรรมการ แล้วทันใดนั้นโจเซฟก็ตะโกนเสียงดัง

    “เริ่มทำอาหารได้!”

    สิ่งแรกที่มินจุนหยิบก็คือน้ำมัน เขาเทน้ำมันลงไปเต็มหม้อแล้วนำไปตั้งไฟเพราะต้องใช้เวลาสักพักกว่าน้ำมันจะเดือด ดังนั้นจึงต้องจัดการก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเขาก็นำหม้ออีกใบใส่น้ำพร้อมสาหร่ายหนึ่งแผ่น นำไปวางบนเตาข้างๆ กัน

    บนเคาน์เตอร์มีเตาแก๊สทั้งหมดสี่เตา สองเตาเป็นของมินจุน ที่เหลืออีกสองเตาสำหรับโคลอี้ ส่วนมาร์โค่นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เตา

    หลังจากเตรียมต้มน้ำและน้ำมันแล้วมินจุนก็หันไปจัดการกับเต้าหู้อ่อน ส่วนซอสที่ทำจากซีอิ๊วและผักที่จะใส่เพิ่มลงไปในนั้นเอาไว้เตรียมทีหลังก็ได้ เต้าหู้ขนาดต้องไม่เล็กไม่ใหญ่ เพราะอาหารเรียกน้ำย่อยนั้นไม่ควรจะมีปริมาณเยอะ คนส่วนมากไปร้านอาหารแล้วไม่พอใจกับปริมาณอันน้อยนิดของอาหารเรียกน้ำย่อย สาเหตุที่พวกเขาเสิร์ฟอาหารเรียกน้ำย่อยปริมาณน้อยไม่ใช่เพราะต้องการประหยัดต้นทุน แต่เพราะได้คิดคำนวณมาแล้วว่าอาหารเรียกน้ำย่อยในปริมาณที่เหมาะสมจะสามารถทิ้งความประทับใจไว้ให้คนกินได้มากที่สุด

    ปริมาณควรจะประมาณหนึ่งคำ

    มินจุนใช้มีดฝานเต้าหู้อย่างเบามือแล้วนำไปวางบนผ้าขาวบาง การนำไปทอดนั้นจะต้องระวังไม่ให้มีน้ำหลงเหลืออยู่ ไม่อย่างนั้นตอนนำไปคลุกกับแป้งเต้าหู้จะแหลกได้ การนำน้ำออกจากเต้าหู้ถือเป็นขั้นตอนที่ยาก ถ้านำเต้าหู้ไปวางบนผ้าแห้งๆ ให้ซับน้ำจะทำให้เต้าหู้ติดกับผ้า ถ้าใช้ผ้าเปียกก็จะทำให้น้ำไม่ถูกดูดออกไป ดังนั้นจึงต้องใช้ผ้าขาวบางที่มีผิวสัมผัสลื่นนิดๆ เต้าหู้จะได้ไม่เสียหายและยังกำจัดน้ำออกไปได้ ต่อจากนั้นมินจุนก็หยิบกระดาษซับไปวางบนเต้าหู้

    พอหยุดมือแล้วเขาก็หันไปมองรอบๆ เห็นมาร์โค่กำลังผสมแป้งสำหรับทำบิสกิตอยู่ ส่วนโคลอี้ก็กำลังนำเอ็นหอยที่บั้งแล้วใส่ลงในหม้อนึ่ง แม้จะอยากมองไปทางเคาน์เตอร์ของคาย่าแค่ไหนเขาก็ฝืนตัวเองไว้ นี่ไม่ใช่เวลาใส่ใจอาหารของคนอื่น พอคิดได้ดังนั้นมินจุนก็หันไปหยิบซีอิ๊วขึ้นมา เต้าหู้อ่อนทอดเป็นอาหารแนวญี่ปุ่น เมนูที่มินจุนกำลังทำอยู่นี้ก็ดัดแปลงมาจากอะเกะดาชิโทฟุโดยใช้เต้าหู้อ่อนเป็นหลัก แล้วดัดแปลงซอสนิดหน่อย

    เมื่อน้ำเดือดมินจุนก็ดับไฟแล้วใส่ปลาโอแห้งลงไป ทิ้งไว้สักพักก็นำน้ำซุปมากรองผ่านกระชอน จากนั้นใส่ซีอิ๊วลงไปสองสามช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำมะนาวนิดหน่อย แค่ให้มันช่วยดึงรสเปรี้ยวออกมาจากเต้าหู้

    จากนี้ไปถึงจะเป็นการเผชิญหน้าที่แท้จริง มินจุนหันไปมองเต้าหู้ ผ้าขาวบางและกระดาษซับอยู่ในสภาพที่เปียกชุ่มมากซึ่งแปลว่าน้ำจากเต้าหู้ได้ถูกดูดออกมาจนเกือบหมดแล้ว มินจุนโรยแป้งลงบนถาดแล้วค่อยๆ นำเต้าหู้วางลงไปอย่างระมัดระวัง นี่เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนมาก ถ้าออกแรงเยอะเกินไปนิดเดียวเต้าหู้อ่อนก็จะแตกได้ โชคดีที่ทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดี ทว่าก็ยังวางใจไม่ได้เต็มที่เพราะยังต้องกลิ้งเต้าหู้บนแป้งอีก ความเหนียวของแป้งและน้ำที่เหลืออยู่ในเต้าหู้อาจทำให้เต้าหู้แตกเป็นชิ้นได้

    ไม่รู้เป็นเพราะดวงหรือฝีมือกันแน่ เต้าหู้จึงถูกชุบแป้งสำเร็จโดยไม่มีความเสียหายใดๆ มินจุนหยุดพักหายใจสักครู่แล้วหันไปมองดูน้ำมันที่กำลังเดือดจัด เขาใส่เต้าหู้ชุบแป้งลงไปทอดแล้วมองดูอย่างภาคภูมิใจ พอเต้าหู้เริ่มลอยเขาก็รีบใช้กระชอนตักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “มินจุน เป็นไงบ้าง”

    “ไม่ต้องห่วง สมบูรณ์แบบ”

    มินจุนตอบคำถามของมาร์โค่สั้นๆ แค่เห็นแป้งทอดที่เคลือบผิวนอกของเต้าหู้มีสีขาวราวกับหิมะเขาก็พอใจและรู้ว่ามันสมบูรณ์แบบ ระหว่างที่รอให้เต้าหู้ทอดสะเด็ดน้ำมันเขาก็หันไปเตรียมผัก โดยนำหัวไชเท้าขูดกับแผ่นเหล็กสำหรับขูดอาหารแล้วใส่ลงไปในน้ำซอสที่ทำเตรียมไว้แล้ว จากนั้นก็หั่นต้นหอมเป็นชิ้นเล็กๆ แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย

    มินจุนหันไปมองมาร์โค่และโคลอี้ แม้ในใจจะอยากเข้าไปช่วย แต่ตามกติกานั้นไม่สามารถทำได้ เขาจึงต้องฝืนทนความคันไม้คันมือเอาไว้ มองไปที่อาหารที่ทั้งสองคนกำลังทำ จะว่าไปเขาไม่ได้มองคนทำอาหารใกล้ๆ แบบนี้มานานแล้ว ตอนทำงานอยู่ในร้านอาหารเขาได้แต่จัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ในหลืบมุมหนึ่งของครัวเท่านั้น ไม่มีโอกาสเห็นภาพคนจับกระทะสักเท่าไหร่

    หลังจากใส่แป้งบิสกิตที่ทำไว้เข้าไปในเตาอบ มาร์โค่ก็หันมาทำไอศกรีมโยเกิร์ตที่จะนำไปวางไว้ด้านบน พูดตามตรงแล้วขั้นตอนการทำของหวานก็เป็นอะไรประมาณนี้ ไม่มีเรื่องสนุกๆ ให้ดูเลย มินจุนจึงหันไปมองโคลอี้ เธอกำลังเขย่ากระทะก้นลึกที่มีเอ็นหอย ผักและซอสสีแดง มีไฟลุกพรึบขึ้นมาเป็นระยะ ขณะนี้มีอาหารเก้าอย่างถูกปรุงอยู่ในห้อง แต่เอ็นหอยของโคลอี้มีกลิ่นเข้มข้นเป็นพิเศษ

    อาจจะได้แปดคะแนนก็ได้นะ

    การคิดแบบนั้นไม่ใช่เรื่องเกินไปเลย แค่ดูจากหน้าตาและดมจากกลิ่น เอ็นหอยของโคลอี้ก็แทบจะถือว่าสมบูรณ์แบบ และเมื่อเวลาผ่านไปมินจุนก็ได้รู้ว่าความคิดของเขาถูกต้อง

     

    [เอ็นหอยราดซอส]

    ความสด : 92%

    แหล่งที่มา : (เนื่องจากใช้วัตถุดิบหลายชนิดจึงไม่เปิดเผยแหล่งที่มา)

    คุณภาพ : สูง (เฉลี่ยวัตถุดิบ)

    คะแนน : 8/10

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook