Uncategorized
ทดลองอ่าน ยอดเชฟเทพนักปรุง เล่ม 2 ตอนที่ 1
[คุณสามารถทำตามสูตรออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ]
[แอปเปิ้ลเขียวเยลลี่ทานคู่กับซึดาจิเคิร์ด]
ความสดใหม่ : 97%
แหล่งที่มา : (เนื่องจากใช้วัตถุดิบหลายชนิดจึงไม่เปิดเผยแหล่งที่มา)
คุณภาพ : สูง
คะแนน : 8/10
“สำเร็จแล้ว…!”
มินจุนเผลอตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ตอนที่ชิมซึดาจิเคิร์ดนั้นเขารู้สึกได้ว่ามันต้องออกมาดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ถึงแปดคะแนนแบบนี้ ก่อนหน้าที่เขาฝึกทำคนเดียวยังยากที่จะได้เกินเจ็ดคะแนน
เขาถอนหายใจพร้อมเงยหน้ามองนาฬิกา ใกล้จะหมดเวลาแล้ว…สาม สอง หนึ่ง แล้วโจเซฟก็ตะโกนขึ้น
“หมดเวลาครับ!กรุณาวางมือด้วย!”
ไม่มีใครที่ทำไม่เสร็จทันเวลา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะพอใจกับผลงานที่ได้ มินจุนเหลือบมองปีเตอร์ บนจานของเขามีแอปเปิ้ลที่ถูกอบในเตาและแอปเปิ้ลพูเรอยู่ ภายนอกดูน่าอร่อยมาก แต่ความจริงจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถรู้ได้ โจเซฟพูดว่า
“ทุกคนพอใจกับผลงานที่ได้มั้ยครับ”
“ครับ/ค่ะ เชฟ”
“พวกเราเฝ้าดูการทำของหวานของพวกคุณและได้เลือกสามจานที่น่าสนใจที่สุดออกมา ชื่อที่จะเรียกต่อไปนี้คือหนึ่งในสามคนที่ดูน่าเป็นห่วง น่าคาดหวัง และน่าสงสัยในเวลาเดียวกัน มินจุน!เชิญออกมาด้านหน้าด้วยครับ”
ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะสีหน้าของกรรมการตอนที่ได้รู้ว่ามินจุนรู้อัตราส่วนของวัตถุดิบนั้นยังเป็นที่จดจำ มินจุนเดินถือจานออกไปด้วยสีหน้าราบเรียบ แล้ววางลงบนโต๊ะสำหรับหนึ่งคนที่เล็กถึงขนาดที่ว่าวางจานเพียงใบเดียวก็เต็มแล้ว โจเซฟเดินออกมาก่อน
“มินจุน ช่วยอธิบายจานนี้ของคุณหน่อยครับ”
“เป็นการนำแอปเปิ้ลเขียวเยลลี่มารวมกับซึดาจิเคิร์ด เพื่อเพิ่มสัมผัสที่กรุบกรอบขณะเคี้ยวจึงนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาคั่วแล้วบดใส่ลงไป ใช้ลูกสาลี่ที่แช่ในน้ำผสมน้ำตาลมาเติมความเปรี้ยวกับความหวาน และใช้ดอกแนสเตอร์เตียมเพื่อทำให้กลิ่นน่าดึงดูดครับ”
“คุณบอกว่าเป็นการทำตามของหวานที่ได้ไปกินมาจากโรสไอส์แลนด์ อ๊ะ ไม่ต้องทำตาแบบนั้นครับ เพราะการลอกเลียนตามต้นฉบับเป็นพื้นฐานของการทำอาหาร ตอนที่คาย่าเลียนแบบริซ็อตโต้ของอลัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จำได้ใช่มั้ยครับ”
“ครับ จำได้”
“ถ้าคุณทำรสชาติออกมาได้เหมือนกับที่คุณเคยกิน เพียงเท่านี้จานนี้ก็มีคุณค่าแล้วครับ มั่นใจมั้ย”
มินจุนยิ้มแทนคำตอบพร้อมเลื่อนจานไปตรงหน้าโจเซฟ โจเซฟจ้องตาของมินจุนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบมีดและส้อมขึ้นมาหั่นเยลลี่ จากนั้นก็จิ้มลงไปที่ซึดาจิเคิร์ดเล็กน้อย แตะลงไปให้ติดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ใช้ปลายส้อมตักสาลี่ขึ้นมา แล้วทุกอย่างก็เข้าปาก
โจเซฟค่อยๆ เคี้ยว เมนูนี้มีสิ่งที่เขากังวลอยู่ หลายครั้งที่ทำเยลลี่พลาดไปนิดเดียวก็จะออกมาเหนียวเหมือนยางและไม่อร่อย หรืออาจมีแนวโน้มที่จะไม่เข้ากับวัตถุดิบอื่นๆ
อย่างแรกที่เขารับรู้ได้ผ่านปลายลิ้นก็คือรสที่สดชื่นของซึดาจิเคิร์ด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ติดอยู่กับเคิร์ดแทรกไปตามฟัน เมื่อเคี้ยวโดนก็จะมีน้ำมันที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวจากพืชตระกูลถั่วทำให้เกิดความลงตัว ปกติแล้วสาลี่จะไม่ค่อยเปรี้ยว ยิ่งเมื่อถูกนำไปแช่ในน้ำตาลก็ทำให้ความเปรี้ยวหายไปจนหมด จึงไม่รบกวนรสชาติของซึดาจิเคิร์ดเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นความกลมกลืนของคาราเมลและแอปเปิ้ลที่รู้สึกได้จากเยลลี่ก็ทำให้รับรู้ถึงพรสวรรค์ของมินจุนอย่างชัดเจน และสุดท้ายรู้สึกถึงรสเผ็ดของดอกแนสเตอร์เตียมที่ปลายลิ้น
โจเซฟถึงกับร้องอุทานออกมา
“นี่มัน! เหมือนกับเยลลี่ของเดฟเลย เคิร์ดก็เหมือน คุณทำ…รสชาติออกมาได้เหมือนมากจนน่าขนลุกเลยครับ”
“ขอบคุณครับ”
“ถ้าใส่วัตถุดิบมากเกินไปแค่นิดเดียว สมดุลทั้งหมดนี้ก็คงพังหมด และอาจจะจบลงด้วยการกลายเป็นเพียงก้อนน้ำตาลหวานๆ เท่านั้น มินจุน พรสวรรค์ของคุณทำให้ผมตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจจะต้องเรียกว่าความสามารถมากกว่าพรสวรรค์ เพราะแม้จะรู้รสชาติกับสูตร แต่การที่ทำขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้มันเป็นความสามารถของคุณล้วนๆ จานนี้เป็นของหวานที่ดีมาก ขอบคุณครับ”
พอพูดจบโจเซฟก็ถอยหลังไป คราวนี้อลันเดินออกมา เขาพยายามจะกินอย่างสง่างามเหมือนเคย แต่ครั้งนี้เขาดูรีบร้อนกว่าทุกครั้ง เขาไม่พูดอะไรมาก รีบตักเยลลี่ใส่ปาก แล้วหัวเราะแห้งๆ ออกมา
“ผมสงสัยว่าถ้าเดฟได้ดูรายการตอนนี้จะรู้สึกยังไง ดังนั้นผมขอพูดอะไรกับเดฟหน่อยก็แล้วกัน”
อลันมองไปที่กล้อง
“จานนี้ไม่ด้อยไปกว่าจานของคุณเลย เดฟ”
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ มินจุน”
ตอนสัมภาษณ์ มาร์ตินจับมือของมินจุนแน่นพร้อมมองด้วยดวงตาที่เป็นประกาย มินจุนจึงยิ้มอย่างเคอะเขินพร้อมกับดึงมือออก
“คุณมาจากไหนกันแน่ เกาหลี?โกหกใช่มั้ยล่ะ จริงๆ แล้วเป็นเทพลงมาจากสวรรค์ใช่มั้ย”
“สัมภาษณ์ต่อเถอะครับ”
“ครับๆ ขอโทษด้วย ผมตื่นเต้นไปหน่อย แล้วเป็นยังไงบ้าง คุณคือหนึ่งในสิบคนที่รอดมาได้”
มินจุนยิ้มเจื่อนๆ กับคำถามของมาร์ตินก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ที่ทั้งไม่ร่าเริงและไม่หดหู่
“ถ้าบอกว่าไม่ดีใจก็คงจะโกหกครับ แต่จะให้ดีใจมากก็ยังไงอยู่ เพราะมีสองคนต้องออกไป”
“ปีเตอร์กับเรซลี่…การที่ทั้งสองคนมาได้ถึงตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่มีความหมายมากแล้ว”
“ไม่รู้สิครับ อาจจะมีความหมายสำหรับเรซลี่ แต่สำหรับปีเตอร์ผมคิดว่าไม่”
เรซลี่ที่เลือกเวลาสองชั่วโมงและปีเตอร์ที่เลือกเวลาหนึ่งชั่วโมงต้องตกรอบไป จานที่ปีเตอร์ทำมีแต่ความหวานแสบคอ ขาดความเปรี้ยวมาตัด นั่นเป็นเพราะแช่แอปเปิ้ลในน้ำตาลนานเกินไปและอบนานเกินไปด้วย มินจุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดาย
“สุดท้ายปีเตอร์ก็ต้องจากไปโดยที่ไม่เคยได้กางปีกเลยสักครั้ง”
“คุณคิดว่ามันโหดร้าย?”
“ไม่รู้สิ ส่วนหนึ่งก็คิดว่าใครทำแบบไหนก็ได้รับผลแบบนั้น ทั้งการที่ไม่ได้แสดงความสามารถออกมาให้เห็น และการไม่ควบคุมคำพูดของตัวเอง ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของปีเตอร์ แต่ก็แค่เสียดายน่ะครับ”
“การแข่งขันก็เป็นแบบนี้ คนที่จะหัวเราะในตอนสุดท้ายได้ก็มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วคุณคิดว่าคุณจะเป็นคนคนนั้นมั้ยครับ”
“ผมคิดว่าผมยังต้องพัฒนาต่อไปอีก สภาพในตอนนี้ชนะก็เหมือนไม่ได้ชนะ ผมคิดว่าต้องพัฒนาตัวเองให้มากที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ครับ”
คำพูดนั้นทำให้มาร์ตินมองมินจุนนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร หลังจากที่ลังเลสักพักมาร์ตินก็พูดออกมา
“ฟังแล้วก็อย่าอารมณ์เสียไปนะครับ พูดตามตรง ผมอยากให้คุณอยู่ต่อไปนานๆ แต่ไม่หวังให้คุณชนะ”
เป็นคำพูดที่ค่อนข้างแรงในฐานะผู้กำกับรายการ สีหน้าของมินจุนจึงเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งมาร์ตินเคยพูดว่าอยากให้เขาชนะ นั่นอาจจะเป็นการพูดตามมารยาท แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงพูดออกมาแบบนี้ในตอนนี้ แล้วมาร์ตินก็พูดต่อว่า
“ผมไม่ได้ไม่ชอบหรือคิดว่าคุณไม่มีความสามารถพอหรอกนะ แต่ถ้าคุณชนะการแข่ง อีกประมาณหนึ่งปีต่อจากนี้คุณก็จะต้องไปออกอีเวนต์ต่างๆ มากมาย มันจะยุ่งมากๆ”
“คุณกำลังจะบอกอะไรกันแน่ครับ”
“มีรายการที่กำลังเตรียมถ่ายทำต่อจากแกรนด์เชฟ ธีมก็คือการท่องโลกเพื่อชิมอาหาร ผมเคยคิดจะเชิญเอมิลี่มาทำ เธอปฏิเสธ แต่เมื่อเดือนก่อนเธอบอกกับผมว่าถ้าหากทำตามเงื่อนไขข้อหนึ่งได้ เธอจะมาทำรายการนี้ และเงื่อนไขนั้นก็คือให้เชิญคุณมาร่วมรายการ”
มินจุนถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นเอมิลี่ก็มาคุยกับเขา แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดยื่นเงื่อนไขแบบนี้
“ผมคิดว่าคุณเป็นเชฟที่มีคาแร็กเตอร์ดีมาก นี่ไม่เกี่ยวกับการที่เอมิลี่มาเสนอเงื่อนไข ผมมั่นใจว่าคนดูจะต้องชอบการท่องโลกชิมอาหารของคนที่มีประสาทในการรับรสที่แม่นยำแน่ๆ”
“คุณกำลังจะเสนอว่าถ้าผมตกรอบก็ให้ผมไปออกรายการต่อไปของคุณ ถูกต้องมั้ยครับ”
“ผมไม่ต้องการฟังคำตอบในตอนนี้ คุณลองกลับไปทบทวนและคิดให้ดีก่อน”
มาร์ตินยิ้ม
“แต่ถ้าคุณชนะการแข่งขัน คุณก็คงไม่สามารถทำแบบนั้นได้”
Related
Comments
