• Connect with us

    Enter Books

    หนังสือเอ็นเธอร์

    เปิดแฟ้มเบาะแสนักประเมิน Q ว่าด้วย ‘ทะเลสาบ’ แห่งไต้หวัน

              แฟนๆ ของรินดะ ริโกะ นักประเมินสาวสวยของเราคงทราบกันแล้วว่าใน ‘แฟ้มคดีพิศวงของนักประเมินอัจฉริยะ Q’ เล่ม 8 ริโกะต้องออกเดินทางอย่างเร่งด่วนไปถึงไต้หวันเพื่อคลี่คลายคดีปริศนาให้ทันก่อนจะเกิดเหตุร้ายกับบ้านเกิดของเธอซึ่งการผจญภัยต่างแดนครั้งนั้นทำให้เธอได้ไปเยือนทะเลสาบที่มีชื่อเสียงของไต้หวันถึงสองแห่งด้วยกัน

              แต่ทะเลสาบทั้งสองแห่งมีความสำคัญอย่างไรทำไมมันจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในไต้หวัน จนถูกนำไปใช้ในการผจญภัยของรินดะ ริโกะ เรามาเปิดแฟ้มเบาะแสดูไปพร้อมๆ กันเลย!

    ทะเลสาบแห่งแรกที่ริโกะไปเยือนคือทะเลสาบดอกบัว(Lotus Lake หรือ Lotus Pond) ทะเลสาบดอกบัวเป็นทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่ในเมืองเกาสงซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับมาถ่ายรูปและเดินเล่น เพราะมีบรรยากาศชวนผ่อนคลายและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อยู่รอบทะเลสาบอีก เช่น รูปปั้นเทพเสวียนเทียนซ่างตี้ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเทพเจ้าของลัทธิเต๋าและสำนักบู๊ตึ๊ง นอกจากนี้ยังเป็นต้นกำเนิดเทพเจ้าเสวียนอู่ (เต่าดำ) ผู้ปกปักรักษาทิศเหนืออีกด้วยทำให้มีผู้คนแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรกันจำนวนมาก

    ภาพจาก Wikipedia

    และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ เจดีย์พยัคฆ์-มังกร เจดีย์คู่เจ็ดชั้นซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ทางเข้าเป็นปากมังกรและเสือ ภายในมีภาพเขียนเล่าเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องยี่สิบสี่ยอดกตัญญู เหล่านักปราชญ์ และเทพเซียนต่างๆ เชื่อกันว่าหากเข้าเจดีย์ทางปากมังกรและออกทางปากเสือจะช่วยเปลี่ยนเคราะห์ร้ายให้กลับกลายเป็นดีได้ด้วย เรียกว่ามาที่ทะเลสาบดอกบัวครั้งเดียวได้ทั้งสิริมงคล ทั้งภาพสวยๆ ติดไม้ติดมือกลับไปกันไม่น้อยแน่นอน

    ทะเลสาบแห่งที่สองที่นักประเมินสาวของเราไปเยือนนั่นก็คือ ‘ทะเลสาบสุริยันจันทรา(Sun Moon Lake) ทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน อยู่กลางหุบเขาในมณฑลหนานโถ ที่แห่งนี้มีทั้งทัศนียภาพงดงาม วัดวาอาราม และโรงแรมที่พักพร้อมสรรพทำให้เป็นเป้าหมายการเดินทางหลักๆ ของนักท่องเที่ยวที่มายังไต้หวัน

    ภาพจาก Wikipedia

    ที่จริงทะเลสาบสุริยันจันทรามีชื่อเรียกอื่นๆ อยู่มาก ทั้งทะเลสาบมังกร ทะเลสาบไม้ไผ่ ฯลฯ แต่เหตุที่ทะเลสาบแห่งนี้ถูกเรียกว่า ทะเลสาบสุริยันจันทรา ก็เพราะรูปร่างของทะเลสาบด้านตะวันตกจะมีลักษณะคล้ายกับจันทร์เสี้ยว และฝั่งตะวันออกก็มีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ โดยมีเกาะล่าหลู่ (Lalu) กลางทะเลสาบเป็นตัวแบ่งฝั่งสุริยันและจันทราไว้ เหตุที่ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเพราะนักเขียนชื่อเติ้งฉวนอัน (Deng Chuan-an) ได้เขียนบทความ “Travel of Shueilishe” โดยในบทความได้เรียกทะเลสาบแห่งนี้ว่า ‘Sun Moon Lake’

    แต่เดิมเกาะลาหลู่ที่ใช้แบ่งเขตมีขนาดใหญ่พอสมควรจึงมองเห็นการแบ่งฝั่งได้ไม่ยาก แต่เมื่อค.ศ.1900 ไต้หวันเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกาะล่าหลู่เองก็ได้ผลกระทบไปด้วยทำให้เหลือพื้นที่เกาะเพียงไม่มาก และปัจจุบันก็ห้ามคนขึ้นไปแล้วแต่อย่างไรก็ตามเกาะล่าหลู่ยังมีความพิเศษอีกหนึ่งอย่างนอกจากใช้แบ่งเขตฝั่งสุริยันกับจันทรา นั่นคือหากใครได้ไปล่องเรือในทะเลสาบรอบๆ เกาะลาหลู่จะเห็นว่ามีรูปปั้นกวางขาวตั้งอยู่บนเกาะ แน่นอนว่าไม่ได้นำมาตั้งกันเล่นๆ เพราะเรื่องนี้มีที่มา ตามตำนานเล่าขานว่าชาวเซา (Thao) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของเกาะไต้หวัน ได้ไล่ล่ากวางสีขาวลึกเข้ามาในป่าจนมาถึงทะเลสาบแห่งนี้และพบว่ามันอุดมสมบูรณ์ทั้งน้ำทั้งอาหาร จึงมีการย้ายกันมาอยู่ในละแวกนี้และยกให้เกาะล่าหลู่เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์

    แต่ถึงทะเลสาบสุริยันจันทราจะสวยงามและดูเงียบสงบเพียงใด ก็ห้ามนักท่องเที่ยวลงไปว่ายน้ำอย่างเด็ดขาด เนื่องจากความลึกและอุณหภูมิน้ำที่เย็นอาจทำให้เกิดอันตรายได้ แต่ทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีจัดการแข่งขันว่ายน้ำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในชื่องานว่า “Sun Moon Lake Swimming Carnival” โดยจะเป็นการว่ายน้ำตัดทะเลสาบเป็นระยะทางยาวประมาณสามกิโลเมตร ซึ่งมีผู้เข้าร่วมท้าทายว่ายข้ามทะเลสาบนับหมื่นคนเลยทีเดียว

    ภาพจาก www.news.cn

    เป็นอย่างไรกันบ้าง ถึงจะเป็นแค่ฉากหนึ่งในหนังสือแต่มีเรื่องราวซ่อนอยู่มากมายเลยใช่ไหม หากใครมีโอกาสได้ไปไต้หวันก็อย่าลืมแวะเที่ยวทะเลสาบทั้งสองแห่ง รับรองสวยงามประทับใจจนไม่อยากกลับแน่นอน!

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in หนังสือเอ็นเธอร์

    นิยายยอดนิยม

    Facebook