• Connect with us

    Enter Books

    มุมชงกาแฟ

    5 การพัฒนาตัวเอง จาก 5 ตัวละครในสยบฟ้าพิชิตปฐพี

    การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งเราทุกคนล้วนต่างต้องการ การที่เป็นคนที่เก่งขึ้นในแต่ละวันย่อมเป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์ แต่สิ่งที่ยากก็คืออุปสรรคมากมายที่อาจทำให้เราพัฒนาได้ช้าหรือไม่พัฒนาเลย ดังนั้นแต่ละคนจึงมีวิธีการพัฒนาตนเองที่แตกต่างกันไปบางคนให้ความสำคัญกับวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจากผู้เชี่ยวชาญหรือไอดอลที่ตนเองชอบ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงประโยชน์ที่ได้จากการอ่านิยายกำลังภายในอย่าง ‘สยบฟ้าพิชิตปฐพี’นอกจากเรื่องราวที่สนุกแล้วถ้าเรามองดีๆ เรื่องราวและแรงจูงใจของตัวละครแต่ละตัวในการฝึกฝนเพื่อให้เก่งขึ้นนั้นล้วนมีเหตุผลที่แตกต่างกัน เราลองมาดูกันดีกว่าว่าใครพัฒนาตัวเองจากอะไรบ้าง แล้วเราจะเลือกวิธีการพัฒนาตัวเองผ่านตัวละครตัวไหนดี เพื่อให้เข้ากับชีวิตจริงที่เราต้องเผชิญ

     

    1. ‘ซังซัง’  ใช้  ‘ความรัก’ และความห่วงใยพัฒนาตนเองเพื่อปกป้องคนที่ตนรัก

    ซังซังเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทในเรื่องเป็นอย่างมาก นางเป็นสาวใช้ของหนิงเชวียพระเอกของเรา การพัฒนาของซังซังในด้านต่างๆ ทั้งวิชาความรู้และประสบการณ์ชีวิตล้วนมีสิ่งนำพาคือ ‘ความรัก’เป็นความรู้สึกที่มีต่อหนิงเชวีย หลายครั้งที่เราพยายามพัฒนาตนเองเพื่อใครบางคน หวังจะให้เขาหันมาสนใจหรือใช้พลังเพื่อที่จะปกป้องเขาอยากให้เขามีความสุข มันเป็นพลังที่งดงามและสามารถทำให้คนเกิดการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้บางครั้งเป้าหมายในการพัฒนาตนเองนั้นจะไม่สมหวังก็ตามแต่ผู้ที่ใช้ความรักในการชี้นำส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามและเห็นถึงความสำคัญของหลายๆ สิ่ง จนกลายเป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง

     

    2. ‘หนิงเชวีย’  ใช้  ‘ความมุ่งมั่น’  ระดับสยบฟ้าแม้สวรรค์ก็หยุดข้าไม่ได้

    หนิงเชวียนับว่าเป็นตัวละครที่สื่อถึงความมุ่งมั่นได้ชัดเจน สิ่งที่เขาพยายามฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเนื่องจากเขามีเป้าหมายที่ไม่สั่นคลอน การแก้แค้นของเขาจะนับว่าเป็น ‘ความแค้น’ ก็ได้ แต่มองโดยรวมแล้วมันเป็น ‘ความมุ่งมั่น’มากกว่า เขาฝึกฝนตนเองแม้ใครต่อใครจะบอกว่าเขาไม่มีความสามารถเพียงพอแต่เขาก็พยายามโดยไม่สนใจสายตาผู้คนพิสูจน์ตนเองจนได้สิ่งที่ไม่มีใครทำได้มาครอบครองและทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จได้ คาแรคเตอร์ของหนิงเชวียอาจเป็นที่มาของชื่อเรื่อง ‘สยบฟ้าพิชิตปฐพี’หรือคนก็คือคนที่พยายามแม้สวรรค์ก็ขวางทางเขาไม่ได้จนกลายเป็นคนที่สามารถสยบฟ้าได้นั่นเอง

     

    3. ‘เยี่ยหงอวี๋’  ใช้  ‘ความเย่อหยิ่ง’  เพราะสูงส่งจึงต้องแข็งแกร่ง

    เยี่ยหงออวี๋หรือที่เรารู้จักกันในฉายา‘ผู้งมงายยุทธ์’นางมีชาติกำเนิดที่ดีและมีพรสวรรค์จึงทำให้มีความก้าวหน้าในการฝึกฌานเร็วกว่าผู้อื่นในช่วงวัยเดียวกัน นางเป็นคนเย่อหยิ่งมากอีกนัยหนึ่งไม่ใช่เพราะชาติกำเนิดที่ทำให้นางคิดว่าตนเองสูงส่งแต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของนาง เหตุผลที่ทำให้นางต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและฝักใฝ่ในความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ใดจนได้ฉายา‘ผู้งมงายยุทธ์’ เพราะสิ่งที่จะทำให้นางเป็นตัวนางก็คือการอยู่เหนือกว่าผู้ใด‘ความเย่อหยิ่ง’ ไม่ใช่ความคิดที่ร้ายกาจเสมอไปหากเราสามารถนำมันมาใช้เพื่อพัฒนาตนเองได้ก็จะกลายเป็นเรื่องดี และ

                           – ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมต้องมีจิตใจเมตตาต่อผู้อ่อนแอในที่สุด –

     

    4. อวี๋เหลียน (ศิษย์พี่ 3) ขจัดความมืดในใจด้วยพลังแห่งแสงสว่าง

    ‘อวี๋เหลียน’ เป็นหนึ่งในศิษย์พี่ของหนิงเชวีย เธอเคยเป็นธิดาพรรคมารมาก่อนแต่ต้องการที่จะค้นหาความหมายของชีวิตจึงได้มาเป็นศิษย์ของท่านจอมปราชญ์ สิ่งที่ขับเคลื่อนให้เธอพัฒนาตนเองไม่ใช่ความรู้สึกที่เรียบง่ายขนาดนั้นแต่เป็นการหลุดจาก‘ความสับสน’ ที่อยู่ในใจ

    คนเราล้วนมีความสับสนในใจเสมอไม่ว่าจะเรื่อง การเรียน การงาน ความรัก ฯลฯ การตัดสินใจเลือกทำอะไรสักอย่างสิ่งที่ตามมาล้วนเป็นความสับสนเสมอ การที่เราพัฒนาตนเองเพื่อที่จะเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งนั่นก็ถือเป็นวิธีการที่ทำให้เราหลุดจากความสับสนได้ ความสับสนจะใหญ่หรือเล็กก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคนว่าปรารถนาในสิ่งใดและจะไปยังเป้าหมายนั้นได้อย่างไร ทุกสิ่งที่กระทำเพื่อให้หลุดพ้นจากความสับสนก็เป็นสิ่งที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเมื่อวานได้

    ขออภัยเรื่องการใช้รูปภาพจากซีรี่ส์เนื่องจากศิษย์พี่ 3 ยังไม่ได้ขึ้นปกแหะๆ

     

     

    5. ‘หลงชิ่ง’  ใช้  ‘ความแค้น’  เพื่อแก้แค้นแม้ต้องขายวิญญาณให้ปีศาจก็ยอม

    อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าตัวละครนี้เป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ที่แสดงถึง ‘ความแค้น’ได้ดีมากหลังจากที่ถูกหนิงเชวียพระเอกของเราทำลายพลังธรรมชาติ ทำให้เขาตกต่ำยิ่งกว่าคนธรรมดาเสียอีกหลงชิ่งสูญเสียทุกอย่างทั้งพลังตัวตนและความเชื่อมั่นในตนเองในช่วงที่เขาตกต่ำเขาได้ค้นพบบางอย่าง ที่จะทำให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอีกครั้งจากที่เคยเย่อหยิ่งและถูกเรียกว่าคนเก่งมีทุกอย่างในครอบครองอยู่เหนือกว่าคนอื่น เขาได้เรียนรู้ที่จะทำทุกวิถีทางที่จะมีชีวิตรอดแม้ต้องขายวิญญาณให้ปีศาจก็ตาม เพื่อเป้าหมายที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้นั่นก็คือ ‘แก้แค้นหนิงเชวีย’

    เปรียบเทียบก็เหมือนกับคนเราเวลาเราโดนดูถูก โดนต่อว่าว่าไม่มีความสามารถ ทำสิ่งนั้นไม่ได้หรอกเป็นสิ่งนี้ไม่ได้หรอก แน่นอนมันเป็นคำพูดที่เจ็บปวดและสามารถทำร้ายจิตใจของผู้ฟังให้แตกสลายได้ แต่ท้ายที่สุดผู้ที่โดนดูถูกมีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น ‘ยอมแพ้ให้กับคำเหล่านั้นและอ่อนแอต่อไป’ หรือเหมือนกับสิ่งที่หลงชิ่งทำ‘นำคำดูถูกเหล่านั้นมาเป็นพลัง’ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นมันไม่จริง ‘ความแค้น’ เป็นสิ่งที่ดูเลวร้ายและไม่ดี แต่สิ่งที่จะพัฒนาตัวเราได้มากที่สุดก็คือความแค้นนี่เองแต่

    – เหตุผลในการใช้ความแค้นพัฒนาตนเองไม่ใช่เพื่อแก้แค้นต่อผู้ดูถูก แต่แก้แค้นตัวเราที่อ่อนแอในอดีตต่างหาก –

     

    ‘แรงจูงใจ’เป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้พัฒนาตนเองเพียงแค่เราต้องมีสติและคิดให้ดีว่าการพัฒนาตนเองของเรานั้นทำให้ใครเดือดร้อนหรือไม่ถ้าทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวด ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควร เราต่างพัฒนาตนเองเพื่อเป้าหมายเสมอและสิ่งสำคัญที่สุดเราจงมีความสุขกับการพัฒนาตนเองด้วย ไม่อย่างนั้นการพัฒนาก็ไม่ต่างจากเครื่องมือที่ใช้ทำร้ายผู้อื่น

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in มุมชงกาแฟ

    นิยายยอดนิยม

    Facebook