• Connect with us

    Enter Books

    มุมชงกาแฟ

    มหากาพย์จอมขุด (สุสาน) ภาคปลาย

    ในมหากาพย์จอมขุดฯ คราวที่แล้วได้เกริ่นไว้ ว่านอกจากสุสานของมหาบุรุษบูรพกษัตริย์ แดนมังกรยังมียอดหญิงที่ควรค่าแก่การเคารพยกย่องอีกมากนัก แม้สิ้นลมหายใจไปแล้วก็ยังฝังร่างไว้ในสุสานซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ระลึกถึง จะมีสุสานของผู้ใดบ้างนั้น มาติดตามกันต่อเลย

    สุสานเฉียนหลิง (Qianling Mausoleum)

    สุสานเฉียนหลิง นับเป็นสุสานตัวแทนแห่งราชวงศ์ถัง อยู่ไม่ห่างจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีที่ซีอาน ซึ่งอันที่จริงต้องบอกว่าพื้นที่แถบซีอานนี้เป็นราชธานีของจักรพรรดิจีนมาหลายราชวงศ์ ไม่ว่าจะฉิน (จิ๋น) ฮั่น หรือถัง จึงไม่แปลกที่จะมีการขุดพบสุสานทั้งของเชื้อพระวงศ์และขุนน้ำขุนนางจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ซีอานกลายเป็นสวรรค์ของนักขุดสุสานโบราณ รัฐบาลจีนถึงขนาดตีตราให้ซีอานมีฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางการวิจัยด้านโบราณคดีของมณฑลส่านซี

    กลับมาว่ากันต่อถึงสุสานเฉียนหลิง ความสำคัญของมันคือเป็นสถานที่เก็บพระศพของจักรพรรดิถังเกาจง และจักรพรรดิหญิงพระองค์แรกและพระองค์เดียวแห่งอาณาจักรจีน...พระนางอู่เจ๋อเทียน (พระนางบูเช็กเทียน) ผู้เป็นมเหสีของถังเกาจง ด้วยพระปรีชาญาณของพระนางในการช่วยพระสวามีบริหารแผ่นดิน ทำให้ราชวงศ์ถังในรัชสมัยนี้เฟื่องฟูไปด้วยศิลปะและวรรณคดี อีกทั้งด้านความสัมพันธ์กับอาณาจักรอื่นๆ ก็เป็นไปอย่างเหมาะควร ที่ควรรบด้วยก็มีชัยชนะเด็ดขาดเหนือแดนศัตรู ที่ควรผูกสัมพันธ์ด้วยก็มีไมตรีดีงามต่อกัน นำมาซึ่งความเจริญด้านวัฒนธรรม

    สุสานเฉียงหลิงมีการก่อสร้างและตกแต่งอย่างงดงามสมกับตัวพระนางอู่เจ๋อเทียน เต็มไปด้วยรูปสลักคนและสัตว์ที่ตระการตาดูมีชีวิตชีวามากมาย ที่น่าสนใจคือภายในสุสานจะมีแท่นศิลาจารึกซึ่งปกติควรมีไว้เพื่อประกาศเกียรติคุณเจ้าของสุสาน ทว่าศิลาจารึกแผ่นนี้กลับราบเรียบว่างเปล่า ผู้คนจึงตีความได้ 2 ประการ หนึ่งคือพระนางทรงสร้างคุณูปการให้กับราชวงศ์ถังมากมายจนไม่อาจจารึกความได้ครบถ้วน สองคือพระนางปกครองบ้านเมืองด้วยความโหดเหี้ยมเด็ดขาด จนมิคู่ควรแก่การสรรเสริญสดุดีใดๆ เหตุผลแท้จริงจะคืออะไรก็สุดแท้แต่การตีความของแต่ละคน

     

    สุสานหวังเจาจวิน (The Tomb of Zhaojun)

    หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ ‘หวังเจาจวิน’ ว่าเป็น 1 ใน 4 สุดยอดหญิงงามในประวัติศาสตร์จีน เจ้าของวลี ‘ปักษีตกนภา’ อันเป็นการเปรียบเปรยว่าแม้แต่นกที่บินอยู่ฟ้าเมื่อได้เห็นนางก็ยังตกตะลึงในความงามจนถึงกับลืมกระพือปีกบิน สตรีผู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงตำนาน แต่มีตัวตนอยู่จริง และก็มีสุสานเป็นของตัวเองเสียด้วย

    หวังเจาจวินมีบทบาทโดดเด่นในประวัติศาสตร์จีน เดิมทีนางเป็นนางกำนัล (บางตำราก็ว่าเป็นสนมตัวเล็กๆ) ในราชสำนักของจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของแผ่นดิน นางจึงอาสาไปเป็นบรรณาการให้กับพวกซยงหนู การเสียสละนี้ของนางทำให้แผ่นดินฮั่นรอดพ้นจากการรุกรานของชนเผ่านอกด่านมาได้เป็นเวลาถึง 60 ปี เมื่ออยู่ในราชสำนักซยงหนูนางก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นดังพระอัครมเหสี และได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างน่าชื่นชม หวังเจาจวินจึงได้รับการยกย่องจากทั้งชาวฮั่นและชาวซยงหนู

    สุสานหวังเจาจวินตั้งอยู่ในพื้นที่แถบมองโกเลียใน บนทุ่งกว้างที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล มีเนินสูง 33 เมตรเป็นจุดดึงดูดสายตา ความพิเศษมหัศจรรย์ของสุสานแห่งนี้ก็คือแม้จะเป็นในฤดูใบไม้ร่วงที่ทุ่งหญ้าทั่วไปจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งหมด แต่เฉพาะพื้นหญ้าที่สุสานเท่านั้นจะยังมีสีเขียวอยู่ สุสานหวังเจาจวินจึงมีชื่อเล่นว่า ‘Green Tomb’ พอถึงฤดูร้อน ที่นี่ก็จะยิ่งงดงามไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสำริดหวังเจาจวินนั่งอยู่บนหลังม้าเคียงคู่กับท่านข่านฮูหานหยาพระสวามี และรูปปั้นหวังเจาจวินสลักจากหินสีขาวในอิริยาบถแสนอ่อนช้อยด้วย

     

    สุสานอื่นๆ

    อาณาจักรจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานขนาดไหน แผ่นดินจีนกว้างใหญ่เพียงใด กี่ราชวงศ์มาแล้วที่ปกครองดินแดน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีการขุดพบสุสานโบราณมากมาย นอกจากสุสานสำคัญๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วก็ยังมีสุสานย่อมๆ อีกนับไม่ถ้วนซึ่งทุกวันนี้ก็ยังขุดพบอยู่เนืองๆ ที่น่าสนใจและเป็นที่ฮือฮาก็คือการขุดพบสุสานของหญิงสูงศักดิ์นางหนึ่งที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นภรรยาของขุนนางในสมัยจักรพรรดิฮั่นเกาจู่

    เหตุผลที่ทำให้การค้นพบนี้ถูกกล่าวขานก็เพราะศพของท่านหญิงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อย่างมาก เป็นมัมมี่ที่ผิวหนังมิได้แห้งกรอบ แต่กลับนุ่มนิ่มราวกับเพิ่งฝังได้ไม่กี่วัน จนสามารถชันสูตรสาเหตุการสิ้นชีวิตของท่านหญิงได้จากการตรวจสอบกระเพาะอาหารเลยทีเดียว โดยมีการพบเมล็ดแตงจำนวนมาก คาดว่าน่าจะเสียชีวิตเพราะกินผลแตงมากเกินไปทำให้ร่างกายเย็นจัด ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระตุก หัวใจวายเฉียบพลัน

     

    ต่อมา ณ เมืองเหลียนหยุนกัง มณฑลเจียงซู ก็ได้ขุดพบหลุมฝังศพอีกแห่ง และพบศพสตรีซึ่งถูกฝังมานานกว่าสองพันปี ทว่ายังคงมีสภาพสมบูรณ์เช่นเดียวกัน ผลการชันสูตรออกมาตรงข้ามกับท่านหญิงรายแรก เพราะสตรีผู้นี้แทบจะไม่มีอาหารตกค้างในกระเพาะเลย ประกอบกับสภาพหลุมฝังศพที่ไม่ค่อยมีข้าวของเครื่องใช้ฝังลงมาเท่าไรนักเมื่อเทียบกับของท่านหญิง จึงเป็นไปได้ว่านางคงจะมีชีวิตอยู่ในช่วงที่แผ่นดินประสบภัยพิบัติขาดแคลนอาหาร หรือไม่ก็เจ็บป่วยกินอะไรไม่ลงก่อนจะตายไป

    หากสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือศพสตรีผู้นี้อยู่ในอากัปกิริยาอ้าปากกว้าง ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ บ้างก็ว่านางคงประสบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญก่อนตาย บ้างว่านางอาจถูกเข้าใจผิดว่าตายไปแล้วทั้งๆ ที่ไม่ใช่ จึงถูกฝังทั้งเป็น ฟื้นขึ้นมาพบว่าตนอยู่ในโลงศพจึงกรีดร้องเรียกให้คนมาช่วย ทว่าก็สายเกินแก้ ความคลุมเครือนี้เองที่ทำให้การค้นพบสุสานนี้มีชื่อเสียงไม่แพ้สุสานอื่นๆ เลย

    ทุกวันนี้สุสานทั้งหลายกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศจีน เป็นมรดกโลก และแน่นอนว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักประพันธ์ทั้งหลายด้วย นวนิยายจีนที่มีธีมเป็นการขุดพบสุสานก็มีอยู่มากมายหลายเรื่อง อย่าง ‘ซยงหนู ทัณฑ์สวรรค์ อาถรรพ์ต้องสาป’ ของเอ็นเธอร์บุ๊คส์เรานั้นก็ใช่ แต่จะว่าถึงสุสานของผู้ใดนั้น ต้องให้ทุกท่านไปสดับรับชมเรื่องราวด้วยตัวเองแล้วล่ะ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in มุมชงกาแฟ

    นิยายยอดนิยม

    Facebook