Paric L’escale ที่พักนักท่องมิติ…คฤหาสน์หลังนี้มีอยู่จริง

ไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็คือแนวต้นโอ๊กตลอดสองข้างทางซึ่งทอดตัวยาวโดยที่กิ่งก้านแผ่โค้งเข้าหากันจนดูเหมือนอุโมงค์ ต้นโอ๊กเก่าแก่โบราณเหล่านี้คาดว่ามีอายุเกือบ 300 ปี ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดเป็นคนปลูกพวกมัน ส่วนคฤหาสน์สีขาวที่ปลายอุโมงค์นั้นสร้างขึ้นภายหลัง โดยแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1837 เป็นฝีมือของแรงงานทาสล้วนๆ

คฤหาสน์หลังนี้รอดพ้นจากสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา (Civil War) มาได้โดยไม่ถูกเผาทำลาย ทว่าก็ยังทรุดโทรมลงจากกาลเวลาอยู่ดี เมื่อค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงเกินรับไหว มันก็ถูกขายทอดตลาดในเวลาต่อมา ในปี ค.ศ.1925 แอนดรูว์ สจ๊วตได้เข้ามาซื้อคฤหาสน์และทำการบูรณะเพื่อมอบให้เป็นของขวัญแด่ภรรยาสุดที่รักโจเซฟิน

ครอบครัวสจ๊วตอาศัยอยู่ที่นี่และก่อตั้งมูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไร ทำประโยชน์ให้ชุมชน จนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิตลง เพื่อเป็นการระลึกถึงโจเซฟิน นาฬิกาทุกเรือนในคฤหาสน์จะถูกหยุดเวลาไว้ที่ 7.30 อันเป็นเวลาที่โจเซฟินหมดลมหายใจ ร่างของสามีภรรยาสจ๊วตถูกฝังอยู่ในที่ดินของคฤหาสน์ ต่อมาในปี ค.ศ.1978 สถานที่แห่งนี้ก็ได้รับเลือกให้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ สถานที่ต้องห้ามพลาดประจำเมืองนิวออร์ลีนส์

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสามารถซื้อทัวร์ชมภายในของคฤหาสน์ได้ ไกด์ในเครื่องแต่งกายย้อนยุคจะพาลูกทัวร์เยี่ยมชมในแต่ละห้องพร้อมบรรยายประวัติความเป็นมาให้ฟัง นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดกับรูปถ่ายคู่กับอุโมงค์ต้นโอ๊กอายุเกือบ 300 ปีเหล่านี้ ว่ากันว่าต้นโอ๊กบางต้นมีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ด้วยซ้ำ คู่รักหลายคู่ได้เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้ง โรแมนติกจริงๆ

แต่นอกเหนือจากความสวยงาม ที่นี่ก็ยังมีมุมลึกลับชวนขนลุกอยู่ด้วย อย่างที่รู้กันว่าเมืองนิวออร์ลีนส์นั้นเป็นสมรภูมิหลักแห่งหนึ่งของสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ พื้นที่แห่งนี้จึงมีคนตายมากมาย ไหนจะพวกทาสที่ถูกใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ยังมีเหตุการณ์ที่เจ้าของที่ดินตายลงในคฤหาสน์อีก สถานที่แห่งนี้จึงอุดมไปด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงเรื่องผีๆ เช่น วิญญาณผู้หญิงที่ว่ากันว่าเป็นโจเซฟิน สจ๊วต หลังพระอาทิตย์ตกดินมักมีคนเห็นหล่อนยืนมองออกมาจากนอกหน้าต่างห้องลาเวนเดอร์ มีคนได้ยินเสียงย่ำของเกือกม้าและเสียงลากรถม้า กับเห็นก้อนดินถูกเตะลอยขึ้นจากพื้นทั้งที่ก็ไม่เห็นจะมีม้าอยู่แถวนั้นเลยสักตัว ยังมีเหตุการณ์ที่เชิงเทียนลอยไปมาได้เองกลางวันแสกๆ ต่อหน้าต่อตานักท่องเที่ยว หรือเก้าอี้ที่ไม่มีคนนั่งพร้อมใจกันขยับอย่างพร้อมเพรียงด้วย

ด้วยเหตุผลทั้งความสมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรม ภูมิทัศน์และประวัติศาสตร์ ทำให้ Oak Alley Plantation มักถูกใช้เป็นโลเคชั่นสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ ละครซีรีส์ มิวสิกวีดิโอ อาทิ Midnight Bayou, Ghost Hunters, Nightrider, Primary Colors, Interview with a Vampire, มิวสิกวีดิโอเพลง Déjà Vu ของบียอนเซ่ ฯลฯ และแน่นอนว่ารวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนิยายแฟนตาซีเรื่อง Paric L’escale ด้วย