• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่านนิยาย ล่า ตอน รังอินทรีเหนือขุนเขา บทที่ 1

    ทันทีที่ถึงเป่ยจิงบอดใหญ่จ้าวก็ดึงดันจะพาสามเณรน้อยไปทุ่งล่าสัตว์ก่อน ส่วนผมก็เรียกรถตรงดิ่งไปที่ร้าน

    พอเห็นเรือนสี่ประสานอันคุ้นตา ผมก็เริ่มรู้สึกหดหู่ ใจเต้นระส่ำ ผมหยิบเอากุญแจขึ้นมาไขประตู แต่กว่าจะเปิดออกได้ก็ต้องเสียบอยู่หลายที

    พอประตูเปิดออก ผมก็ชักเท้าก้าวตรงดิ่งเข้าไปในลาน ก่อนจะพบว่าในลานว่างเปล่า ใต้ต้นไม้ที่ยืนตระหง่านโดดเดี่ยวอยู่กลางลานนั้นมีแต่เพียงเก้าอี้หวายตัวหนึ่ง

    ผมยืนนิ่งอยู่ที่นั่น น้ำตาเจียนหลั่ง อุตส่าห์สู้ยืนหยัดเพื่อกลับมา หรือว่าทุกสิ่งจะเหลือเพียงความว่างเปล่า!

    ผมเหวี่ยงหมัดใส่ต้นไม้เต็มแรง เจ็บจนน้ำตาร่วง ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า แทบทรงตัวไม่อยู่

    ขณะที่กำลังโศกเศร้า จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูของใครบางคนดังลอยมา“อ้าวๆ ที่แท้ก็เถ้าแก่เสี่ยวชีนี่เอง เถ้าแก่เสี่ยวชีของพวกเรากลับมาแล้ว!”

    ผมหันหน้ามองกลับไป หม่าซานสวมหมวกทรงกะลาครอบไว้บนหัว พาดผ้าขนหนูผืนหนึ่งไว้บนไหล่ ปั้นหน้าเจ้าเล่ห์ เล่นหูเล่นตาใส่ผม

    ผมอ้าปากเตรียมด่า แต่แล้วจู่ๆ เขาก็เบี่ยงตัวเผยให้เห็นคนที่หลบอยู่ทางด้านหลัง

    “ไม่ได้พบกันเสียนานเถ้าแก่เสี่ยวชี!”จีเสี่ยวเหมี่ยนค้อมตัวน้อยๆ ยิ้มมองดูผม

    “จี…จี…จีเสี่ยวเหมี่ยน!” ผมตะลึงพูดอะไรไม่ออก “คุณ คุณ…คุณไปไหนมา ผมคิดว่า…คิดว่า…คุณ…”

    จีเสี่ยวเหมี่ยนยิ้มเจ้าเล่ห์ “คิดว่าอะไร คิดว่าฉันหายสาบสูญ? หรือคิดว่าฉันถูกคนล่อลวงไป?หรือคิดว่าฉันกลายเป็นหัวฟักทองไปแล้ว?”

    “หัวฟักทองอะไร” ผมไม่เข้าใจ

    “ก็คนโง่*ไง ตาทึ่ม!”เธอหัวเราะคิกคัก

    จีเสี่ยวเหมี่ยนหายกลับมาเป็นปกติได้อย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนกับที่เธอสูญเสียความทรงจำไปอย่างน่าประหลาด

    จีเสี่ยวเหมี่ยนที่กลับมาเป็นปกติทำงานคล่องแคล่วเฉลียวฉลาด ไม่เพียงแต่จัดการดูแลงานในร้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ยังจัดการงานบ้านได้อย่างไม่มีที่ติอีกต่างหาก ทำเอาหม่าซานถึงกับยอมสยบอยู่ใต้ชายกระโปรง คอยวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ไม่ห่าง ปากหวานราวกับฉาบไว้ด้วยน้ำผึ้ง พร่ำเรียกเธอเถ้าแก่เนี้ยๆ ไม่ขาด

    ผมกลายเป็นเถ้าแก่ร้านที่ทำตัวสบายๆ ไปวันๆ ไม่ต้องเหนื่อยแรงลงมือทำอะไร ทุกวันทำเพียงเดินสองมือไขว้หลังอยู่ในร้าน ดื่มชา เล่นกับนก พูดคุยสัพเพเหระอยู่กับลูกค้า สุขสบายไม่ต่างอะไรกับนายห้าง

    แต่ใจผมกลับแอบรู้สึกว่าจีเสี่ยวเหมี่ยนคนนี้คล้ายมีอะไรบางอย่างต่างจากจีเสี่ยวเหมี่ยนคนก่อน

    ถึงเธอจะดูเหมือนเดิม เฉลียวฉลาด พูดจาตรงไปตรงมา หงุดหงิดฉุนเฉียวบ้างเป็นบางคราวเหมือนจีเสี่ยวเหมี่ยนที่ผมพบเจอในครั้งแรก

    ทว่าผมก็ยังคงรู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพียงแต่ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง บอกได้เพียงว่ารู้สึก

    ผมเคยแอบถามหม่าซาน ที่เขาบอกกับผมทางโทรศัพท์นั้นหมายความว่ายังไง

    หม่าซานบอกว่าในตอนนั้นที่เขาโทรหาผม จู่ๆ จีเสี่ยวเหมี่ยนก็เข้ามา แถมความทรงจำยังกลับคืนเป็นปกติราวกับไม่เคยสูญเสียความทรงจำมาก่อน เขารีบไปดูแลเธอจึงไม่ได้สนใจโทรศัพท์อีก บางทีที่ผมโทรไม่ติดอีกหลังจากนั้นก็เพราะแบตฯ หมด

    ผมถามต่อว่าเรื่องเมื่อสามสิบปีก่อนที่จีเสี่ยวเหมี่ยนว่าหมายถึงอะไร เธอได้บอกหรือเปล่า

    หม่าซานส่ายหน้า บอกว่านับแต่วันนั้นจีเสี่ยวเหมี่ยนก็ไม่ได้พูดถึงมันอีก ส่วนเขาเองก็ไม่กล้าถาม

    วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

    น้าเล็กหรือนายห้างก็ยังคงไม่กลับมา

    เขาหายสาบสูญไปเงียบๆ ไร้ร่องรอย คนที่เดินทางไปพร้อมกับเขาก็เช่นกัน ราวกับไม่เคยมีคนเหล่านี้อยู่บนโลก

    นายห้างแม้จะไม่อยู่ แต่ร้านขายหนังสัตว์ก็ยังคงเปิดดำเนินกิจการเหมือนเก่า ไม่มีผลกระทบอะไรมากมายนัก

    บางทีอาจเพราะเขาได้เตรียมการทุกอย่างไว้ก่อนล่วงหน้า ตัดร้านขายหนังสัตว์กับทุ่งล่าสัตว์ออกจากธุรกิจการค้าอื่นๆ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างสะอาด ดังนั้นแม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรต่อกิจการทั้งสอง

    ทว่าผมกับบอดใหญ่จ้าวต่างคิดว่านายห้างเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการเรื่องราวต่างๆ คอยบัญชาการศึกอยู่แนวหลัง ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนมีแผนอยู่ในใจ การที่เขารีบร้อนเดินทางจากไปแบบนั้นแสดงให้เห็นชัดว่ามีอะไรบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้น จำเป็นต้องเดินทางไปดูแลด้วยตนเอง

    และนี่ก็คือสิ่งที่ผมวิตก แต่นอกจากรอแล้วพวกเรายังจะทำอะไรได้อีก

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook